คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 144 ทะเลปะการังห้าสี

ยี่สิบกว่าวันต่อมา ในที่สุดเรือศิลาทะเลก็มาถึงน่านน้ำที่พวกเขาจะล่าสัตว์ นี่เป็นผืนทะเลปะการังห้าสีอันกว้างใหญ่ ปะการังจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นทะเลน้ำตื้นและแนวปะการังใต้ทะเลที่ไร้คนอยู่อาศัย ทอดสายตามองไป บนทะเลน้ำตื้นทั้งหมดเป็นแนวปะการังใต้ทะเลจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนหยั่งเท้าได้สะดวก

หลังจากเข้ามาในเขตแนวปะการังใต้ทะเล เรือศิลาทะเลก็เผชิญการโจมตีจากสัตว์ปิศาจน้อยลง ในที่สุดทุกคนจึงโล่งอกได้และพักผ่อนสักหน่อยเตรียมล่าสัตว์ปิศาจต่อ แน่นอนว่าเป็นเพราะผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือเก็บผงกระตุ้นกำหนัดแล้ว

เรือศิลาทะเลเลือกจอดในสถานที่แห่งหนึ่ง ปลาทองตัวใหญ่ที่ลากเรือก็ว่ายไปเอง ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือยืนอยู่บนยอดตึกเรือ เอ่ยกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานด้านล่าง “ทุกท่าน พวกเราจะจอดอยู่ที่นี่เป็นเวลาครึ่งปี ทุกคนจัดการเรื่องของตนเองได้ เพียงจดจำเวลาที่เรือออกได้ก็พอ พอถึงวันนั้นพวกเราจะไปจากที่นี่ จะไม่รอใครทั้งสิ้น ถ้าหากทุกคนมีสิ่งของจะซื้อขาย สามารถขึ้นมาบนเรือได้ ที่นี่มีการรับรองความปลอดภัยให้”

ทุกคนเพียงรับฟัง ผู้ใดจะรู้ว่าออกมาครั้งนี้ คิดจะประหยัดเงินก็เป็นไปไม่ได้ เพียงหวังว่าจะโชคดี ได้พบสัตว์ปิศาจหลายครั้ง สามารถหาเงินได้เพิ่มชดเชยที่ใช้จ่ายไป

ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือเอ่ยคำพูดเหล่านี้จบ ก็กลับไปที่อยู่ของตนเองที่ชั้นเจ็ด ชั้นเจ็ดแบ่งเป็นสองส่วนให้ผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือสองคนอยู่อาศัย

ถึงแม้ทุกครั้งล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนบัญชาการเรือคนนี้ออกมาทำงาน ที่จริงเรือศิลาทะเลลำนี้มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมทั้งหมดสองคน ทุกคนต่างเป็นคนของตึกซ่างเซียน ย่อมรู้จักกันหมด เขารู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนอีกคนชอบฝึกบำเพ็ญอย่างเข้มงวด ดังนั้นเรื่องจิปาถะเหล่านี้เขาจึงรับทำทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็ตกลงกันแล้ว ระหว่างนี้เขาสามารถออกจากเรือไปล่าสัตว์ปิศาจหารายได้พิเศษ ไม่ต้องเฝ้าอยู่บนเรือตลอดเวลา

พวกเขากลับอาศัยอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง จินเฟยเหยาฉวยโอกาสที่หลายวันนี้ไม่มีสัตว์ปิศาจมาโจมตีเรือ นอนเอาแรงในห้องที่แคบเล็กตลอดเวลา นางยืดเอวอย่างเกียจคร้าน จับเส้นผมตนเองและมองออกไปนอกหน้าต่างที่กั้นด้วยกระจก เห็นผู้บำเพ็ญเซียนเหยียบของวิเศษกระจายไปรอบด้านทีละคน

จินเฟยเหยาไม่รีบร้อนออกทะเล ครุ่นคิดแล้วพาพั่งจื่อไปกินให้อิ่มท้องก่อน จากนั้นจึงคาบไม้จิ้มฟัน เรียกพรมบินออกมาสุ่มหาสถานที่ซึ่งมีคนน้อยหน่อยบินไป

ทะเลน้ำตื้นผืนนี้งดงามจริงๆ มีปะการังสีสันสดใสเป็นแถบอยู่ใต้น้ำลึกสองสามฉื่อ น้ำใสราวกับท้องนภา จินเฟยเหยาจำพุ่มปะการังข้างทางเป็นป้ายบอกทาง จะได้ไม่หลงทางในทะเลภายหลัง จนมาไม่ทันเวลาเรือเดินทางกลับ

ผู้บำเพ็ญเซียนหนึ่งพันคนมากเกินไปหน่อย สามารถเห็นผู้บำเพ็ญเซียนกำลังบินค้นหาสัตว์ปิศาจไปทั่วได้ตลอดทาง แต่ผู้อื่นต่างไปกันเป็นกลุ่มๆ ที่มากก็หลายสิบคน ที่น้อยก็มีสองสามคน คนจำนวนไม่น้อยโชคดีหาสัตว์ปิศาจพบแล้ว ตลอดทางไม่เจอสัตว์ปิศาจที่ว่างเลย ดูท่าได้แต่ไปสถานที่ที่ไกลอีกหน่อย จึงเป็นไปได้ว่าจะหาสัตว์ปิศาจพบ

จินเฟยเหยาไม่ได้หยุดลง บินไปไกลๆ เป็นเส้นตรง ถึงแม้สัตว์ปิศาจในทะเลจะมีมากมาย ทว่าทะเลกว้างใหญ่มาก สัตว์ปิศาจไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น

ส่วนด้านหลังนาง สี่พี่น้องนักล่าเงินรางวัลก็ติดตามมาอยู่ไกลๆ

เนื่องจากเหตุไม่คาดฝันโน่นนี่นั่น ค่าใช้จ่ายของพวกเขาจึงเหนือกว่าที่คาดไว้ลิบลับ เงินรางวัลที่รับมาสังหารจินเฟยเหยาในตอนแรกไม่พอค่าใช้จ่ายในการออกมาข้างนอกครั้งนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนความสำคัญของเป้าหมาย เดิมทีคิดจะสังหารจินเฟยเหยาเป็นหลัก จากนั้นแวะสังหารสัตว์ปิศาจสักหลายตัวหารายได้พิเศษ ทว่าตอนนี้เป้าหมายหลักของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสังหารสัตว์ปิศาจ แล้วค่อยแวะสังหารจินเฟยเหยาหารายได้พิเศษแทน

ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องไปค้นหาสัตว์ปิศาจ จึงติดตามจินเฟยเหยาอยู่ด้านหลังไกลๆ ไปยังสถานที่ซึ่งมีคนอยู่น้อย

จินเฟยเหยาพบว่ามีคนสี่คนติดตามอยู่ด้านหลัง แต่นึกว่าไปทางเดียวกันพอดี น่านน้ำแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ห้ามไม่ให้ผู้อื่นเหาะตามมาด้านหลังไม่ได้

“เอ๋ ด้านหน้ามีสัตว์ปิศาจ” ทันใดนั้น จินเฟยเหยาก็พบว่าบนผิวทะเลอันห่างไกลมีจุดสีดำเคลื่อนไหว อาจจะเป็นสัตว์ปิศาจ

นางหยิบตำรารูปภาพสัตว์ทะเลที่ซื้อออกมา เตรียมบินเข้าไปใกล้แล้วค่อยต่อสู้ เป็นสัตว์ปิศาจชนิดใดนะ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

บินเข้าไปใกล้หน่อย จุดสีดำก็มีขนาดเท่ากำปั้น สามารถมองเห็นได้เลือนๆ ว่าเป็นปลาสีดำตัวหนึ่ง จินเฟยเหยากำลังคิดจะพลิกตำรารูปภาพ เมื่อหาประเภทสัตว์ปิศาจรูปร่างปลาทั้งหมดพบ ก็เห็นน้ำพุ่งออกมาจากบนร่างปลาสีดำ

“พ่นน้ำได้ สัตว์ปิศาจแบบนี้เหมือนข้าเคยเห็น” นางรีบพลิกเปิดหลายหน้าในตำรา หาคำแนะนำและรูปภาพของสัตว์ปิศาจชนิดนี้จนพบ

สัตว์พ่นน้ำขั้นหก ลำตัวยาวร้อยจั้ง เรี่ยวแรงมหาศาล สามารถควบคุมการโจมตีของเวทธาตุน้ำ อ่านคำแนะนำในตำราจบ จินเฟยเหยาก็ปิดตำราอย่างจนใจและเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ทำอะไรน่ะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ปิศาจขั้นหก ทั้งยังตัวใหญ่ขนาดนี้ สัตว์ทะเลเหล่านี้น่าชังจริงๆ ที่ร่างกายใหญ่โตระดับขั้นก็สูง ที่ร่างกายเล็กก็มีปริมาณมาก จะให้คนมีชีวิตอยู่หรือไม่”

สัตว์ปิศาจตัวนี้จินเฟยเหยาจัดการคนเดียวไม่ไหว นางได้แต่บินผ่านเหนือสัตว์ปิศาจไปอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่นางบินผ่านไป สัตว์พ่นน้ำตัวนี้ยังพ่นเสาน้ำขนาดใหญ่หลายจั้งสายหนึ่งใส่นางอย่างไม่ยอมอยู่เฉยๆ

จินเฟยเหยาหลบวูบ เสาน้ำที่พ่นมาถึงกลางอากาศ ขณะที่ร่วงลงไปก็ราวกับฝนตกหนักกะทันหัน โชคดีที่นางตาเร็วมือไว ร่มดอกไม้มาอยู่ในมือภายในพริบตา กางกั้นหยดน้ำที่ตกลงมาทั่วฟ้า

“พี่ใหญ่ ด้านหน้ามีสัตว์ปิศาจตัวหนึ่ง พวกเราจะฆ่าหรือไม่?” สี่พี่น้องที่ติดตามมาด้านหลังก็พบสัตว์พ่นน้ำตัวนี้ เจ้ารองรีบเอ่ยถามพี่ใหญ่

“ฆ่า ต้องฆ่าแน่นอน อย่างไรสุดท้ายสตรีผู้นี้ก็ต้องกลับขึ้นเรือ พวกเราจะลงมือที่นี่หรือกลับเมืองวั่นเซียนสุ่ยค่อยลงมือก็เหมือนกัน” สังหารจินเฟยเหยาแล้วสอบถามฐานะของสาวงามอะไรนั่น จึงได้ศิลาวิญญาณชั้นล่างหนึ่งแสนก้อนจากมือเยวี่ยปู้ชิง ทว่าหนึ่งเดือนกว่ามานี้ใช้ศิลาวิญญาณบนเรือไปเกือบแปดหมื่นศิลาวิญญาณชั้นล่าง คนโง่งมจึงเห็นสัตว์ปิศาจแล้วไม่ฆ่า

เจ้าอ้วนสามติดตามอยู่ด้านหลังเอ่ยถามอย่างไม่ได้ตั้งใจ “พี่ใหญ่ ถ้าลูกค้าเอ่ยเร่งรัดจะทำอย่างไร”

“เจ้าสาม เจ้ากินมากไปหรือไม่ ขนาดในสมองยังมีแต่ไขมัน ไม่ดูบ้างว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ใด ต่อให้ลูกค้าคิดจะเอ่ยเร่งรัด เขาก็ไม่มีความสามารถจะส่งนกถ่ายทอดเสียงมา สังหารเร็วหรือช้า แล้วแต่พวกเราตัดสินใจเอง” เจ้าสามผู้บริสุทธิ์ถูกเจ้ารองด่าทออย่างรุนแรงหนึ่งยก

“ไป เจ้านี่เป็นสัตว์ปิศาจขั้นหก ทุกคนระวังหน่อย” พี่ใหญ่เตือนซ้ำ เหยียบของวิเศษนำไปหาสัตว์พ่นน้ำก่อน อีกสามคนจึงรีบติดตามมาด้านหลัง ไปหาเงินก้อนแรกที่พวกเขามาที่นี่

จินเฟยเหยาไม่รู้ว่านางทิ้งคนที่มีแผนการร้ายทั้งสี่ไว้เช่นนี้ นางแค่รู้จากการรับรู้ว่าคนทั้งสี่ไปสังหารสัตว์พ่นน้ำแล้ว

ตอนนางพบสัตว์เสียงเด็กตัวหนึ่งอีกครั้ง สี่พี่น้องนักล่าเงินรางวัลก็ไม่เหลือแม้เงานานแล้ว

สัตว์เสียงเด็กมีชื่อน่าฟังยิ่ง ทำให้คนที่ไม่เคยเห็นทำให้คนเข้าใจผิดนึกว่ามันต้องน่ารักเหมือนทารก ที่จริงเนื่องจากเสียงร้องของมันเหมือนเสียงร้องไห้ของเด็ก ร้องเหมือนแมวตอนเป็นสัด กลางคืนได้ยินจะทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ ดังนั้นจึงได้ชื่อนี้

สัตว์เสียงเด็กหน้าตาอัปลักษณ์ หัวใหญ่สุดเปรียบปาน ข้างปากมีเขี้ยวงอกออกมาสองซี่ ลำตัวสีเทาเรียบลื่น มีหางยาวใช้แหวกน้ำ ไม่รู้ว่าจินเฟยเหยาหลอนไปหรือไม่ นางรู้สึกว่าตนเองเหมือนเห็นขาหลังงอกออกมาด้านล่างลำตัว นับไปนับมา สัตว์เสียงเด็กตัวนี้มีเพียงสามขา

นางไม่สนว่ามันมีกี่ขา อย่างไรก็มีเพียงเขี้ยวและตานสัตว์ปิศาจที่มีประโยชน์ ส่วนอื่นๆ ก็ใช้เลี้ยงปลาไป จินเฟยเหยาคร้านจะพลิกในตำราดูอีก ว่าสัตว์เสียงเด็กมีเพียงสามขาหรือไม่ นางเรียกทงเทียนหรูอี้ออกมา แล้วเหาะไปหามัน

เล็งผิวหนังเรียบลื่นของสัตว์เสียงเด็ก จินเฟยเหยาให้ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นแผ่นกลมๆ ที่มีฟันเลื่อยอยู่เต็มไปหมด หมุนอย่างรวดเร็วแล้วกรีดไปทางสัตว์เสียงเด็ก

เสียงดังแคว่ก ทงเทียนหรูอี้กรีดบนหลังสัตว์เสียงเด็กยาวห้าจั้งกว่าเป็นบาดแผลผิวหนังปริแยกสองสาย จากนั้นทงเทียนหรูอี้ก็ลอยขึ้นกลางอากาศอีก หลังหมุนก็พุ่งเข้าใส่สัตว์เสียงเด็กเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนจินเฟยเหยากระโดดลงจากพรมบิน มือซ้ายเก็บร่มดอกไม้ มือขวาจุดไฟนรกขึ้นโจมตีใส่บาดแผลที่ทงเทียนหรูอี้กรีดเปิด

หลังบรรลุขั้นสร้างฐานช่วงกลาง นรกดำในไฟนรกของจินเฟยเหยาก็เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ไฟนรกดวงหนึ่งมีกึ่งหนึ่งเป็นสีดำ มีเพียงครึ่งเดียวที่เป็นสีฟ้าดังเดิม พลังทำลายล้างของไฟนรกสีดำเลื่อนขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ไฟนรกสีฟ้าและสีดำผสมกันพุ่งเข้าใส่บาดแผลของสัตว์เสียงเด็กทันที

สัตว์เสียงเด็กเจ็บปวดจนคำรามลั่น ใช้ขาหน้าฟาดตบทันที ปะการังที่มันยืนอยู่ถูกโจมตีทำลายในพริบตา น้ำทะเลรอบด้านกระเพื่อมเกิดคลื่นใหญ่สูงสองจั้ง

จากนั้นจินเฟยเหยาก็ใช้สองมือต้านทานไว้อย่างรวดเร็ว ฟองแสงนรกจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายกลายร่างเป็นฟองแสงนรกขนาดใหญ่ห้าหกจั้งลอยอยู่กลางอากาศ

สัตว์เสียงเด็กที่อยู่ด้านล่างอ้าปากกว้าง ในปากมีดวงแสงเสียดแทงนัยน์ตายิงออกมา

จินเฟยเหยากลับโยนฟองแสงนรกไปเบื้องหน้า กลายร่างเป็นไฟนรกในพริบตา ไฟนรกสะอึกเข้ารับดวงแสงที่พุ่งเข้าใส่

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน โจมตีจนทำให้เกิดคลื่นลมรุนแรง จากนั้นต่างฝ่ายต่างหักล้างกัน ส่วนฟองแสงนรกที่โยนออกไป ร่วงลงด้านบนสัตว์เสียงเด็กพอดี ปกคลุมมันไว้ทั้งหมด

“ลุกไหม้!” จินเฟยเหยาชี้ฟองแสงนรกพลางตวาดลั่น ไฟนรกสีดำผสมสีฟ้าในฟองแสงนรกพุ่งออกมา พลังวิญญาณของจินเฟยเหยาถูกสูบจนว่างเปล่าไปครึ่งหนึ่ง

สัตว์เสียงเด็กดิ้นรนและร้องคำรามอยู่ในไฟนรก ต้องจุดเปลวเพลิงรุนแรงสูงห้าหกจั้งขึ้น พลังวิญญาณก็ไหลออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนสูบน้ำ จินเฟยเหยาเกือบใช้พลังจนเกลี้ยง รีบโยนยาเสริมพลังหนึ่งเม็ดเข้าปากจึงควบคุมไฟนรกได้

ไม่เสียทีที่เป็นสัตว์ปิศาจขั้นห้า สัตว์เสียงเด็กยังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตภายใต้การเผาไหม้ด้วยไฟนรกของจินเฟยเหยา พ่นดวงแสงเสียดแทงนัยน์ตาออกมาจากในไฟนรกเป็นสายทะลุฟองแสงนรกโจมตีกลางอากาศ

จินเฟยเหยาร้อนใจ รีบให้ทงเทียนหรูอี้ปักเข้าไปในฟองแสงนรกกรีดเฉือนสัตว์เสียงเด็กต่อ การดิ้นรนภายในฟองแสงนรกยิ่งมายิ่งผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ สุดท้ายก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวอีก ในที่สุดสัตว์เสียงเด็กก็ถูกฆ่าตายอย่างช้าๆ

จินเฟยเหยาถอนหายใจยาว เก็บพลังวิญญาณ ฟองแสงนรกและไฟนรกก็หายไปหมด เผยให้เห็นซากสัตว์เสียงเด็กที่เหลือครึ่งเดียว จินเฟยเหยานั่งพักผ่อนอยู่ข้างๆ โบกมือเบาๆ ทงเทียนหรูอี้ก็กรีดเปิดกระโหลกศีรษะอันแข็งแกร่งของสัตว์เสียงเด็ก นางค่อยใช้มือดูด ตานสัตว์ปิศาจสีดำเป็นประกายเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากกระโหลกศีรษะของสัตว์เสียงเด็กร่วงลงในมือจินเฟยเหยา

นางเก็บตานสัตว์ปิศาจในถุงเฉียนคุน นางให้พั่งจื่อไปดึงเขี้ยวของสัตว์เสียงเด็กออกมา หลังนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังวิญญาณทั้งหมดอยู่ที่เดิม จึงขึ้นนั่งพรมบินค้นหาเหยื่อรายต่อไปอีก

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset