กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 324 มอบความสุขให้ข้าเถิด

มือข้างหนึ่งของซ่งชูอีคว้ามือของเขา มืออีกข้างแตะหน้าอกของเขา เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “สาเหตุที่ข้าทำให้ท่านสนใจได้เป็นเพราะความสามารถเช่นนั้นหรือ?”

นางจิ๊ปาก “น่าเสียดาย! ท่านอาจหลับนอนกับร่างกายของข้าได้ ทว่าไม่อาจหลับนอนกับความสามารถของข้าได้…ทว่าท่าน หน้าตาเหล่อเหลา ผิวพรรณขาวผ่อง ร่างกายนี้ก็คิดว่าคงไม่เลว ยากที่จะกล่าวว่าใครหลับนอนกับใครกันแน่”

พูดพลาง มือของนางก็ได้ล้วงลึกเข้าไปในคอเสื้อของเขาแล้ว นางถูหน้าอกของเขาแรงๆ กล่าวด้วยความพออกพอใจยิ่ง “มาเถิด มอบความสุขให้ข้า”

หน้าอกของตู้เหิงถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ ต่อหน้าซ่งชูอี เขากลับเหมือนกับคนงามที่ถูกคนกลั่นแกล้งมิปาน หากสิ่งนี้เกิดขึ้นตามที่กล่าวจริง เขาก็ตื่นตระหนกในใจเช่นกัน

นอกจากนี้เดิมทีเขาเพียงข่มขู่เท่านั้นและจะไม่กล้าใช้วิธีการที่รุนแรงเมื่อไม่จำเป็น อีกทั้งบุคลิกของนางไม่ได้กระตุ้นความสนใจของเขาแม้แต่น้อย และศักดิ์ศรีที่ไม่ธรรมดานั้นก็อันตรธานหายไปเมื่อนางคว้าหน้าอกของเขา

“กั๋วเว่ยพักผ่อนให้เต็มที่เถิด!” ตู้เหิงดึงมือของนางออกมาแล้วสะบัดอย่างแรง “กั๋วเว่ยเพียงบอกว่ากองทัพใหม่ของรัฐฉินตั้งค่ายอยู่ที่ใดและส่งแผนภาพหน้าไม้กลมา ข้าก็จะปล่อยท่าน”

ซ่งชูอีเดินไปบนเตียง นิ้วเคาะอยู่บนราวเบาๆ สำรวจเขาขึ้นลงสองสามรอบ เมื่อเห็นว่าแม้สีหน้าของเขาสงบนิ่งทว่ากลับไม่อิสระเหมือนก่อนหน้านี้ จึงรู้ว่าเขาเป็นคนที่รักษาหน้ามาก เอ่ยเย้าว่า “ท่านจะเสียสละความงามหลับนอนกับข้าสักครั้งหรือไม่? แล้วข้าจะพิจารณาว่าจะบอกท่านหรือไม่”

“การที่กั๋วเว่ยกระตุ้นซ้ำๆ เพราะคิดว่าข้าไม่กล้าจึงไร้ความเกรงกลัวเช่นนี้?” ตู้เหิงหน้าตาบูดบึ้ง

ซ่งชูอีเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ากลัวว่าท่านไม่กล้าต่างหาก”

ตู้เหิงสูดหายใจลึกช้าๆ ข่มความโกรธในใจเอาไว้ เอ่ยเสียงเย็นชา “ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด สถานที่ของข้าแห่งนี้ ต่อให้ฉินอ๋องจะขุดนครเสียนหยางลึกลงไปสักสามฉื่อก็ใช่ว่าจะหาเจอ เขาสามารถปิดนครสามวันเพื่อตามหาท่าน จะตามหาได้ตลอดชีวิตเช่นนั้นหรือ? ทว่า…ข้าสามารถคุมขังท่านกั๋วเว่ยได้ตลอดชีวิต!”

ซ่งชูอีพยักหน้าและกล่าวด้วยความจริงใจ “รู้แล้ว ท่านไปทำอะไรมาให้ข้ากินก่อนเถอะ หิวจะแย่อยู่แล้ว ใช่ว่าข้าจะผ่านชีวิตที่ลำบากไม่ได้ ข้าก็เข้าใจความลำบากของท่านเช่นกัน ทว่าในเมื่อท่านขอข้า ก็จงคิดให้รอบคอบ แม้ว่าข้าอาจจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่อท่านเลย ทว่าหากท่านล่วงเกินข้า ถึงตายข้าก็จะไม่บอกแม้แต่ครึ่งคำ”

ตู้เหิงกัดฟัน “ได้”

เขาออกไปแล้วพ่นลมหายใจอย่างแรง รู้สึกเสียใจเล็กน้อย จับตัวซ่งชูอีมาสู้จับตัวจางอี๋มายังดีเสียกว่า! จางอี๋ไม่ได้ติดต่อโดยตรงกับกองทัพใหม่ แต่ในฐานะมหาเสนาบดี เขาน่าจะรู้ข้อมูลบางอย่าง

ราตรีหนาวเหน็บ เขาหลับตาลง หลังจากอารมณ์สงบลงแล้วก็สั่งให้คนเตรียมอาหารให้ซ่งชูอี

ภายในห้อง ซ่งชูอีเห็นว่าเงาของคนข้างนอกจากไปแล้วก็สวมรองเท้า เดินย่องไปที่หน้าต่างและมองออกไป

ด้านนอกเป็นห้องโถงหิน มีเสาหนาสองแถวขนาดสองคนโอบที่รองรับหลังคาโค้ง ม่านแขวนสี่ด้านบดบังใจกลางห้องโถงไว้

ซ่งชูอีรู้สึกว่าที่นี่คุ้นตาเล็กน้อย และสถานที่โอ่อ่าเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพระราชวัง ไม่ใช่ที่พักอาศัยของราษฎรทั่วไป ที่นี่คือที่ไหนกันนะ?

“นี่! ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” ซ่งชูอีเปล่งเสียงสูง

ข้างนอกมีเสียงผู้ชายห้าวหาญตอบกลับโดยไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน “ไม่รู้”

ซ่งชูอีรู้ว่านางไม่อาจถามได้ว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ จึงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะเพื่อรออาหารอย่างว่าง่าย นางตัดสินจากระดับความหิวของตัวเอง คาดว่าเวลานี้น่าจะอยู่ห่างจากตอนที่นางอยู่ในโรงสุราประมาณสามถึงสี่ชั่วยามแล้ว

ซ่งชูอีสำรวจห้องนี้ที่ตัวเองอยู่อย่างละเอียดในระหว่างที่รออาหาร มันกว้างยาวไม่ถึงหนึ่งจั้ง เป็นห้องที่มีขนาดเล็กมาก ภายในห้องก็เป็นโต๊ะหินและสามารถเห็นร่องรอยของการลากบนพื้นที่ปูด้วยหินสีดำได้อย่างชัดเจน

ซ่งชูอียกตะเกียงบนโต๊ะขึ้นมาเพื่อส่องดูร่องรอย ในที่สุดก็พบว่าที่แท้โต๊ะตัวนี้ถูกวางไว้กลางห้องเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเตียง ฉากกั้นม่านไม้ไผ่กับคานบ้านก็ดูไม่ถูกต้อง มันเหมือนว่ามีการย้ายตำแหน่งในภายหลัง

นางมองขึ้นไปบนหลังคา พยายามมองหาตำแหน่งเดิมที่เหมาะสม

ห้องเล็กๆ นี้มีประตูหน้าต่างด้านหน้าเท่านั้น แต่ไม่มีหน้าต่างด้านหลัง เดิมทีไม่มีเตียง มีเพียงโต๊ะหินวางอยู่ตรงกลาง และมีม่านไม้ไผ่แขวนอยู่ระหว่างประตูกับโต๊ะหิน

“ที่นี่คือ!?” สีหน้าของซ่งชูอีเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ

แต่ละข้างของห้องโถงใหญ่เรียงรายไปด้วยห้องแถวที่มีความสูงประมาณใจกลางห้องโถงที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย องค์ชายที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่จะมานั่งฟังการเมืองที่นี่ ผู้ที่มียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นจวินและโหวจะมาเข้าเฝ้าองค์เหนือหัว บรรดาฮูหยินจะนั่งเรียงกันในงานเลี้ยง…รัฐอื่นๆ ส่วนใหญ่ต่างตั้งห้องจัดเลี้ยงแยกกัน มีเพียงรัฐฉินเท่านั้นที่ยึดมั่นรูปแบบในการรักษาความอดออมมาโดยตลอด เค้าโครงเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปแบบดั้งเดิมของพระตำหนักหลักของพระราชวังเสียนหยาง!

อย่างไรก็ดี เครื่องใช้ที่ทำจากหินมักใช้กลางแจ้ง ไม่ใช้ภายในห้อง แน่นอนว่ามีบางคนใช้หยกในการแกะสลักตัวเรือนและเสาหรูหรา ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่จะใช้หินทุกที่ในบ้านเช่นนี้และนั่นก็คือสุสานของจักรพรรดิ!

พระราชวังเสียนหยางถูกสร้างขึ้นเมื่อเซี่ยวกงครองราชย์ ที่นี่จะต้องเป็นสุสานของฉินเซี่ยวกงเป็นแน่!

ที่แท้พวกเขาออกจากนครไปนานแล้ว ทั้งยังซ่อนตัวอยู่ในสุสานของจวินองค์ก่อน! มิน่าเล่าตู้เหิงถึงกล้าพูดว่าต่อให้

อิ๋งซื่อขุดเสียนหยางลึกลงไปสามฉื่อก็หาไม่เจอ! แน่นอนว่าชาวฉินส่วนใหญ่จะต้องคิดไม่ถึงว่ามีคนกล้าแตะต้องสุสานของ

จวินองค์ก่อน

ทุกคนต่างมีความเคารพบรรพบุรุษอย่างมาก และจะไม่อนุญาตให้ผู้อื่นละเมิดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ อย่าว่าแต่ขุดสุสานของจักรพรรดิเลย แม้แต่จะขุดดินขนาดเท่าตะกร้าหนึ่งใบก็ไม่ได้! ระหว่างสงครามฉีหลี่ว์ ครั้งหนึ่งเมื่อรัฐหลี่ว์ถูกทำลายลง เจตจำนงของประชาชนก็ถูกผลาญจนหมดสิ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากกองทัพฉีได้เคลื่อนย้ายหลุมฝังศพบรรพบุรุษของชาวหลี่ว์ จึงส่งผลให้ชาวหลี่ว์ถูกปลุกระดมและต่อต้านสุดชีวิต

หากอิ๋งซื่อรู้ว่าตู้เหิงกล้าเคลื่อนย้ายสุสานของบรรพบุรุษเขา เกรงว่าต่อให้ฆ่าเขาทำเป็นไส้กรอกก็ยังไม่หายแค้น!

ซ่งชูอีวางตะเกียงน้ำมันลง รำพึงในใจ “เซี่ยวกงเอ๋ย มันมิใช่ความปรารถนาของข้าที่จะรบกวนท่าน เห็นแก่ความทุ่มเทที่ข้ามีต่อต้าฉิน ท่านก็ได้โปรดปกป้องข้าให้หนีรอดออกไปด้วยเถิด!”

หลังจากผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนในชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมอาหาร ก้มตัววางมันลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

มันคือเนื้อตุ๋นชั้นยอด

ซ่งชูอีคลายสายรัดเอวออก ใช้ตะขอเงินเจาะเข้าไปในเนื้อ เมื่อเห็นว่าตะขอเงินไม่เป็นอะไรจึงกินข้าวอย่างวางใจ

หลังจากกินอาหารค่ำแล้ว ซ่งชูอีก็เดินเล่นไปมาอยู่ภายในห้อง พลางพิจารณาถึงแผนการหลบหนี

มีค่ายทหารที่ประจำการห่างจากสุสานออกไปทางทิศตะวันตกห้าลี้ ตราบใดที่ออกไปได้ก็มีโอกาสเสียรอดเก้าส่วนแล้ว

ทว่ามันง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ? นางไม่เข้าใจโครงสร้างภายในสุสาน หลังจากที่ซางจวินทำการปฏิรูปแล้ว งานศพในรัฐฉินเป็นไปอย่างเรียบง่าย สุสานของเซี่ยวกงไม่สามารถจำลองพระราชวังเสียนหยางได้ทั้งหมด แม้ว่านางจะคุ้นเคยกับแผนผังของพระราชวังเสียนหยางแต่ก็ไร้ผล

นางหลับใหลด้วยความสะลึมสะลือไปหนึ่งตื่น เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งทุกอย่างยังคงมืดมิด นี่ยิ่งเป็นการยืนยันการคาดเดาของซ่งชูอี

“นี่!” ซ่งชูอีสวมรองเท้า ตบๆ ประตู

“กั๋วเว่ยมีสิ่งใดจะสั่ง?” คนที่อยู่ข้างนอกตอบรับ

“พาข้าไปสุขาที” ซ่งชูอีพูดจบ รู้สึกว่าการคลี่คลายปัญหาประเภทนี้ในสุสานจักรพรรดิเป็นการดูหมิ่นอย่างมาก คิดอยู่ในใจ “ท่านจวิน การกินดื่มถ่ายล้วนเป็นพื้นฐานของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่มีเจตนาที่จะล่วงเกิน หากว่าวันหน้าสามารถออกไปได้ ข้าจะอดอาหารอยู่หน้าสุสานเป็นเวลาเจ็ดวัน เพื่อไถ่บาปในวันนี้!”

ประตูถูกเปิดออก ชายสองคนที่แต่งกายทะมัดทะแมงยืนอยู่นอกประตู หนึ่งในนั้นหยิบแถบผ้าสีดำออกมาปิดตาของนาง ยื่นไม้ไผ่ให้นางแล้วจูงนางไปยังห้องสุขา

นางถูกขังเช่นนี้ไม่รู้กี่วันกี่คืน ความรู้สึกสับสนวุ่นวายทำให้ซ่งชูอีนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ตอนที่ถูกคุมขังในหยางเฉิง สภาพตอนนั้นขมขื่นกว่าตอนนี้มาก ทว่ายังดีที่มีหน้าต่างขนาดเท่าฝ่ามือทำให้สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ แต่ที่นี่กลับมืดมิดตลอดกาล เมื่ออยู่นานแล้วก็ทำให้รู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ซ่งจื่อคิดได้แล้วหรือยัง?” ประตูถูกเปิดออก ในที่สุดตู้เหิงที่หายตัวไปนานก็ปรากฏกายขึ้น

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ
Status: Ongoing
นิยายแปลรักย้อนยุคสุดเข้มข้นแนวกลยุทธ์สงคราม! อีกหนึ่งผลงานจากผู้เขียน ‘นิติเวชหญิงแห่งต้าถัง’ ‘ซ่งชูอี’ อาจมิใช่สาวงาม หากเป็นกุนซือหญิงผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งเมือง นางเสาะหาสันติสุขท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีของเจ็ดมหานครรัฐ ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด นางสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ทว่าก็ยังพลั้งพลาดมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนที่มิคู่ควร และสิ้นลมอย่างน่าอนาถในวันที่นครถูกโจมตี! แต่เหมือนสวรรค์มีตาให้โอกาสนางได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตอีกครั้งในวัยสิบห้า ลิขิตให้นางได้พบกับเจ้าอี่โหลว องค์ชายหนุ่มตกอับกลางป่า ก่อนจะพลัดพรากให้จากกัน ท่ามกลางไฟสงครามที่แสนสับสนวุ่นวายและการต่อสู้พลิกชะตาที่เคยล้มเหลว ทั้งนางและเขา…ก็กลับได้มาพบกันอีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset