* 声东击西 หมายถึง กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึง การโจมตีศัตรู จะต้องเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูต่างคาดไม่ถึงเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ศัตรูวางแนวการตั้งรับได้ถูก โดยหลอกล่อศัตรูให้เกิดการหลงทิศกับการบุกโจมตีและนำกำลังทหารไปเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง เกิดการหละหลวมต่อกำลังทหารและเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย
ณ เรือนที่ฉินเทียนพักอาศัยอยู่ ในเวลานี้ความแข็งแกร่งของหลานเผิงฟื้นฟูกลับมามากแล้วและอาการบาดเจ็บค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ท่านลุงฉิน เราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ ?”
ตอนนี้เวลาผ่านไปมากกว่าครึ่งวันแล้ว ทว่าในช่วงเวลานี้ คนบนเกาะก็แสดงความเคารพต่อเขาและฉินเทียนและไม่ได้ควบคุมจำกัดพวกเขาไว้มากนัก แม้แต่ทหารคุ้มกันทั่วบริเวณก็ดูผ่อนคลายกับพวกเขาอย่างยิ่ง
“เฝ้ารอไปก่อนเถอะ ข้าเชื่อว่าเสี่ยวโม่เอ๋อร์และทุกคนจะมาที่นี่ในไม่ช้า”
ฉินเทียนไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนกล่าวขึ้นเบา ๆ
แม้ไม่มีคนคุ้มกันรอบเรือนที่พัก เขาก็ทราบดีว่าไม่มีทางหลบหนีไปจากเกาะลึกลับแห่งนี้ได้
เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากมายนัก ต่อให้ฟื้นฟูพลังมายากลับคืนมา พลังของฉินเทียนและหลานเผิงทั้งสองคนก็ยังไม่เพียงพอที่จะหลบหนีไปจากจอมยุทธ์ปีศาจที่ทรงพลังเหล่านั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกาย รวมถึงคนของชนเผ่าทะเลก็ถูกจับตัวไว้ที่ลานจัตุรัส ฉินเทียนไม่สามารถเพิกเฉยหรือทอดทิ้งคนเหล่านั้นได้ เพราะเหตุนั้น พวกเขาจะต้องคิดหากลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใด
“ตอนนี้คนพวกนั้นยังคงรอคำตอบจากข้า เพราะฉะนั้นคนที่ถูกจับมากับเราจะไม่เป็นอันตรายตลอดเวลาสามวันนี้ ข้าเชื่อว่าในสามวันนี้ก็คงจะเป็นเวลาเพียงพอให้เราทำอะไรสักอย่างได้”
เขาสัมผัสได้ว่าสือโหลวผู้นั้นต้องการเอาชนะใจเขาอย่างแท้จริง แม้ยังไม่ทราบว่าแผนการที่แท้จริงคือสิ่งใด อีกทั้งบุรุษผู้นั้นก็คงจะยังไม่ลงมือทำอะไรในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุด ฉินเทียนและทุกคนก็ยังจะปลอดภัยในช่วงสามวันข้างหน้า
“อันดับแรก เจ้าควรรักษาตัวให้หายดีเสียก่อนและอย่าเพิ่งเปิดเผยความสามารถในการปลดผนึกของเจ้า ปล่อยให้พวกเขาคิดกันไปว่าก่อนหน้านี้มีข้อผิดพลาดบางอย่างและปิดผนึกพลังของเจ้าไม่สำเร็จ เมื่อเราสืบความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดได้ เราก็จะหาวิธีรับมือได้อย่างเหมาะสม”
ฉินเทียนตบไหล่หลานเผิงเบา ๆ เพื่อมิให้เขาคิดมากจนเกินไปในตอนนี้
ไม่ไกลจากหน้าประตูเรือน ฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวมาถึงที่นี่แล้ว
ณ หน้าประตูที่พัก ฉินอวี้โม่ก็หยุดอยู่ข้างหน้านี้พร้อมกับสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง
ทั่วบริเวณนี้เต็มไปด้วยข่ายอาคมหลายชั้น หากขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวบุกเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม มันอาจจะเกิดสัญญาณบางอย่างที่ทำให้อีกฝ่ายไหวตัวขึ้นมาได้
ข่ายอาคมเหล่านี้ไม่ได้มีพลังป้องกันที่แกร่งกล้าแต่อย่างใด ทว่าเมื่อผู้ใดแตะต้อง มันจะส่งสัญญาณกลับไปสู่ผู้ที่วางมันทันที จุดประสงค์ของการวางมันไว้น่าจะเป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปในพื้นที่บริเวณนั้นได้
คิดไม่ถึงเลยว่าเกาะแห่งนี้จะมีผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลังอยู่ด้วย
“มีวิธีเข้าไปรึไม่ ?”
หานโม่ฉือจับมือฉินอวี้โม่และสัมผัสได้ถึงข่ายอาคมป้องกันเหล่านั้นเช่นกัน การบุกฝ่าเข้าไปโดยตรงจะทำให้เจ้าของมันไหวตัวขึ้นมาอย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาและฉินอวี้โม่ยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัดของเกาะนี้ หากเปิดเผยตัวตนออกไป ทุกคนจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
ทางที่ดีที่สุดคือหาทางเข้าไปในเรือนของฉินเทียนโดยมิให้ผู้ใดรู้ตัว ทว่ามันอาจเป็นปัญหายุ่งยากสักหน่อย
“มารยา เจ้าออกไปในบริเวณอื่น ๆ และสร้างความปั่นป่วนต่อข่ายอาคมเหล่านั้นก่อนค่อยกลับมาที่นี่ ส่วนข้าก็จะหาจังหวะเปิดช่องว่างในข่ายอาคมตรงหน้านี้ นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการที่คนเหล่านั้นจะค้นพบความผิดปกติของที่นี่”
ฉินอวี้โม่คิดค้นแผนการขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่มีความผิดปกติในข่ายอาคมรอบบริเวณนี้ คนของจอมยุทธ์ปีศาจก็จะจดจ่อความสนใจกับที่เหล่านั้นอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น นางจะสามารถเจาะช่องว่างในข่ายอาคมตรงหน้านี้โดยเร็วที่สุดเพื่อผ่านเข้าไป
“รับทราบ นายหญิง”
มารยาพยักศีรษะและมุ่งหน้าออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็วก่อนหายวับไปกลางอากาศ
ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ข่ายอาคมอื่น ๆ ทั้งหมดนอกเหนือจากข่ายอาคมตรงหน้าพวกนางก็ถูกโจมตีโดยพลังบางอย่างและดึงดูดความสนใจของทุกคนบนเกาะทันที
“มีคนบุกเข้าไปในข่ายอาคม ! หรือว่าฉินอวี้โม่และพวกจะมาถึงที่นี่แล้ว ?”
ภายในห้องโถงกว้าง สือโหลวลุกพรวดและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“การที่เกิดความเคลื่อนไหวกับข่ายอาคมจำนวนมากเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นฝีมือของคนเหล่านั้นที่หนีรอดไปได้”
เขารีบมุ่งหน้าออกไปข้างนอกทันที ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฉินอวี้โม่จะกล้าหาญจนถึงขั้นบุกเข้ามาที่เกาะแห่งนี้ด้วยตัวเอง
และนั่นทำให้เขาสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา ฉินอวี้โม่หลบหนีการไล่ล่าของคนที่ถูกส่งออกไปได้อย่างไรกัน และนางเข้ามาบนเกาะนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวได้อย่างไรกัน ? ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดนางจึงพบตำแหน่งของเกาะแห่งนี้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ?
เมื่อมารยาเริ่มลงมือ ฉินอวี้โม่ก็เริ่มทำตามแผนการเช่นกัน ข่ายอาคมทำลายล้างขนาดเล็กถูกส่งออกไปเพื่อเปิดช่องว่างในข่ายอาคมตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“มารยา กลับมา”
ฉินอวี้โม่ส่งกระแสจิตออกไปหามารยาก่อนที่ร่างของมันจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และกลับเข้าสู่คฤหาสน์เฟิงหัวในที่สุด
จากนั้นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวเข้าไปในข่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นที่นี่
ทันทีที่เข้ามาภายใน ทหารคุ้มกันของสือโหลวก็กรูกันเข้ามาทางนี้เป็นจำนวนมาก
“อย่าให้พวกนั้นหนีไปได้ !”
สีหน้าของสือโหลวในตอนนี้บิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังบางอย่าง ทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของใครและไม่ทราบแน่ชัดด้วยซ้ำว่าใช่ฉินอวี้โม่และสหายจริงหรือไม่
“พวกเจ้าค้นหาให้ทั่ว ข้าจะเข้าไปดูในฝั่งของฉินเทียน !”
เขาออกคำสั่งกับทหารเหล่านั้นและเดินตรงไปยังเรือนที่พักชั่วคราวของฉินเทียนและหลานเผิง
ณ เรือนที่พักของฉินเทียนและหลานเผิง พวกเขายังไม่ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านจอมยุทธ์ฉินเทียน การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สะดวกสบายดีหรือไม่ ?”
สือโหลวยืนอยู่ข้างหน้าประตูพักหนึ่ง ทว่าไม่พบกลิ่นอายที่แปลกประหลาดใด ๆ ความสงสัยภายในใจของเขาจึงลดน้อยลง
จากนั้นเขาก็ผลักประตูเปิดเข้าไปและกล่าวพร้อมรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ข้ายังต้องขอเวลาคิดอีกสักหน่อย หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
ฉินเทียนคาดเดาว่าน่าจะเกิดเรื่องบางอย่างในโลกภายนอก สือโหลวจึงมาที่นี่เพื่อกดดันให้ตนตัดสินใจ เขาจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น
“ไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อนเลย ข้าเพียงมาที่นี่เพื่อดูว่าทั้งสองพักอยู่ที่นี่สบายดีรึไม่ หากต้องการสิ่งใดก็สั่งให้คนมาแจ้งข้าได้เลย พวกเราจอมยุทธ์ปีศาจต้องการให้ท่านจอมยุทธ์ฉินเทียนเข้าร่วมด้วยจริง ๆ และมิใช่เพียงกล่าวลอย ๆ เท่านั้น”
สือโหลวโบกมือปัดอีกครั้งและแสดงสีหน้าที่จริงจัง
“เข้าใจแล้ว”
ฉินเทียนพยักศีรษะและไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดอีก
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแล้ว”
หลังจากยืนยันได้ว่าฉินอวี้โม่ยังไม่มาที่นี่ สือโหลวก็กล่าวอำลาและกลับออกไป
เมื่อมาถึงข่ายอาคมที่ได้รับความเสียหายเมื่อครู่ เขาก็สำรวจความเสียหายอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่พบสิ่งใดผิดปกติและตระหนักว่าตนอาจคิดมากจนเกินไป เขาก็ไม่รอช้าและจากไปอย่างรวดเร็ว
ต่อให้ฉินอวี้โม่จะมาที่เกาะนี้แล้วจริง เขาก็มั่นใจว่านางไม่มีทางตามหาฉินเทียนได้พบในเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน และการเคลื่อนไหวเมื่อครู่น่าจะเกิดจากสิ่งอื่น
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว แม้เห็นสือโหลวเดินจากไป ฉินอวี้โม่ก็ยังนิ่งเงียบไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดิม
เวลานี้คฤหาสน์เฟิงหัวหยุดนิ่งอยู่บนหลังคาของเรือนที่พักของฉินเทียนและถูกห่อหุ้มไปด้วยข่ายอาคมชนิดหนึ่งซึ่งช่วยอำพรางมิให้สือโหลวตรวจจับได้
หลังจากยืนยันได้ว่าบิดาและหลานเผิงอยู่ในเรือนหลังนี้จริงและยังคงปลอดภัยดี ฉินอวี้โม่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขณะเฝ้ารออยู่บนหลังคาอีกหนึ่งก้านธูป สือโหลวก็กลับมาอีกครั้ง
“แม่นางอวี้โม่ช่างชาญฉลาดจริง ๆ ที่รับรู้ได้ว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง”
ฟู่อวิ๋นซิวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เมื่อสือโหลวกลับไปก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ต้องการลงไปทันทีทว่าฉินอวี้โม่ห้ามปรามไว้เสียก่อน นางรู้สึกได้ว่าสือโหลวจะกลับมาอีกครั้งและบอกให้ทุกคนเฝ้ารออยู่ที่นี่ต่อไป
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ สือโหลวย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ และเมื่อยืนยันได้แล้วว่าฉินอวี้โม่และสหายยังไม่มาที่นี่ เขาก็กลับไปด้วยความผ่อนคลาย
“ลงไปข้างล่างกันเถอะ”
เมื่อสือโหลวจากไปแล้ว ฉินอวี้โม่ก็รอเวลาอีกครู่หนึ่งก่อนขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวลงไปหาฉินเทียนและหลานเผิง
“ท่านพ่อ หลานเผิง เข้ามาข้างในก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ส่งกระแสจิตตรงไปยังฉินเทียนและหลานเผิงในขณะที่เปิดทางเข้าของคฤหาสน์ล่องหน
ฉินเทียนและหลานเผิงชะงักไปครู่หนึ่งทันที จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นทางเข้าของคฤหาสน์เฟิงหัวปรากฏกลางอากาศ
“ท่านลุงฉินเข้าไปเถอะขอรับ ข้าจะคอยเฝ้าระวังอยู่ที่นี่เอง”
หลานเผิงผายมือเชิญให้ฉินเทียนเข้าไป ส่วนตัวเขาจะอยู่ในห้องนี้เผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินอันใด