คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 211 คำสั่งเสีย

จินเฟยเหยาตบบ่าจู๋ซวีอู๋เบาๆ บอกใบ้ให้เขารออยู่ที่นี่จะได้ให้อีกฝ่ายคลายความระวังป้องกัน ถ้ามีอันตรายก็ให้รีบลงมือ จากนั้นนางก็รวบรวมความกล้าขจัดฤทธิ์ยันต์ซ่อนกายและเดินออกจากที่ซ่อนตัว

“เป็นเจ้า!” หวาหวั่นซีประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าคนที่ตามหลังตนเองมาตลอดจะเป็นจินเฟยเหยา

จินเฟยเหยาเดินมาถึงสถานที่ซึ่งห่างจากนางยี่สิบจั้งจึงหยุดลง โผล่ศีรษะมาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงอยากถามว่า เจ้าคือเนี่ยนซีหรือหวาหวั่นซี?”

“สำหรับเจ้าแล้ว มีความแตกต่างหรือ?” หวาหวั่นซีเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง

“พอเจ้าถามแบบนี้ ข้าพลันคิดได้ว่าดูเหมือนจะไม่แตกต่างอะไร ว่าไปแล้วเนี่ยนซีไม่เคยสนใจข้าสักนิด กินฟรีดื่มฟรีตลอด ถ้าเจ้าเป็นนางแล้วไปอยู่ฟรีกินฟรีกับข้าอีก ข้าคงรับไม่ไหวจริงๆ” จินเฟยเหยาปรบมือ นึกว่าตนเองเบื่อหน่ายเกินไป หรือว่านางคือเนี่ยนซีก็จะเก็บนางกลับไปเลี้ยงใหม่ ดูท่าทางของนางเกรงว่าตอนนี้คงใช้เรื่องกินข้าวมาขับไล่ไปไม่ได้ บางทีต้องหาบุรุษมาให้นาง

“หึๆๆ เจ้าเหมือนในความทรงจำของนางอย่างไรอย่างนั้น” หวาหวั่นซีได้ยินคำพูดของนางก็หัวเราะ

หลังจากหัวเราะ นางก็จัดแต่งเส้นผม ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ข้ายังจำได้ว่าตอนแรกเจ้าไม่ต้องการถุงเฉียนคุนใบนั้น ด้านในบรรจุสิ่งของไว้ไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่รับไว้ ไม่เหมือนนิสัยของเจ้าเลย”

“ข้าเพียงแต่ไม่อยากขายเนี่ยนซีทิ้งแบบนั้น สิ่งที่เจ้ากินและใช้สอยมากกว่าถุงเฉียนคุนใบนั้นมากนัก แต่ถ้าเจ้ารู้สึกแย่ จะชดเชยให้ข้าตอนนี้ก็ได้” จินเฟยเหยายิ้มแย้มเริ่มพูดคุยธุระสำคัญ

จู๋ซวีอู๋เหงื่อตก ที่แท้เจ้าตัวเลวร้ายนี่ไม่ได้คิดจะทำความดี แค่มาทวงหนี้เท่านั้น

หวาหวั่นซีไม่มีโทสะ ทว่าหัวเราะ “น่าเสียดาย ต่อให้ตอนนี้ข้าคิดจะชดใช้ให้เจ้าก็ไม่มีสิ่งของใด ขณะบรรลุขั้นแปลงจิตเมื่อครู่ พวกถุงเฉียนคุนตามตัวและสิ่งของถูกทำลายหมดแล้ว ชุดอาคมที่มีค่าเพียงอย่างเดียวบนร่างก็ขาดจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ให้เจ้าไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วยังไม่ดูดซับน้ำและไม่เหมาะมือเลย”

“ไม่จริงน่า อนาถปานนี้เชียว” จินเฟยเหยามีสีหน้าผิดหวัง ไม่รู้บอกว่าตนเองอนาถหรือหวาหวั่นซีอนาถกันแน่

หวาหวั่นซีเม้มปากหัวเราะ “มิเพียงไม่มีสิ่งของให้เจ้า ข้ายังคิดจะไหว้วานเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องรับปากข้า”

“ไม่เอา ข้าไม่รับปากหรอก ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่” นางปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด นางเสียเปรียบหวาซีมาไม่น้อย คนตระกูลพวกเขาล้วนเจ้าเล่ห์กลอกกลิ้ง ต้องเป็นเรื่องที่ทำดีแต่ไม่ได้ดีแน่ ตนเองจะหลงกลอีกไม่ได้

“สังหารข้าเสีย” หวาหวั่นซีไม่สนใจคำปฏิเสธของนาง ยังเอ่ยประโยคนี้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ดังเดิม

“หา? ข้าฟังไม่เข้าใจ” จินเฟยเหยาสงสัยว่าตนเองได้ยินไม่ชัด อดเอ่ยถามอีกครั้งไม่ได้

หวาหวั่นซีเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ข้าบอกให้เจ้าสังหารข้า แล้วเอาหยวนอิง[1]ของข้าออกมา”

“เพราะเหตุใดข้าต้องทำเช่นนี้ ถ้าเจ้าอยากตาย ตนเองก็สามารถทำได้อีกทั้งยังมีวิธีการมากมาย เจ้าให้ข้านำหยวนอิงออกมา หรือว่าร่างนี้ไม่ไหวแล้วคิดจะชิงร่างข้า?” จินเฟยเหยาถอยหลังไปหลายก้าว มองนางด้วยสีหน้าระแวดระวัง

หวาหวั่นซียิ้มอย่างโศกเศร้า “ด้านหลังเจ้ามีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ซ่อนอยู่มิใช่หรือ? เขาน่าจะมองออกว่าข้ายังเหลือเวลามีชีวิตอยู่เท่าใด ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ข้าคิดจะมอบหยวนอิงให้เจ้า ถ้าเจ้าไปโลกระดับเทพ ข้าหวังว่าจะหาสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่าน้ำพุความฝัน ช่วยข้าปลดปล่อยมันให้เป็นอิสระ”

“ปลดปล่อยให้เป็นอิสระ? ปลดปล่อยหยวนอิงให้เป็นอิสระ?” จินเฟยเหยารับฟังจนรู้สึกงุนงง หรือว่าหยวนอิงของหวาหวั่นซีฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นร่างแยกแล้วสามารถอยู่รอดระหว่างฟ้าดินเองได้ แต่ต่อให้สามารถอยู่รอดเองได้ ทำไมยังต้องส่งไปน้ำพุความฝันอะไรนั่นด้วย มิใช่การกระทำที่เกินความจำเป็นหรือ

“เจ้าเห็นหยวนอิงของข้าก็จะเข้าใจ ใช้ถุงสัตว์ภูติหรือขวดหยกธรรมดาก็สามารถบรรจุได้ ถือว่าเนี่ยนซีขอร้องท่าน ข้าเคยรับปากมันว่าต้องส่งมันกลับน้ำพุความฝัน ดังนั้นจึงแลกเคล็ดวิชาที่กลืนกินเจ้านายของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณเพื่อให้พลังบำเพ็ญเพียรรุดหน้าอย่างรวดเร็วมาได้ เดิมข้าคิดจะทำลายคฤหาสน์กุ่ยเม่ยแล้วไปโลกระดับเทพค้นหาน้ำพุความฝัน แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ข้าถึงขีดจำกัดสูงสุด ไปไม่ได้แล้ว ถ้าให้หยวนอิงหนีไป สุดท้ายมันได้แต่พกพาความเคียดแค้นที่กลับบ้านไม่ได้และหายไปที่นี่ ข้าต้องรักษาสัญญา” หวาหวั่นซีเอ่ยอย่างสงบนิ่ง เส้นผมสีดำทั้งศีรษะเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว คนเริ่มแก่ชรา

“เสี่ยวเหยา รับปาก นางใกล้จะตายแล้ว หยวนอิงนั้นต้องมีส่วนที่แปลกประหลาดแน่” จู๋ซวีอู๋ฟังคำพูดของพวกนางมาตลอด ท่าทางขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าน่ารักอย่างยิ่ง

“ข้ารับปากเจ้าว่าจะนำหยวนอิงไป แต่คงไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้า ตอนนี้เจ้าใกล้จะตายอยู่แล้วมิใช่หรือ” จินเฟยเหยารีบรับปาก เกรงว่านางตายแล้วจะไม่ได้ยิน

ยามนี้หวาหวั่นซีเปลี่ยนจากลักษณะอายุยี่สิบกว่าปีแก่ชราจนเป็นอายุสามสิบกว่าปีและกำลังก้าวไปเป็นอายุสี่สิบอย่างรวดเร็ว นางมองจินเฟยเหยาด้วยสายตาสงบนิ่ง “ข้าอยากตายไปอย่างงดงาม ไม่คิดจะแก่ตายอย่างน่าเกลียด เจ้าคงไม่ยินยอมมองข้าจากไปด้วยใบหน้าแก่ชรากับตานะ เนี่ยนซีสามารถตายไปด้วยรูปโฉมอันงดงามได้ ข้าก็อยากตายเช่นนั้น”

“เร็วหน่อย ข้าไม่มีเวลาเหลือมากนัก” น้ำเสียงของหวาหวั่นซีแฝงการวิงวอน ดวงตาใสกระจ่างเหมือนกับเนี่ยนซีที่ถูกมอบให้จินเฟยเหยาในตอนนั้น สายตาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

จินเฟยเหยาลังเลนิดหนึ่งก็ขยับความคิด ทงเทียนหรูอี้ออกมากลายเป็นกระบี่ยาวสองเล่มแทงทะลุหัวใจของหวาหวั่นซีทันที

“ขอบคุณ” ใบหน้าของหวาหวั่นซีเผยรอยยิ้ม เอ่ยประโยคสุดท้ายกับจินเฟยเหยา จากนั้นก็ล้มลงพื้นขาดใจตาย

พอนางสิ้นลม บนร่างก็กระพริบแสงสีขาว หยวนอิงพุ่งออกมานอกร่าง สัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณขนาดเท่าทารกตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศแบบมีแสงสีขาวกระพริบและมองรอบด้านอย่างสงสัย

อะไรนะ! คิดไม่ถึงว่าหยวนอิงคือสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

หยวนอิงรูปสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณปรากฏขึ้น ทำให้จินเฟยเหยาและจู๋ซวีอู๋ตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เคยได้ยินว่าหยวนอิงของคนจะควบรวมออกมาในรูปลักษณ์สัตว์ภูติ ทว่าหยวนอิงเล็กๆ ตัวนี้เหลียวซ้ายแลขวา ยกขาขึ้นตะกุยคิดจะหลบหนี

“อย่าไป!” จินเฟยเหยาตบถุงสัตว์ภูติบนร่าง หยวนอิงน้อยที่กำลังคิดจะหนีก็ถูกเก็บลงในถุง ทว่าพั่งจี่อและต้านิวด้านในถูกเบียดออกมามองนางอย่างงุนงง

“พวกเจ้าสองตัวรอข้าซื้อถุงสัตว์ภูติใบใหม่ ใบนี้ให้เจ้านี่ยืมอาศัยอยู่ก่อน” จินเฟยเหยาตบถุงบนร่าง บอกพวกมันสองตัว

หลังจากต้านิวเลื่อนเป็นสัตว์ภูติขั้นห้า เพื่อรับมือกับอันตราย จินเฟยเหยาจึงไม่ได้ให้พวกมันอยู่ในอ่างมายาจิ่งเทียนอีก ขณะเคลื่อนไหวก็ใส่ไว้ในถุงสัตว์ภูติ โดยพื้นฐานแล้วปกติติดตามอยู่ข้างนอก เพียงอาศัยอยู่ในถุงสัตว์ภูติชั่วคราว ต้านิวไม่มีความเห็นอื่น ทว่าพั่งจื่อกลับไม่ยินยอม หลังถูกต้านิวใช้ขาหน้าตบคว่ำลงกับพื้นและบังคับลากเข้าถุงสัตว์ภูติ พั่งจื่อก็ไม่อาละวาดอีก

ทุกครั้งพั่งจื่อล้วนเข้าไปในถุงสัตว์ภูติอย่างเชื่อฟัง เพียงแต่จำนวนครั้งที่มันเรียกร้องต้องการศิลาวิญญาณชั้นบนเพื่อเลื่อนขั้นสูงถึงวันละสิบครั้งแล้ว ครั้งนี้ได้ศิลาวิญญาณชั้นบนสองก้อนจากมือจู๋ซวีอู๋ ในที่สุดก็แก้ปัญหามันได้สำเร็จ

เวลานี้จู๋ซวีอู๋เดินออกมาจากที่ซ่อน ยันต์ซ่อนกายบนร่างถูกเขาจัดการเบาๆ ก็หายไป เขาเดินมาถึงข้างกายจินเฟยเหยา ชี้หวาหวั่นซีที่ตายตาหลับบนพื้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะจัดการนางอย่างไร ถ้าข้าเดาไม่ผิด วิญญูชนจอมปลอมเหล่านั้นคงรีบออกค้นหาแล้ว คนขั้นกำเนิดใหม่จะมีใครบ้างที่ไม่อยากได้สาเหตุที่นางสามารถบรรลุขั้นแปลงจิตได้ในพริบตา”

“ท่านก็อยากได้หรือ?” จินเฟยเหยามองจู่ซวีอู๋

จู๋ซวีอู๋ยักไหล่อย่างเหยียดหยาม “ข้าไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ฉากนั้นข้ามิใช่ไม่เคยเห็น ข้าไม่สนใจจะกินคนเลยสักนิด รีบจัดการซากศพเถอะ ไม่เช่นนั้นพวกเราสองคนต้องกลายเป็นเป้าหมายล่าสังหาร”

“เผาทิ้งเถอะ” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างชืดชา

จู๋ซวีอู๋โยนเวทอัคคีระดับขั้นหยวนอิงออกมาดวงหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ครู่หนึ่งก็เผาหวาหวั่นซีจนกลายเป็นถ้าถ่าน ไม่รู้ว่าจินเฟยเหยาคิดอะไรอยู่ นำขวดหยกเล็กๆ ที่ใส่ยาออกมาบรรจุเถ้ากระดูกที่เหลือไม่มากบนพื้น จากนั้นใช้เวทม้วนวายุกวาดผ่าน บนพื้นก็ไม่มีร่องรอยใดๆ

จัดการที่นี่เสร็จสิ้นอย่างว่องไว คนทั้งสองก็พากบสองตัวหาทิศทางหนึ่งหลบหนีไปไกล

พวกเขาเพิ่งจากไป พวกตาเฒ่าตู้ก็เร่งรุดมา และใช้การรับรู้กวาดดูรอบด้านอย่างสุดชีวิต น่าเสียดายกลับหาอะไรไม่พบ

พวกเขาค้นหาแต่ละแห่งอย่างละเอียด คิดจะหาร่องรอยที่เคยต่อสู้ ทว่าหวาหวั่นซียินดีรับความตายเอง ไหนเลยจะมีร่องรอยอะไร การรับรู้แต่ละสายกวาดผ่านริมลำธารก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ พวกเขาค้นหาอยู่เช่นนี้ไปตลอดทาง

ส่วนพวกจินเฟยเหยาในยามนี้จากมาไกลแล้ว

ครึ่งเดือนต่อมา สำนักเซียวไท่บนภูเขาหลิงซีพลันมีเสียงเตือนอย่างเร่งร้อน “แย่แล้ว ผลเซียนหลิงถูกคนขโมยไปหมดแล้ว!”

สำนักที่ไม่ถือว่าใหญ่และไม่ถือว่าเล็กแห่งนี้ ศิษย์ทั้งหมดล้วนออกมาเคลื่อนไหวค้นหาโจรรอบภูเขาหลิงซีและในสำนักอย่างเดือดดาล

ทว่าห่างออกไปร้อยหลี่ บนพรมบินคึกคักอย่างผิดปกติ จินเฟยเหยาและจู๋ซวีอู๋กอดผลไม้สีชมพูขนาดเท่ากำปั้นคนละผลกำลังแทะกินอย่างยินดี ส่วนพั่งจื่อและต้านิวก็ไม่ล้าหลังกอดผลไม้สีชมพูเช่นเดียวกันและยังมีวางอยู่บนพรมบินเจ็ดแปดผล

“พี่จู๋ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสำนักเซียวไท่มีผลไม้อร่อยแบบนี้?” จินเฟยเหยากัดผลเซียนหลิงคำโต เอ่ยถามอย่างเบิกบาน

จู๋ซวีอู๋แทะผลเซียนหลิงหมดในไม่กี่คำจึงหยิบขึ้นมาอีกผล หลังกัดอย่างแรงคำหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ตอนข้ายังเป็นขั้นสร้างฐาน เคยติดตามอาจารย์มาอวยพรวันเกิดที่นี่ ตอนนั้นพวกเขาตระหนี่สุดๆ เพียงนำผลเซียนหลิงออกมาสามผล นอกจากเทพอายุ[2]ยืนกินหนึ่งผล คิดไม่ถึงว่าอีกสองผลจะถูกผ่าเป็นหลายชิ้น ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมขึ้นไปได้รับแบ่งคนละชิ้น ทำให้ทุกคนอยากกินจนทนไม่ไหว”

“วันนี้กินแล้ว รสชาติดูเหมือนพอใช้ได้” จู๋ซวีอู๋แทะผลเซียนหลิงผลนี้อย่างรวดเร็วแล้วยื่นมือไปคว้าผลที่สามอีก

จินเฟยเหยารีบตีมือเขา เอ่ยอย่างดูแคลน “ท่านบอกว่ารสชาติแค่พอใช้ได้มิใช่หรือ ท่านจะกินเร็วขนาดนี้ทำไม หดมือกลับไป แบ่งกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนของท่านหมดแล้ว”

“ไม่นะ นี่เป็นผลไม้ที่สองร้อยปีจึงจะออกลูกครั้งหนึ่งนะ ไม่ยุติธรรมเกินไป เจ้าได้ส่วนหนึ่งก็พอแล้ว กบสองตัวนี้ไม่ได้ลงแรงก็ได้ส่วนแบ่งเท่ากัน พวกมันได้กินผลหนึ่งก็ถือว่าโชคดีมหาศาลแล้ว อย่าสิ้นเปลืองของดีๆ เป็นกบก็ไปกินหนอนไป” จู๋ซวีอู๋ยื่นมือมาคิดจะแย่งผลเซียนหลิง

ดวงตาพั่งจื่อและต้านิวเป็นประกายวาบ เดือดดาลจนกล้าทำได้ทุกอย่าง ใช้ลิ้นตวัดผลเซียนหลิงบนพรมบินไปราวกับสายฟ้า

“ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ คิดไม่ถึงว่ากบตัวเล็กๆ อย่างพวกเจ้าจะกล้าแย่งของกินกับข้า รำคาญในการมีชีวิตแล้วสินะ!” จู๋ซวีอู๋คว้าจับในอากาศ กำลังคิดจะเปลี่ยนเป้าหมาย ผลเซียนหลิงสองผลสุดท้ายถูกจินเฟยเหยาใช้มือแย่งชิงไปข้างละผล ทั้งยังกัดบนผลเซียนหลิงผลละคำแล้วยิ้มแย้มและมองเขาอย่างกระหยิ่ม

“กัดแล้วข้าก็ไม่กลัว เอามาให้ข้า!” จู๋ซวีอู๋พุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยาและแย่งชิงผลเซียนหลิงราวกับสุนัขป่าดุร้ายกระโจนเข้าใส่อาหาร ต่อสู้และโต้เถียงกันตลอดทางที่บินไปสำนักตงอวี้หวง

……………………………………….

[1] หยวนอิง คือ จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ฝึกบำเพ็ญจนสามารถถือกำเนิดใหม่ซึ่งหลอมขึ้นจากจินตันที่ไร้รูปไร้ลักษณ์

[2] เทพอายุยืน หมายถึง คนที่เป็นเจ้าของงานเลี้ยงฉลองวันเกิด

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset