ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 379 ริมฝีปากองค์หญิงเป็นอันใดเพคะ?

ผลก็คือยังไม่ทันถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพใหญ่พลันได้ยินเสียงร้องไห้ที่แหลมและเศร้ารันทดก่อน

พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่า ด้านหน้าประตูใหญ่ที่ปิดมิดชิดมีสตรีคลานอยู่หนึ่งราย โดยนางเคาะประตูไม่หยุดหย่อน ซึ่งนิ้วมืออ่อนนุ่มที่ปกติบำรุงรักษาเป็นอย่างดี บัดนี้ผิวถลอกอยู่บนบานประตูเสียแล้ว โดยแม้กระทั่งเล็บมือก็พลันขาดเป็นชิ้นๆ ทิ้งคราบเลือดไว้อย่างเลือนราง

เฉินเสียนยืนอยู่หน้าประตูสักพัก อดนึกถึงภาพสองปีก่อนที่ตนถูกขับไสไล่ส่งออกจากประตูแห่งนี้

ซึ่งลำบากถึงขั้นเรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขานเลยทีเดียว

บัดนี้ถึงตาหลิ่วเหมยอู่แล้ว

ไม่ว่านางจะร้องไห้ยอมรับผิดเพียงใด คนด้านในก็ไม่ขานตอบนางสักคำ

เฉินเสียนกล่าวอย่างไม่มีเหตุใดเกิดขึ้น “หากท่านร้องตะโกนเช่นนี้ ไม่นานผู้คนละแวกนี้ก็จะได้ยิน เชื่อว่าไม่นานคนทั้งเมืองก็จะรู้เรื่องท่านถูกไล่ออกจากจวน”

หลิ่วเหมยอู่ไม่อยากโวยวายจนสุดท้ายตัวเองไม่เหลือสิ่งใด อีกทั้งชื่อเสียงยังป่นปี้อีกต่างหาก พลางหยุดร้อง หากแต่น้ำตายังไหลรินไม่ขาดสาย

เฉินเสียนยกเท้าเดินขึ้นขั้นบันได ยื่นมือไปยังที่จับประตูลักษณะวงกลมที่ทำมาจากทองแดง แล้วเคาะประตู ทหารคุ้มกันที่อยู่ด้านในพลันเปิดประตูบานเล็กออก เมื่อเห็นเฉินเสียนกลับมาก็รีบเชื้อเชิญเธอเข้าไป

เฉินเสียนค่อยๆเดินผ่านหลิ่วเหมยอู่แล้วถูกนางดึงปลายกระโปรงไว้

หลิ่วเหมยอู่แหงนหน้ามองเฉินเสียน พลางกล่าวว่า “ขอร้องท่านละ……”

“ขอร้องข้าอันใด?”

“ขอร้องท่านให้ข้าเข้าไปด้วย……”

เฉินเสียนตอบเสียงเรียบ “นี่เหมือนไม่ใช่ธุระของข้า ให้นึกถึงยามที่ท่านไล่ข้าออกไปสิ เช่นนั้นท่านก็จะไม่โดดเดี่ยวเหงาหงอยแล้ว”

สิ้นเสียงเธอคิดจะสาวเท้าเข้าจวน เสียดายที่หลิ่วเหมยอู่ดึงปลายกระโปรงเธอไม่ยอมปล่อย

สีหน้าเฉินเสียนเย็นเยียบ ยกเท้าเหยียบมือหลิ่วเหมยอู่

หลิ่วเหมยอู่รู้สึกเจ็บแปลบจำต้องคลายมือออก เฉินเสียนจึงเข้าไปภายในจวนอย่างสบายกายสบายใจ

ซึ่งเวลานี้พ่อบ้านกำลังทำงานในบริเวณลานบ้านพอดี เมื่อเห็นเฉินเสียนกลับมาก็รีบเข้าไปกล่าว “องค์หญิงปลอดภัยกลับมาได้ในที่สุดนะขอรับ ท่านแม่ทัพไม่เห็นองค์หญิงกลับมาหลังจากที่ท่านกลับมาถึง จึงออกไปตามหาท่านแล้วขอรับ”

เฉินเสียนชะงัก พลางกล่าวว่า “เขาออกไปตามหาข้า? ออกไปเมื่อใด?”

พ่อบ้านกล่าวว่า “ออกไปได้สักพักแล้วขอรับ ท่านขี่ม้าไปขอรับ”

เฉินเสียนไม่ได้เจอหน้าฉินหรูเหลียงระหว่างทางเลย

เฉินเสียนกล่าว “งั้นท่านสั่งให้ข้ารับใช้ไปดูที่ถนนสองคน หากเห็นท่านแม่ทัพก็เรียกให้เขากลับมาได้”

“ขอรับ”

พ่อบ้านเตรียมจะไปถ่ายทอดคำสั่ง เฉินเสียนกล่าวเสริมว่า “ช้าก่อน คนที่ร้องอยู่นอกประตู ท่านใช้คนไล่ไปด้วย”

พ่อบ้านรู้สึกลำบากใจ กล่าวว่า “แต่ว่า……ท่านแม่ทัพแค่บอกให้ไล่นางออกไป แต่ไม่ได้บอกให้จัดการอย่างไร บ่าวไม่รู้ว่าควรไล่นางไปอยู่ที่ไหน”

เฉินเสียนกล่าว “ด้านนอกเสียงดัง หากมีผู้คนพบเห็นก็จะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ อีกอย่างยามนี้อากาศหนาวเหน็บยิ่งนัก หากปล่อยให้นางหนาวตายอยู่ด้านนอก คงจะยิ่งยุ่งกันใหญ่ เจ้าไปเช่นเรือนหลังเล็กๆให้ท่านอาศัยเป็นพอ ต่อจากนี้นางจะทำเยี่ยงไรก็สุดแล้วแต่นางปรารถนา จวนแม่ทัพก็ไม่แทรกแซงอีกต่อไป”

พ่อบ้านตอบ “ขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”

เฉินเสียนเดินผ่านลานบ้านเบื้องหน้ามาถึงตรงกลางเรือน ซึ่งยังไม่ถึงสวนสระวสันตฤดูพลันเห็นอวี้เยี่ยนวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นเฉินเสียนนางก็ทั้งดีใจทั้งอุทาน กล่าวว่า “องค์หญิงไปไหนมา เหตุใดเพิ่งกลับมายามนี้”

เที่ยงนี้หลังจากดูหลิ่วเฉียนเฮ้อรับโทษตามอาญาเสร็จ เฉินเสียนก็หนีไปโดยทิ้งพวกนางไว้ตรงนั้น โดยไม่รุ้ว่าควรไปตามหาที่ไหนดี ยามนั้นอวี้เยี่ยนเป็นห่วงจะเป็นจะตาย

อวี้เยี่ยนดึงเฉินเสียนพลางเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “ผู้คนในท้องถนนมากมาย หากองค์หญิงไปแล้วเกิดอันตรายขึ้นจะทำเยี่ยงใด โชคดีที่กลับมาแล้ว”

มือนางที่ดึงเฉินเสียนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล พลางกล่าวว่า “องค์หญิง เสื้อคลุมท่านล่ะเพคะ? เหตุใดจึงสวมอาภรณ์บางๆกลับมาเช่นนี้เพคะ?”

เฉินเสียนกล่าว “ระหว่างทางพบเจอแม่นางคนหนึ่ง รู้สึกถูกชะตาจึงมอบให้นาง”

“แต่องค์หญิงก็หนาวกลับมาไม่ได้เพคะ” อวี้เยี่ยนกล่าวด้วยความเป็นห่วง

เฉินเสียนยกมุมปากกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้ายังไม่หนาว”

“หิมะตกหนักปานนี้ พวกเรารีบเข้าเรือนเถอะเพคะ” อวี้เยี่ยนกล่าวระหว่างทาง “องค์หญิงเพคะ ตอนที่ท่านกลับมาเห็นแม่นางหลิ่วบ้างไหมเพคะ?”

“ร้องไห้อยู่หน้าประตู”

“หากวันนี้นางไม่ตามไปที่ตลาดสด พ่อบ้านอาจไล่นางออกไปไม่สำเร็จ ตอนนี้ดีเลย พวกเรากลับมาแล้วก็ไม่ให้นางเข้าประตูเสีเลย” อวี้เยี่ยนกล่าวถอนหายใจว่า “ยามนี้ถือว่านางได้รับกรรมที่ตัวเองก่อไว้แล้ว” อวี้เยี่ยนเบะปากพลันกล่าวว่า “วันนี้หลังจากที่องค์หญิงหายไป บ่าวเสนอให้ทิ้งแม่นางหลิ่วไว้ด้านนอกเสียเลย นางจะได้ไม่ต้องร้องไห้อาละวาดเมื่อกลับมาถึง แต่เอ้อร์เหนียงไม่ยอม คล้ายกับยังรู้สึกเห็นใจแม่นางหลิ่วอยู่”

เฉินเสียนหรี่ตากล่าว “เอ้อร์เหนียงทำเช่นนี้ถูกแล้ว พาคนกลับมาแล้วให้พ่อบ้านไล่ต่อหน้าทุกคนมันเหมาะสมกว่าทิ้งไว้ด้านนอกเยอะ เมื่อเป็นเช่นนี้หากนางเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเจ้าแล้วละ”

มิฉะนั้น หากทิ้งไว้บนท้องถนนจนเกิดเรื่อง จากที่เป็นฝ่ายมีเหตุมีผลก็จะกลายเป็นไร้เหตุผลได้

อวี้เยี่ยนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “บ่าวรู้หลักการพวกนี้เพคะ เพียงแต่วันนี้องค์หญิงหายไปครึ่งวัน เอ่อร์เหนียงก็ไม่ร้อนใจ ยังปลอบใจบ่าวไม่ให้เป็นห่วงอีก ไม่รู้ว่าเอ่อร์เหนียงไม่ร้อนใจจริงๆหรือไม่เป็นห่วงเลยสักนิดกันแน่เพคะ?”

เฉินเสียนเลิกคิ้ว เธอรู้ว่าเอ่อร์เหนียงทำอะไรมักจะเหมาะสมเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นคนของซูเจ๋อ เฉินเสียนจึงเชื่อใจอย่างไร้ข้อสงสัย

วันนี้เธอแยกตัวจากกลุ่มที่ถนนอย่างเร่งด่วน แม่นมซุยคงสายตาดี อาจจะรู้ว่าเธอไปหาผู้ใด จึงไม่ได้ถามไม่ได้เอ่ย เพียงทำตามคำสั่งของเธอเฉยๆ

อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดมหันต์

เฉินเสียนมองอวี้เยี่ยนปราดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ช่วงนี้เจ้าชอบเข้าใจเอ่อร์เหนียงผิดนะ นางทำอันใดให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า?”

เบื้องหน้าก็คือสวนสระวสันตฤดู ยามนี้หากอวี้เยี่ยนมีความในใจก็สามารถบอกเธอได้โดยลำพัง

นางเงียบได้สักพัก แต่กลับกล่าวเพียงว่า “บ่าวแค่ถือสาที่นางเป็นคนข้างกายใต้เท้าซูเพคะ”

ท่าทางยิ้มแย้มของเฉินเสียน เมื่อผิวขาวริมฝีปากแดงระเรื่ออยู่ภายใต้แสงหิมะ ช่างงดงามเหลือเกิน

อวี้เยี่ยนกระทืบเท้าด้วยความร้อนรนเล็กน้อย “องค์หญิงอย่าได้ชะล่าใจเชียวนะเพคะ ไม่แน่พวกเขาอาจจะมีเป้าหมายแอบแฝงก็เป็นได้นะเพคะ”

เมื่อกล่าวจบ อวี้เยี่ยนก็สังเกตเห็นสิ่งอื่น จ้องมองแล้วถามเฉินเสียนอย่างตะลึงงัน “ริมฝีปากองค์หญิงเป็นอันใดเพคะ?เหตุใดถึงบวมแดงเช่นนี้”

เฉินเสียนยกเท้าเดินไปยังด้านหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า “ใช่หรือ คงร้อนในกระมัง”

อวี้เยี่ยนรีบตามหลังมาติดๆ พลางกล่าวว่า “ลักษณะนี้จะเป็นร้อนในได้หรือ ตอนออกไปยามเช้าไม่ได้เป็นเยี่ยงนี้นี่เพคะ อันนี้คือ……”

อวี้เยี่ยนมองออก แต่กลับเขินอายไม่กล้าเอ่ย

หลังเข้ามาในเรือน อวี้เยี่ยนยังคงถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด “องค์หญิงวันนี้ได้พบเจอคนผู้นั้นใช่หรือไม่?”

แม่นมซุยที่อยู่ในเรือนรีบเข้ามาต้อนรับ พลางกล่าวว่า “อวี้เยี่ยนระวังถ้อยคำให้ดี หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง”

อวี้เยี่ยนรีบหุบปาก

ยามนี้แม้ในจวนแม่ทัพจะไม่มีแม่นางหลิ่วคอยรังควานแล้ว แต่ก็มีข้ารับใช้แปลกหน้าเข้ามาไม่น้อย

ถึงแม้จะอยู่ในเขตสวนสระวสันตฤดูก็พยายามให้เบาเสียงเข้าไว้ ซึ่งเรื่องนี้ต่างรู้กันดีในสวนสระวสันตฤดู หากแต่ไม่เคยประกาศออกไป

เฉินเสียนเดินขึ้นไปพร้อมกับปัดเกร็ดหิมะออก แล้วยืนผลักประตู แต่สมองยังคงเต็มไปด้วยภาพของเขา

เธอหัวเราะอย่างกับไม่รู้อะไร กล่าวเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล “ใช่แล้ว วันนี้ข้าเจอเขาด้วย”

อวี้เยี่ยนมองริมฝีปากแดงของเฉินเสียนก็นึกถึงอะไรบางสิ่งบางอย่าง นางทั้งอายทั้งร้อนใจปะปนกับความจนปัญญา กล่าวว่า “องค์หญิงกลับมาที่นี่ก็ไม่ควรไปพบเขาอีกนะเพคะ”

ไม่ควรไปหา ทว่าจะให้เธอปล่อยวางความรักได้อย่างไร?

อวี้เยี่ยนคงเข้าใจแม่นมซุยกับซูเจ๋ออะไรผิดเป็นแน่ แต่บุรุษที่เธอหมายมั่นแล้ว อนาคตก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด

เธอคิดว่าอวี้เยี่ยนก็จะเข้าใจจุดนี้ไม่ช้าก็เร็ว

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset