“คุณหนูเก่งมาก!” ไป่ลู่ยกนิ้วโป้งให้เธอหลังจากออกจากบริเวณลานทิศตะวันออก
พวกเขากำลังเดินทางกลับไปที่ลานหยางหัว ที่หลินเสี่ยวเฟยอาศัยอยู่
หลินเสี่ยวเฟย มองไปยังไป่ลู่และทำเพียงฮัมเพลงตอบกลับเธอ เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับคำชมของไป่ลู่ในการต่อสู้ครั้งเดียว ที่ไม่ได้ยากเย็นเท่ากับสิ่งที่เธอประสบในชีวิตที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่ต้องการทำให้สาวใช้รู้สึกหดหู่และเธอจึงไม่ตอบอะไรกลับไป
เมื่อเทียบกับวิธีที่เธอและนางสนมคนอื่นๆทำในบ้านขององค์ชายสี่ ที่ต้องต่อสู้เหมือนแมวจรจัดข้างถนน ซงหยานยี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอเลย
ซงหยานยี่ อาจต่อต้านเธอและพยายามทำบางอย่างลับหลัง แต่หลินเสี่ยวเฟยไม่มีทางยอมให้กับซงหยานยี่
นับตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นหลินเสี่ยวเฟย เธอก็รับรู้ได้ว่าสมาชิกในตระกูลหลินส่วนใหญ่ไม่ชอบหลินเสี่ยวเฟย และยังต้องการให้เธอออกจากตระกูลไป แต่เนื่องจากเธอคือหลินเสี่ยวเฟย พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการรอ รอเวลาเหมาะสมที่จะโยนเธอออกไป
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เสี่ยวเฟย ได้ครอบครองร่างกายของหลินเสี่ยวเฟยแล้ว เธอจะปล่อยให้ใครรังแกได้อย่างไร
เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจน ไม่เหมือนขุนนางที่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์แม้กระทั้งการพูด หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้กลั่นกรองคำพูดของเธอให้งดงามเหมือนดอกไม้ สิ่งที่เธอทำได้คือกวัดแกว่งดาบและค้อนของเธอเพื่อโจมตีศัตรู
เมื่อเธอยังเด็ก เธอจะทักท้วงต่อต้านคนขายเนื้อและตะโกนในตลาดเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าของตลาด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอตกหลุมรักองค์ชายสี่ที่หล่อเหลาและมีชื่อเสียงหยูเฟิงซู
หลินเสี่ยวเฟยจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนที่เธอไม่ได้เป็นและเริ่มเรียนรู้วิธีที่หญิงสาวผู้สูงศักดิ์แสดงออก
เธอเริ่มที่จะแหกกฎของตัวเองเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เป็นเธอเพื่อให้เหมาะกับรสนิยมในตัวผู้หญิงของหยูเฟิงซู ทั้งท่าทางและวิธีพูดที่หยาบคายของเธอหายไป เธอต้องหลับตาและก้มหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าแขกหรือคุณหญิงจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ เธอต้องพยายามฝืนตัวเองอย่างยากลำบากและนิ่งเงียบแม้ในขณะที่เธอถูกดุด่า
หลินเสี่ยวเฟย อยากจะหัวเราะในความโง่เขลาของเธอ สำหรับผู้ชายแล้วเธอสามารถ ทำอะไรก็ได้เพื่อเขาปล่อยให้คนอื่นดูถูกเหยียบย่ำเธอมาโดยตลอด
เมื่อเห็นแววเย็นยะเยือกในดวงตาของหลินเสี่ยวเฟย ซูถังถามอย่างกังวลว่า “ สิ่งที่คุณฮูหยินสองพูด ทำให้คุณหนูเป็นกังวลหรือไม่ คุณหนูไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้ ข้าแน่ใจว่าท่านผู้อาวุธโสจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการหมั้นหมายอย่างแน่นอน ท่านจะไม่มีทางยอมให้ตระกูลซูยกเลิกการหมั้นหมาย “
ซูถังกังวลว่าคำพูดของซงหยานยี่รบกวนคุณหนูของเธอ ถึงเธอจะเป็นแค่สาวใช้ แต่เธอเข้าใจอย่างชัดเจนว่าคำพูดของฮูหยินสองหมายความว่าอย่างไร ถึงคุณหนูของเธอจะสามารถรับมือกับฮูหยินสองได้ แต่จะมีหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนใดจะไม่ได้รับผลกระทบเมื่อถูกยกเลิกการหมั้นหมาย?
คุณหนูของเธอไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป หลินเซี่ยวเฟยถึงวัยสมควรจะแต่งงานแล้ว แต่หากการหมั้นหมายของเธอถูกทำลาย มันคงเป็นเรื่องยากที่เธอจะได้แต่งงาน ในเมื่อเราใช้หนุ่มผู้สูงศักดิ์เกือบทั้งหมดต่างก็มีคู่หมั้นแล้ว หรือบางคนก็ไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งงานกับหลินเสี่ยวเฟยที่มีชื่อเสียงน่าอับอาย
ถึงแม้หลินเซียวเหมิงจะสามารถหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่คุณหนูของเธอได้ ชายคนนั้นคงไม่ดีเท่าทายาทของตระกูลชูหรือชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ
“ข้าไม่.” ในขณะที่หลินเสี่ยวเฟยพูดออกมาเธอก็หยุด แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่สนใจการหมั้น ตระกูลชูอาจจะมีอิทธิพล แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลินของข้า พวกมันก็เป็นเพียงฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ที่พยายามจะอยู่ในน้ำเดียวกันกับฉลาม”
ตระกูลชู คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? นกกระเรียนทองคำที่ตระกูลหลินต้องคุกเข่าบูชา?
รายละเอียดการมาในครั้งนี้ของตระกูลชู ถึงซงหยานยี่ไม่ได้กล่าวออกมา แต่หลินเสี่ยวเฟยจะไม่ทราบเจตนาของพวกเขาได้อย่างไร
อีกอย่างตระกูลชู ไม่ได้เจอลูกสะใภ้ในอนาคตของตระกูลชู มากี่ปีแล้ว’
“แต่ถ้าการหมั้นระหว่างคุณหนูกับคุณชายจากตระกูลชูล้มเหลว มันจะไม่ยากสำหรับคุณหนูหรอกหรอที่จะหาคู่ครองที่เหมาะสมในการแต่งงาน?” ไป่ลู่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เธอมีความสุขเมื่อหลินเซียวเฟยทำให้ซงหยานยี่ต้องกลืนคำพูดของเธอเอง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เธอรู้สึกว่าคุณหนูของเธอไม่ได้ชนะ
หากการหมั้นหมายของหลินเสี่ยวเฟยถูกทำลาย ชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลไหนที่อยากจะแต่งงานกับหญิงสาวที่โดนยกเลิกการหมั้น?
นอกจากนี้ ชื่อเสียงที่น่ารังเกียจของหลินเสี่ยวเฟยได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว และแม้ว่าเธอจะไม่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะมาเป็นเวลาสามปีก็ตาม แต่ข่าวลือเกี่ยวกับเธอก็ไม่ง่ายที่จะถูกลบล้างไปแม้เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี
การหมั้นหมายระหว่างหลินเซียวเฟยกับคุณชายตระกูลชู เกิดขึ้นเมื่อพวกเขายังอยู่ในครรภ์มารดา
และในเวลานั้นใครจะไปรู้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะกลายเป็นเด็กที่นิสัยเสียและหยิ่งผยอง ดังนั้นตระกูลชู จึงมีความสุขมากที่ได้ผูกสัมพันธ์กับตระกูลหลินผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่มีใครต่อต้านมันเลยแม้แต่น้อย
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี หลินเสี่ยวเฟยก็กลายเป็นคุณหนูที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวงแต่ไม่ใช่ในแง่ดี เธอถูกมองว่าเป็นคนงี่เง่าและหยาบคาย ขาดความสง่างามของหญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์
ดังนั้นตระกูลชู จะปล่อยให้สะใภ้ในอนาคตเช่นนี้เดินเข้าไปในประตูบ้านของพวกเขาได้อย่างไร?
พวกเขาจะไม่กลายเป็นตัวตลกในการสนทนาของผู้คนหรือในระหว่างงานเลี้ยงน้ำชาไปเลยหรือ? แล้วทายาทคนอื่น ๆ ในตระกูลของพวกเขาล่ะ? เส้นทางสู่การเป็นข้าราชการอาจจะถูกปิดกั้นเพราะหลินเสี่ยวเฟยเพียงคนเดียวหรือไม่?
ซูถังขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของไป่ลู่และเธอก็รู้สึกโกรธมากเป็นอย่างมาก “ถูกต้อง ฮูหยินสองต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงนำเรื่องนี้มาเหยียดหยามคุณหนูของเรา! เธอต้องหัวเราะลับหลังเราเป็นแน่”
หลินเสี่ยวเฟย รู้ถึงความกังวลทั้งหมดของสาวใช้ แต่ตระกูลซู อาจชดเชยให้แก่หลินเสี่ยวเฟย และอาจเสนอบางอย่างเพื่อที่พวกเขาจะได้ยกเลิกการหมั้นหมาย
พวกเขาจะไม่เสียสละรุ่นเยาว์ของตระกูลชู เพียงเพื่อยึดติดกับสาขาใหญ่ของตระกูลหลิน ซึ่งอนาคตอาจไม่ยิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อนเนื่องจาก หลินเฟิง และ หลินซัง ตัดสินใจที่จะเดินตามใช้เส้นทางของนักกวีอย่างเป็นทางการในราชสำนัก
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของเธอ เธอยิ้มและกล่าวว่า “ไปที่ห้องโถงต้อนรับกันเถอะ”