การแสดงออกของจักรพรรดิอ่อนลงและกล่าวว่า “ข้ารู้สึกโล่งใจมากที่อ้ายชิงสามารถดูแลความจงรักภักดีทั้งหมดได้ และด้วยวิธีนี้ เมื่อหลังเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าจะยังคงเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ของต้าฉู่ หากว่าไม่สามารถที่จะเข้าร่วมในสนามรบได้ ข้ายังจะให้เจ้าเพลิดเพลินไปตลอดชีวิตอันมีเกียรตินี้”
พอพูดถึงแม่ทัพใหญ่ของต้าฉู่ ถ้าถึงเวลานั้นคงอาจจะเป็นเพียงชื่อเรื่องแล้ว
เขาไม่มีอำนาจ และไม่สามารถนำทัพทหารออกไปรบได้ ทำได้แค่ใช้ชีวิตที่สุขสบายในเมืองหลวง ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เช่นนี้ ได้มาแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ในที่สุดฉินหรูเหลียงก็รับคำสั่ง และเฮ่อฟั่งเองก็วางกล่องผ้าที่บรรจุโสมและหลีหลูไว้ในมือของฉินหรูเหลียง
ฉินหรูเหลียงรับของแล้วถอยออกจากท้องพระโรง
เมื่อเขาเดินออกจากประตูวัง ข้างนอกท้องฟ้าค่อยๆ เริ่มมืดแล้ว ส่วนของกระเบื้องสีเขียวงดงามและผนังสีแดงของวังหลวงถูกปกคลุมด้วยหิมะบางๆ
เมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพ ท้องฟ้าก็ได้มืดลงแล้ว
โคมไฟใต้ชายคาสว่างเพียงเล็กน้อย มีความสงบและความอ่อนหวานอย่างยิ่ง
ข้ารับใช้เข้ามารายงาน โดยบอกว่าท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว
ด้านคนในครัวจึงได้เตรียม ที่จะนำอาหารเย็นไปที่ห้องทานอาหาร
ฉินหรูเหลียงถามเฉินเสียน ถึงได้รู้ว่าเฉินเสียนรออยู่ที่ห้องทานอาหาร เขาไม่กลับมา นางก็ยังไม่เริ่มทานข้าว
มิเช่นนั้นอาหารที่เพิ่งนำออกมา จะเย็นมากเช่นนี้หรือ
ในที่นี้คือเฉินเสียนจึงรอให้ฉินหรูเหลียงกลับมาทานอาหารเย็นด้วยกัน
ฉินหรูเหลียงหยุดเท้า และเงยหน้ามองไปที่ห้องทานอาหารที่อยู่ไม่ไกล ด้วยแสงไฟสีเหลืองที่เลอะเลือน จู่ๆ ในหัวใจเขาก็รู้สึกอบอุ่น รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ที่นี่คือบ้านของเขา ไม่ว่าเขาจะกลับดึกแค่ไหน ก็มีคนที่จวนรอเขากลับมาทานอาหารเย็น
เมื่อหลิ่วเหมยอู่ยังอยู่ในจวนหลังนี้ นางรู้ว่าเขายังคงทำงานอยู่ข้างนอก เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำก็ไม่รอเขาที่ห้องอาหาร ทั้งยังให้นำอาหารเย็นไปส่งให้เรือนสวนดอกพุดตาน หลังจากที่รอฉินหรูเหลียงกลับมา เขาก็ไปหานางที่เรือนสวนดอกพุดตานทันที
เขาเคยมอบความอ่อนโยนและความรักทั้งหมดให้กับหลิ่วเหมยอู่ แต่ความอบอุ่นของครอบครัว คือเฉินเสียนมอบให้กับเขา
เขาไม่เคยรักและทะนุถนอมมาก่อน และเขาอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้รักและทะนุถนอมอีกต่อไปเลย
ฉินหรูเหลียงก้าวเท้า และเดินเข้าไปที่ห้องทานอาหาร
เฉินเสียนไม่ได้นั่งที่โต๊ะอาหาร แต่นั่งยองๆ อยู่หน้าเตา
มีกะละมังใบหนึ่งต้มน้ำอยู่บนเตา และกาเหล้าอยู่ในน้ำ ทันทีที่ฉินหรูเหลียงเข้ามา จึงได้กลิ่นหอมจางๆ ของเหล้าที่โชยออกมา
เฉินเสียนเงยหน้าเห็นเขากลับมาแล้ว ได้กวักมือเรียก “รีบเข้ามา วันนี้อากาศเย็น ข้าเลยอุ่นเหล้าให้ท่าน ท่านดื่มเหล้าไหม? ไม่ดื่มยังมีชาร้อนๆ ดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น”
ฉินหรูเหลียงพูด “ข้าดื่ม”
เฉินเสียนลุกขึ้น แล้วพูดกับอวี้เยี่ยน “ไปเรียนคนที่ครัวนำอาหารมา”
สักพัก อาหารร้อนๆ ถูกนำไปวางไว้บนโต๊ะ และไม่ได้เตรียมมามากมาย เพียงพอกับสองคนที่ทาน เยอะไปก็สิ้นเปลือง
ฉินหรูเหลียงพูด “ข้าจำได้ว่าแต่ก่อนท่านเคยต้องการใช้เงินทั้งหมดของข้า แต่ตอนนี้กลับประหยัด”
แม้ว่าในขณะนั้นเฉินเสียนจะแพ้เขาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้หรูหราเท่าหลิ่วเหมยอู่ อย่างเช่นทานอาหารค่ำหนึ่งมื้อ ถึงแม้นางจะทานแค่ไม่กี่คำ คนที่ห้องครัวก็ทำออกมาจนเต็มโต๊ะเพื่อให้นางได้ขยับๆ ตะเกียบ
เฉินเสียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ประหยัดให้ท่านหน่อย หากหลังจากไม่ได้รับเบี้ยหวัดของแม่ทัพแล้ว จะเอาอะไรไปเลี้ยงครอบครัว”
ฉินหรูเหลียงวางตะเกียบ แล้วพูดว่า “ตั้งแต่กลับเข้าเมืองหลวงมา จักรพรรดิไม่เคยตรัสการถอดตำแหน่งแม่ทัพของข้า ท่านรู้ได้เช่นไรว่าข้าจะไม่ได้เป็นแม่ทัพต่อไป?”
“อย่าเพิ่งพูดนี่เป็นเพียงแค่เอ่ยขึ้นไม่มีอะไร ข้าคิดจากนิสัยของท่าน แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่ได้ตรัสถึงก็ตาม และท่านจะไม่สามารถอยู่ในฐานะที่จะไม่ทำอะไรเลย วันนี้คนที่ออกไปตามหาท่านแล้วไม่เจอ ข้าคิดว่าท่านคงจะเข้าวังหลวงไปแล้วหรือไม่”
เฉินเสียนรินเหล้าให้ฉินหรูเหลียง และรินชาให้กับตัวนางเอง
ฉินหรูเหลียงพูด “ใช่ข้าเข้าไปในวังหลวง”
“เข้าวังหลวงทำไม? เมื่อคดีของหลิ่วเฉียนเฮ้อสิ้นสุดลง ท่านยังจะกลับไปรับตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่?”
นี่คือสิ่งที่ฉินหรูเหลียงต้องทำ แม้ว่าจักรพรรดิจะยังไม่ให้เขากลับมารับตำแหน่งนี้ สถานการณ์ของเขาก่อนหน้านั้น ก็จะริเริ่มเอาคืนกลับมา
ฉินหรูเหลียงคีบอาหารให้เฉินเสียน และพูดว่า “จักรพรรดิทรงระงับตำแหน่งของข้าชั่วคราว เพื่อให้ข้าได้รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่จวนให้ดีก่อน” หลังจากหยุดพูดชั่วคราวก็พูดต่อว่า “ยังมอบกล่องโสมอายุหนึ่งร้อยปีให้อีกหนึ่งกล่อง”
เฉินเสียนหัวเราะ แล้วพูดว่า “จริงรึ นั่นเป็นเรื่องที่ดีเลย”
ในวันที่สอง ฉินหรูเหลียงตุ๋นโสมอายุกว่าร้อยปีในซุปไก่ แล้วนำไปให้ในจวนสวนสระวสันตฤดูเพื่อให้เฉินเสียนได้บำรุงร่างกาย
ทันทีที่เปิดฝา ก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นของซุปไก่
อวี้เยี่ยนเห็นว่าฉินหรูเหลียงมีน้ำใจต่อเฉินเสียนมากเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีความสุขมาก และได้นำชามมาสองชาม และเติมซุปไก่ทั้งสองชาม ชามหนึ่งสำหรับฉินหรูเหลียง และอีกชามสำหรับเฉินเสียน
เฉินเสียนคนช้อนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จักรพรรดิให้โสมอายุกว่าร้อยปีมาบำรุงร่างกาย แต่ท่านกลับใช้มันทำซุปไก่มาให้ข้า”
ฉินหรูเหลียงเม้มปากมองอย่างอธิบายไม่ถูก
บางทีอย่างที่จักรพรรดิท่านตรัส จะให้เฉินเสียนดื่มซุปโสมนี้ไม่ยาก ไม่เพียงแค่นั้นทั้งเขาลงมือทำเองมีโอกาสมากกว่า ตอนนี้เฉินเสียนไม่ได้ระแวดระวังเขาอีกต่อไปแล้ว
ตราบใดที่เฉินเสียนดื่มมัน ความจงรักภักดีและชื่อเสียงก็สามารถทำได้
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ต้าฉู่จะไม่ได้เกิดความวุ่นวายเพราะนาง และการบริหารราชการแผ่นดินก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงจุดที่ไม่ยั่งยืน
ก็เหมือนที่เขาไม่ได้ช่วยนางในปีนั้น ต้าฉู่ได้เปลี่ยนราชวงศ์ ทุกอย่างเงียบสงบ
ก่อนนั้นฉินหรูเหลียงคิดว่า ความเงียบสงบเช่นนั้นดีมาก แต่ตอนนี้ล่ะ?
ความจงรักภักดีคืออะไรกันแน่?
ความจงรักภักดีที่เรียกว่าการที่เขาต้องฆ่าร้างมนุษยชาติ ที่ขัดต่อหัวใจ และยังต้อวงฆ่าภรรยาตัวเอง?
ในช่วงเวลานั้นที่ต้องเป็นคนแปลกหน้ากับเฉินเสียน แม้ว่าเขาจะเคยเอียนและเกลียดชังนาง แต่ไม่เคยคิดที่จะปลิดชีพนาง ตอนนี้ล่ะ ตำแหน่งทั้งหมดในหัวใจได้ถูกครอบครองโดยผู้หญิงคนนี้ เขายังทำได้อยู่ไหม?
แม้ว่าตอนนี้เฉินเสียนไม่ได้รักเขาแล้ว แต่ว่าในใจฉินหรูเหลียงได้ยอมรับอย่างแน่นอนแล้วว่า นางคือภรรยาของตัวเอง
ในขณะที่เฉินเสียนเตรียมตักซุปไก่เข้าปาก ฉินหรูเหลียงก็ยื่นมือออกมาและคว้าข้อมือของเฉินเสียนไว้ทันที
เฉินเสียนสะดุ้งอึ้งไปสักพัก
ไม่ใช่เพราะแปลกใจที่ฉินหรูเหลียงจู่ๆ ก็ยื่นมือออกมาหยุดไว้ แต่แปลกใจเพราะที่ฉินหรูเหลียงจับข้อมือของตัวเองด้วยแรงที่มากกว่าที่ได้คิดไว้เล็กน้อย
นางมองฉินหรูเหลียง พูดอย่างแปลกใจ “มือของท่าน…….”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปากและไม่ตอบ แต่คว้าเอาช้อนออกจากมือของเฉินเสียน และมือข้างหนึ่งหยิบชามซุปไก่ออกไป
สีหน้าของเฉินเสียนเปลี่ยนไปหลายครั้ง แล้วนางก็ยิ้มอย่างไม่คิดอะไร “ท่านตั้งใจทำซุปไก่มาให้ข้าดื่ม ตอนนี้ข้าจะดื่ม ท่านกลับไม่ยอมให้ข้าดื่ม หมายถึงอะไร?”
“ซุปไก่นี้ ท่านดื่มไม่ได้”ฉินหรูเหลียงพูดอย่างเด็ดขาด
เฉินเสียนพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “โสมอายุกว่าร้อยปี เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกายที่ดี ข้าทำไมจะดื่มไม่ได้?”
“ดื่มไม่ได้ก็คือดื่มไม่ได้” เขากลัวว่าเฉินเสียนจะจับซุปไก่อีกครั้ง จึงได้ยืนขึ้นด้วยท่าทีที่เย็นชา แล้วเทซุปไก่กลับลงไปในถ้วยอีกครั้ง และถือถ้วยหันกลับไปประตู จากนั้นเทซุปไก่ร้อนสักถ้วยลงในแปลงดอกไม้ใต้ต้นไม้
เมื่อเขากลับมา ในหม้อเหลือเพียงกระดูกไก่ที่ยังไม่ได้ตุ๋นให้เปื่อย ส่วนน้ำซุปไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย
ฉินหรูเหลียงวางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างแรง และจ้องไปที่เฉินเสียน โดยไม่รู้ว่าความโกรธมาจากไหนและพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่ระแวดระวังข้า ข้าให้เจ้าดื่มอะไรเจ้าก็จะดื่มอย่านั้นรึ?”