บทที่ 19 โรงเรียนลิเบอร์
หลังจากนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมาในห้องตัวเอง แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากไปฟังเรื่องเวทปีศาจในห้องลาน่า หลังจากนั้นก็สลบไป
หรือว่า.. ฉันโดนวางยาสลบ!? แต่ว่าทำไปทำไมล่ะ ถ้าจะฆ่าฉันก็น่าจะฆ่าง่ายนี่น่า ฉันขมวดคิ้วคิด… ถึงจะยังไม่รู้เรื่องแต่ก็ต้องระวังตัวมากกว่านี้
ฉันคิดแบบนั้นจริงด้วยสิฉันต้องฝึกเวทปีศาจและเวทมนุษย์ … แค่นั้นไม่พอต้องฝึกดาบด้วย แต่ว่านะ ท่านแม่ไม่ค่อยอยากให้ฉันฝึกดาบน่ะสิ
ก็แบบว่าถ้าจับดาบก็ต้องสู้แนวหน้าบาดเจ็บอะไรแบบนั้นนี่น่า แต่ฉันก็ไม่ได้ฝึกไปต่อสู้แนวหน้าอยู่แล้วนี่
ใครจะไปยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสู้เอาเป็นเอาตายกันละ อย่างน้อยฉันคนหนึ่งแหละ ที่ไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ
แต่ก็นะ ฉันฝึกเอาไว้ป้องกันตัวนี่น่า เพราะงั้นคงไม่เป็นไรหรอก
แต่พอฉันไปของท่านแม่ ท่านแม่ก็ปฏิเสธหลังชนฝาอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ฉันเลยไปขอร้องท่านพ่อแทน
ท่านพ่อเองก็ใช้ดาบเหมือนกัน พอฉันขอร้องก็อนุญาตทันทีเลย แต่พนันได้เลยว่าหลังจากนี้ท่านพ่อโดนท่านแม่กระทืบแน่นอน
ส่วนเลวี่ ฉันไม่อนุญาตให้เธอฝึกด้วยแน่นอนอยู่แล้ว ก็เป็นน้องสาวนี่น่า!? ใช่ เพราะเป็นน้องสาวเลยห้ามฝึกดาบ
ถึงเธอจะดูไม่พอใจฉันอยู่บ้าง แต่ว่าก็เชื่อฟังฉันทันทีหลังจากฉันลูบหัวเธอ สมกับที่เป็นน้องสาวที่น่ารักจริงๆ (ซิสค่อน)
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องฝึกดาบแต่ท่านพ่อไม่ได้มาฝึกให้ฉันหรอกนะ ในอาณาจักรอาเดฟ เหมือนจะมีขุนนางอยู่เยอะ
แถมขุนนางเหล่านี้ก็ไม่ใช่ขุนนางชั่วที่แบบเกาะภาษีประชาชนด้วย เพราะขุนนางคืออัศวิน การที่จะเป็นขุนนางได้อย่างน้อยก็ต้องสามารถปกป้องประเทศนี้ได้
แล้วหนึ่งในเจ็ดตระกูลขุนนางที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร ตระกูล วินเชนท์ เป็นตระกูลนักรบดาบเพียวๆ ที่ใช้อาวุธเป็นดาบทั้งตระกูลเลยล่ะ
นี่คือตระกูลที่จะมาสอนฉัน
อย่างที่เคยบอกไปว่า นักรบดาบ มีน้อยมากๆ เพราะส่วนใหญ่ในโลกนี้คือใช้เวทมนตร์กันซะส่วนใหญ่
แต่นักรบดาบก็มี ซึ่งวินเชนท์คือหนึ่งในตระกูลที่เป็นนักรบดาบเพียวๆ นั่นเอง
ผู้ใช้ดาบจะไม่ใช้พลังเวท แต่พวกเขาจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘พร’ พรวิเศษมันคล้ายคลึงกับเวทมนตร์แต่ไม่ใช่เวทมนตร์
แต่ว่าใช้ได้เมื่อฝึกดาบเท่านั้น แต่ว่าฉันไม่มีพรอะไรนั่นเพราะมีพลังเวท ดูเหมือนว่าคนที่มีทั้งพลังเวทและพลังนักรบดาบ
จะมีน้อยมากๆ ซึ่งฉันไม่ใช่หนึ่งในคนที่ว่า เพราะฉันใช้เวทได้พลังของนักรบดาบเลยไม่มี
แต่ฉันไม่ได้จะเรียนรู้ดาบเพื่อเอาพลังนั่นอยู่แล้ว เพราะฉันมีพลังเวทที่ใช้ทดแทนอยู่แล้วด้วย
ดังนั้นเรื่องการใช้พลังของนักรบตัดทิ้งไปได้เลย แต่คนของตระกูลวินเชนท์เหมือนจะแข็งแกร่งด้านนี้มาก
เมื่อฉันเริ่มฝึกกับพวกเขาฉันก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง.. แต่ฉันเคยฝึกวิชาดาบมาจากโลกเดิมแล้ว
แน่นอนว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์คับขันฉันก็จะใช้มัน นั่นคือเหตุผลที่เริ่มฝึกศาสตร์การต่อสู้
แต่เมื่อฝึกวิชาดาบของโลกใบนี้แล้วเอามาผสานกัน ทำให้ฉันสามารถพัฒนาวิชาดาบในรูปแบบของตัวเองได้
วิชาดาบในโลกนี้จะแบ่งออกเป็นสามสายใหญ่ๆ
เท็นจิ, เท็นจูและเท็นสึ
วิชาดาบสามสายนี้ยังแบ่งออกเป็นสำนักดาบมากมายอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะฝึกวิชาดาบ เท็นจิกัน
เท็นจิเป็นวิชาดาบที่เน้นไปทางการใช้ดาบสองคม ฟันหนักและรวมถึงวิชาดาบใหญ่ก็อยู่ในสายเท็นจิ
เท็นจู คือวิชาดาบสายความเร็วส่วนใหญ่ใช้ดาบคมเดียวซะส่วนใหญ่ แต่ที่เป็นเอกลักษณ์คือดาบในสายวิชานี้จะเล็กและเรียวบาง
แถมในโลกนี้ยังมีนินจาด้วย นินจาก็ฝึกวิชาสายเท็นจูนี่แหละ
ส่วนเท็นสึ คือวิชาดาบที่ไม่ใช้ดาบ งงละสิ.. ใช่ ฉันก็งง แต่ไม่ต้องสนมันหรอกวิชาเท็นสึมันหายไปนานแล้วแหละนะ
ฉันฝึกทั้งเท็นจิและเท็นจู เพราะว่าตระกูลนักรบดาบฝึกทั้งสองสายเลย ด้วยเหตุนี้ทักษะดาบฉันจึงถูกพัฒนาไปในเวลาเดียวกัน…
จนกระทั่ง…
….…
…..
…
แปดปีผ่านไป. . .
ตอนนี้ฉันอายุ 14 ปีแล้ว.. ตอนนี้ฉันโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ถึงจะบอกว่าเคยเป็นชายมาก่อนก็เถอะ แต่ว่านะฉันชอบร่างกายผู้หญิงมากกว่านะ
ก็เพราะฉันฝึกร่างกายแค่ไหนกล้ามก็ไม่ขึ้นไงล่ะ จะว่าไปนะ ร่างกายฉันรู้สึกเหมือนจะสูงไม่ถึง 150 เซนติเมตรด้วยซ้ำ
มันเลิกเจริญเติบโตตอนฉันอายุ 12 น่ะนะ แต่แบบนี้ก็ดีนะ ร่างกายแบบนี้ทำให้เคลื่อนไหวสะดวกและไม่เกะกะด้วย
ก็แบบเวลาวิ่งหนี ตัวจะเบากว่าฉันที่ตัวใหญ่ใช่ไหมล่ะ แล้วอีกอย่างฉันฝึกกำลังมาเยอะดังนั้นพลังกายจึงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่
ถึงร่างกายจะไม่ได้แข็งทนทานในระดับที่ฟันดาบไม่เข้าเหมือนชาติก่อนก็เถอะนะ (?)
และฉันก็ได้พบสิ่งใหม่อย่างน่าประหลาดหลังจากฉันฝึกดาบมานาน ฉันได้เข้าใจถึงวิชาดาบทำให้ฉันคิดค้นวิชาดาบออกมาได้
โดยการผสานสาย เท็นจิกับเท็นจูเข้าด้วยกัน ถึงจะใช้การต่อสู้ไม่ได้แต่ว่า เอาแสดงปาหี่หลอกศัตรูให้กลัวได้ (?)
นอกจากนี้พลังเวทฉันก็ทะลุขีดจำกัดไปอีกขั้นแล้วด้วย ตอนแรกฉันรู้สึกว่าพลังเวทตัวเองไร้ขอบเขต
แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองสามารถใช้เวทปีศาจได้โดยตรงเลย.. เอ่อ.. อาจจะไม่ค่อยเข้าใจแต่วางเรื่องนั้นไปก่อน
เวทมนุษย์ฉันก็ฝึกตลอดมา… จนตอนนี้แทรกแซงโครงสร้างความเป็นจริงได้โดยตรง นึกสภาพไม่ออกคือ ถ้าฉันโดนฟันจนคอขาด
ฉันสามารถแทรกแซงโครงสร้างความจริงที่ว่าฉันคอขาด ให้หายไปได้ กลายเป็นว่าฉันไม่เป็นไรได้เลย
เอ่อ.. ถึงจะไม่โหดขนาดนั้นก็เถอะ แต่เอาเป็นว่าสามารถรักษาบาดแผลน้อยใหญ่ได้ในทันที
และด้วยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด… ก็เตรียมพร้อมแล้วสำหรับการออกนอกปราสาท.. ฉันจะได้ไม่กังวลอีกต่อไป
(ตืด นอกจากตอนที่ถูกทิ้งไว้กลางป่า แล้วก็ไปฝึกพลังก็ไม่กล้าออกนอกปราสาทอีกเลย)
คือจริงๆ เมื่อตอนฉันอายุ 12 ท่านแม่และท่านพ่อตัดสินใจจะส่งฉันไปยังโรงเรียน เพื่อที่จะเรียนรู้เวทมนตร์และการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้
อันที่จริงควรจะเข้าเรียนตั้งแต่อายุสิบสามปีแล้วล่ะ แต่เพราะฉันฝึกวิชาดาบอยู่เลยหาข้ออ้างประมาณว่า.. รอไปพร้อมกับเลวี่ดีกว่า
ก็ถ้าฝึกไม่เสร็จจะออกไปเสี่ยงอันตรายได้ไง.. แถมโรงเรียนที่จะไปคือ หนึ่งในห้าโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในทวีป
โรงเรียนลิเบอร์!
โรงเรียนลิเบอร์แบ่งเป็นห้าเขต ซึ่งที่ฉันจะไปเรียนคือเขตพิเศษ นึกไม่ออกก็คือเขตที่พวกคนรวยเรียนนั่นแหละ
มีแต่ขุนนางหรือไม่ก็สามัญชนที่มีพลังเวทแข็งแกร่งจนสามารถเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนระดับทวีปได้ล่ะนะ
อย่างที่เคยบอกในยุคนี้ไม่มีการเหยียดเผ่าพันธุ์หรือชนชาติ แต่ทว่าสำหรับเด็กนั้นไม่ใช่ พวกลูกขุนนางที่ถูกเลี้ยงแบบเอาใจใส่จนกลายเป็นพวกหลงระเริงในอำนาจมีเยอะ
แต่โรงเรียนลิเบอร์ไม่แบ่งเผ่าพันธุ์ ทุกเผ่าสามารถเข้าเรียนได้ ซึ่งหมายความว่าไงน่ะเหรอ?
ก็หมายความว่าอาจจะมีศัตรูมากมายจากทุกเผ่าเมื่อฉันเหยียบย่างเข้าโรงเรียนไงล่ะ!
…………