ตอนที่ 823 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (43)
แน่นอน บางครั้งเขายังสนับสนุนการตัดสินใจของเฉียนต้าเซิง แม้ว่ามันจะทำร้ายคน แม้ว่าเขาจะช่วยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธที่จะช่วยปกปิดได้
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องชั้นในห้องแล็บถล่มลงมา
อวี๋กานกานดีกับเขามาก เขาป่วยเป็นไข้หวัดอยู่ครึ่งเดือน อวี๋กานกานจ่ายยาให้เขาสองขนาน พอวันรุ่งขึ้นเขาก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำร้ายอวี๋กานกาน
เรื่องชั้นวางในห้องแล็บถล่มลงมาเขาก็มารู้ทีหลังเหมือนกัน และตอนนั้นเขาก็โกรธมาก
เพราะอวี๋กานกานไม่เป็นอะไร เฉียนต้าเซิงพูดแค่ว่าตกใจเหมือนกัน แล้วเขาก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก
เต่เขาก็ไม่สามารถทำให้เฉียนต้าเซิงสารภาพออกมาได้ ทั้งยังช่วยเขาปกปิดเป็นความลับอีกด้วย โชคดีที่ฟังจือหันให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้ บวกกับเรื่องของเจียงซื่อเซิ่งและตระกูลเฉียวกำลังประสบปัญหาในตอนนี้
เขาเข้าใจผิดเล็กน้อยแล้วโยนความผิดทุกอย่างไปที่เจียงซื่อเซิ่ง
แต่หลังจากที่เขาตักเตือนเฉียนต้าเซิงก็ไม่ทำไรบ้าๆ อีก เพียงแต่ให้เขาหันไปสนใจสูตรยาตัวใหม่ของสมาคมยาไป่ฟางแทน
เขาผลิตยาให้เฉียนต้าเซิงสองสามตัว ซึ่งเป็นยาสามัญเพียงไม่กี่ชนิดที่เพิ่งออกสู่ตลาด
แต่เขาไม่ได้ให้สูตรยาต้านมะเร็งกับเฉียนต้าเซิง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าสูตรยาต้านมะเร็งรั่วไหลออกมาจากเฉียนต้าเซิงหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเฉียนต้าเซิงนำสูตรยามาจากที่ไหน
“วันนั้นคุณอยู่บนเรือยอชต์หรือเปล่า” ฟังจือหันไม่ได้ถามเพราะสงสัย แต่เพราะเป็นประโยคที่ยืนยันแล้ว
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ผมยอมรับว่าเรื่องในห้องแล็บผมเป็นคนทำจริงๆ แต่เรื่องอื่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งสิ้น” เฉียนต้าเซิงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนั้นก็ไม่พูดสิ่งใดอีก และมีท่าทีราวกับว่าคุณจะทำอย่างไรต่อก็แล้วแต่
ตอนนี้ฟังจือหันไม่มีหลักฐาน แต่ในใจของเขาเชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เฉียนต้าเซิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเขาอย่างแน่นอน
เขาโทรศัพท์หาโจวโจวให้ตำรวจเป็นผู้จัดการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด จากนั้นก็ให้คนพาเฉียนต้าเซิงไปที่สถานีตำรวจ
ส่วนหลินเซิน ฟังจือหันไม่ได้ให้คนพาเขาไปที่สถานีตำรวจพร้อมกัน หลินเซินแปลกใจ แล้วมองไปที่ฟังจือหัน “คุณชายหัน…”
ฟังจือหันพูดเสียงเย็นชา “เจ้าหน้าที่โจวโจวจะสอบปากคำนายเอง…”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พรุ่งนี้ห้ามมาสายล่ะ”
ประโยคถัดไปนี้ยิ่งทำให้หลินเซินแปลกใจกว่าเดิม เขามองฟังจือหันด้วยความตะลึง สีหน้าของฟังจือหันเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็ง ทั่งเคร่งขรึมและเข้มงวด เขาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายของประโยคเมื่อกี้
นี่ไม่ใช่แค่ปล่อยเขาไป แต่ยังให้เขามาทำงานรับใช้ข้างกายต่อไปเหมือนเดิม เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้ ทำไมฟังจือหันถึงยังสามารถเชื่อใจเขาได้อีก
แต่ในเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายหันยอมให้โอกาสเขา เขาก็ควรรักษามันเอาไว้ดีๆ
หลินเซินได้สติกลับมา จึงรีบยกมือขึ้นสาบานว่าต่อไปเขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยความผิดของตัวเอง
ฟังจือหันจ้องเขา “นาย ฉันใช้นายจนเคยชินไปแล้ว และนาย!”
อวี๋กานกานประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าฟังจือหันจะไม่เอาความหลินเซิน และยิ่งไม่คาดคิดว่าเขายังให้หลินเซินกลับไปทำงานเหมือนเดิม
ตอนที่เธอถามฟังจือหันว่าทำไม ฟังจือหันกลับตอบเสียงเรียบเพียงสี่คำ “ใช้จนชินแล้ว!”
แต่อวี๋กานกานรู้ดีว่ามันใช่ ฟังจือหันอยากให้โอกาสหลินเซิน ถึงยังไงเขาก็ถูกหลอก แต่โดยเนื้อแท้เขาไม่ใช่คนเลว แม้อยากแก้แค้นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย หรือเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้
และหลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ตอนนี้หลินเซินก็คงรู้สึกผิดอยู่เต็มประดา และความรู้สึกผิดนี้ เวลาเขาทำงานเขาก็จะพยายามและตั้งใจมากยิ่งขึ้น และจงรักภักดีต่อฟังจือหันมากขึ้นเช่นกัน!
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดๆ ฟังจือหันล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อรับสาย เมื่อฟังปลายสายรายงานสรุป สีหน้าเขาก็ค่อยๆ นิ่งขรึมลง
ตอนที่ 824 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (44)
ทันทีที่เขาวางสาย อวี๋กานกานก็เอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เฉียนต้าเซิงหนีไปแล้ว”
“อะไรนะคะ หนีไปแล้ว”
อวี๋กานกานไม่อยากเชื่อ เบิกตาโตด้วยความตกใจ เฉียนต้าเซิงอายุมากแล้ว แถมยังมีอาการบาดเจ็บที่ขาอีกด้วย บอดี้การ์ดสองคนที่พาเขาไปส่งสถานีตำรวจก็สูงใหญ่อย่าง ร่างกายแข็งแรงกำยำ จะปล่อยเขาหนีไปได้ยังไง
หรือว่าเฉียนต้าเซิงจะใช้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอกบอดี้การ์ดสองคนนั้น
ด้วยอายุขนาดนั้นแถมยังเดินเหินไม่สะดวก ตอนที่เขาขอเข้าห้องน้ำ พี่บอดี้การ์ดทั้งสองคิดว่าเขาหนีไปไม่ได้แล้ว ส่งผลให้เขาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่และใช้โอกาสตอนเข้าห้องน้ำเพื่อหลบหนี
…
ตั้งแต่กู้เชินต้องการหย่ากับเธอ จูอวี้ลู่จึงต้องดิ้นรนทุกวัน นอกจากคิดว่าทำยังไงถึงจะได้ไม่ต้องหย่ากับกู้เชินแล้ว เธอก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย
ในวันนี้ เธอได้รับโทรศัพท์และบอกให้เธอทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เธอไม่สนใจแม้แต่ซุปที่กำลังปรุงให้ กู้เชิน และไปถึงที่ที่นัดหมายกันไว้โดยเร็วที่สุด
ในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชุมชน มีชายชุดดำสวมหมวกและหน้ากากกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ
คนคนนี้ก็คือเฉียนต้าเซิง ดูท่าทางจูอวี้ลู่คงจะรีบมา เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงเรียบนิ่ง “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คุณจู”
จูอวี้ลู่กำหมัด
ใช่ ไม่เจอกันนานแล้ว น่าจะสิบห้าปีแล้ว ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาหาเธอ ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
“คุณมาหาฉันมีธุระอะไร” ต่อให้สะกดอารมณ์ยังไง แต่น้ำเสียงก็ยังคงมีความทนไม่ไหวอยู่ดี
เฉียนต้าเซิงถอดหน้ากากออกแล้วเหยียดยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่รีบร้อนด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ไม่เจอคุณจูหลายปี คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ…”
จูอวี้ลู่ตัดบทเขา “ฉันยุ่งมาก คุณมีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ”
เฉียนต้าเซิงเอ่ยขึ้น “งั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้ว ผมคิดว่าคุณจูไปเป็นคุณนายตระกูลกู้ตั้งหลายปี แต่ก็คงไม่ลืมว่าคุณเคยสัญญาว่าจะช่วยผมเรื่องหนึ่งหรอกใช่ไหม”
เขาพูดถึงข้อตกลงในปีนั้น จึงทำให้จูอวี้ลู่เสียวสันหลังวาบ
เธอข่มความหวาดกลัว แสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน”
เฉียนต้าเซิงพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ “ผม ต้องการ ยืม ห้าสิบล้าน!”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน จูอวี้ลู่ยังสามารถหาเงินห้าสิบล้านให้ได้ แต่หลังจากที่กู้เชินขอหย่า เขาได้อายัดบัตรทุกใบของเธอ ตอนนี้ เธออาศัยอยู่ในบ้านเท่านั้นและมีเงินฝากในธนาคารน้อยมาก
ต่อให้เธออยากให้ แต่ก็มีไม่ถึงห้าสิบล้านอยู่ดี
อีกอย่างเฉียนต้าเฉิง ซึ่งจู่ๆ ก็มาหาเธอหลังจากหายไปหลายปี เขาไม่ต้องการยืมเงินห้าสิบล้านแน่นอน แต่คือขอเงินห้าสิบล้านต่างหาก
น่าเจ็บใจนัก!
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่แก่ชราและน่าเกลียดของชายคนนั้น จูอวี้ลู่ก็ทนคลื่นไส้ไม่ไหวและเยาะเย้ย “คุณหมายความว่าอย่างไร คุณจะมาหาฉันเพื่อขอยืมเงินหรือคุณกำลังพยายามแบล็กเมล์และขู่ฉันกันแน่”
เฉียนต้าเซิงย้อนถาม “แบล็กเมล์ คุณคิดว่าผมอยากจะแบล็กเมล์คุณต้องรอจนถึงป่านนี้หรือไง จะปล่อยให้คุณเชิดหน้าชูคอเป็นคุณนายกู้ตั้งหลายปีเหรอ แต่ตอนนี้ผมกำลังเจอปัญหาถึงได้อยากให้คุณช่วย ให้เงินผมไปตั้งตัวสักหน่อยสิ”
“แต่ว่าฉันไม่มีเงิน!” จูอวี้ลู่รีบเอ่ยทันที
เฉียนต้าเซิงที่ถูกปฏิเสธพลันเปลี่ยนสีหน้า
เขาหุบยิ้ม สายตาที่มองจูอวี้ลู่คมกริบดั่งกระบี่ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความข่มขู่ “คุณจู อย่าคิดว่าเป็นคุณนายกู้หลายปี จะสามารถลืมว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง คุณน่าจะรู้แก่ใจ พวกเราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากเรือล่ม ผมไม่ได้จมคนเดียว แต่คุณก็จมน้ำไปพร้อมกันด้วย!”