คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 295 สภาวะสูงสุด

ภายในพริบตา ค่ำคืนก็ผ่านไปอย่างเงียบๆ

หลังจากเฉินซีส่งผลงานสิ่งหลอมของตนเอง ช่างหลอมระดับต่ำคนอื่นๆก็เริ่มทยอยส่งสิ่งหลอมของตนเองเช่นกัน

เช้าตรู่วันถัดมา ช่างหลอมมากกว่าครึ่งก็ได้ลงมาจากแท่นสูงของตนเองแล้วและส่งผลงานเป็นที่เรียบร้อย เหลือแค่รอคอยผลลัพธ์ของตนเองเท่านั้น

บรรดาช่างหลอมที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ล้วนมีปัญญาเป็นเลิศและพวกเขาเข้าใจดีว่าการหลอมเป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กับความเหนื่อยล้า

เพราะเหตุนั้นเกือบทุกคนจึงหลอมสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ตั้งแต่ต้นและต้องการเสี่ยงโชคว่าผลงานของตนเองจะติดอันดับที่ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าบรรดาช่างหลอมที่ส่งผลงานกันก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่ใช่ช่างหลอมที่อยู่ในระดับสูงนัก

นอกเหนือจากผู้เข้าแข่งขันรายหนึ่งที่หลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรออกมาได้ คนอื่นๆก็หลอมได้เพียงระดับสมบัติเป็นอย่างมากเท่านั้น

ระดับของอาวุธและอุปกรณ์ในดินแดนอ้างว้างก็เรียบง่ายและไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด

ซึ่งเรียงตามลำดับดังนี้ ระดับวิญญาณ ระดับสมบัติ ระดับวิจิตร ระดับศักดิ์สิทธิ์

ท่ามกลางระดับเหล่านี้ อุปกรณ์ระดับวิญญาณและสมบัติจะถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น: ขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง ในขณะที่อุปกรณ์ระดับวิจิตรแบ่งออกเป็น: ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นพิภพและขั้นสุริยะ สำหรับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์และเหนือกว่านั้นยังไม่เคยมีใครหลอมได้สำเร็จมาก่อน มันจึงยังไม่มีการแบ่งขั้นระดับที่ชัดเจน

อุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูงเป็นสิ่งที่สามารถหลอมได้โดยช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญขึ้นไปเท่านั้น เพราะการหลอมอุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูงถือว่าต้องใช้ความสามารถพอสมควร

และช่างหลอมที่สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรได้โดยบังเอิญน่าจะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากงานชุมนุมครั้งนี้ไปมากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยและพวกเขาเข้าใจดีว่าถึงแม้สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขึ้นมาได้ นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะคว้าอันดับสูงๆในงานครั้งนี้

แน่นอนว่าผู้ที่จะคว้าชัยชนะในท้ายที่สุดก็อยู่ท่ามกลางบรรดาช่างหลอมที่ยังคงหลอมอุปกรณ์กันอย่างใจเย็น

หนึ่งวันผ่านไป ฉินอวี้โม่หลอมรวมวัสดุส่วนประกอบทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วและบัดนี้นางเพียงต้องขึ้นแบบให้เป็นรูปเป็นร่างและควบแน่นให้แข็งแรง เมื่อถึงตอนนั้นจะถือว่าสิ่งหลอมของนางเสร็จสมบูรณ์

ทว่าส่วนที่ยากที่สุดในการหลอมคฤหาสน์คือขั้นตอนการหล่อแบบขึ้นมานี่เอง

นางยังไม่กล้าวางใจและค่อยๆเริ่มทำการควบแน่นสิ่งต่างๆในเตาหลอม

บัดนี้ภาพของพระราชวังต้องห้ามที่เคยเห็นในชีวิตก่อนปรากฏขึ้นในหัวของนาง

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้ต้องการหลอมพระราชวังต้องห้ามขนาดเล็กขึ้นมา เพราะถึงอย่างไร พระราชวังต้องห้ามที่แท้จริงก็ซับซ้อนและกว้างใหญ่อย่างมากซึ่งยากที่จะหลอมได้สำเร็จ

สิ่งที่นางต้องการหลอมคือคฤหาสน์ที่มีลักษณะรูปร่างตามแบบตำหนักหนึ่งในพระราชวังต้องห้าม

ภายในเวลาอันรวดเร็วราวกับพริบตา อีกครึ่งวันก็ได้ผ่านไปแล้ว ตลอดช่วงครึ่งวันนี้ฉินอวี้โม่ทำการก่อกำแพงของคฤหาสน์แล้ว จากนั้นโครงสร้างของตัวคฤหาสน์และลานกว้างก็ถูกสร้างขึ้นมาทีหลัง

บัดนี้นางเหมือนกลายเป็นคนงานก่อสร้างและเป็นนักออกแบบที่จดจ่อสมาธิทั้งหมดราวกับว่าการออกแบบคือขั้นตอนที่สำคัญอย่างมากและจะต้องลงมือทำอย่างละเอียดประณีตที่สุด

คฤหาสน์วิจิตรงดงามค่อยๆก่อเป็นรูปเป็นร่างในมือของนาง

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่เหมือนเข้าสู่ภวังค์ นางดูเหมือนไม่มีสติรู้ตัวอีกต่อไปและการเคลื่อนไหวมือทุกท่วงท่าเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกเท่านั้น ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกมองเห็น

จู่ๆเยว่ชิงซึ่งจับตามองฉินอวี้โม่มาตลอดก็ขมวดคิ้วมุ่นและอดลุกขึ้นยืนไม่ได้

เย่าเหยียนที่อยู่ข้างเขาก็สังเกตเห็นท่าทางของฉินอวี้โม่เช่นกัน อากัปกิริยาของเขาไม่ต่างจากเยว่ชิงขณะลุกขึ้นยืนอย่างตะลึงงัน

หลี่เอินและซางเสวียนไม่เข้าใจศาสตร์การหลอม เมื่อเห็นผู้นำสมาคมทั้งสองยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็ฉงนสงสัยไม่น้อย

“สหายเยว่ เด็กหนุ่มคนนี้ สภาวะของเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับสภาวะในตำนานนั่น!”

เย่าเหยียนอดโพล่งออกมาไม่ได้ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เยว่ชิงพยักศีรษะและกล่าว ”มันเป็นสภาวะสูงสุดของการหลอมอุปกรณ์และโอสถ มันคือสภาวะที่ฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว ทว่าเด็กหนุ่มนั่นเป็นเพียงช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญ แล้วเขาเข้าสู่สภาวะนี้ได้อย่างไร?”

น้ำเสียงของเยว่ชิงเต็มไปด้วยความสนเท่ห์และมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่งุนงงมากกว่าเดิม

สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวคือสภาวะสูงสุดของการหลอมอุปกรณ์และโอสถ

ยอดฝีมือจะสามารถกระตุ้นสภาวะนี้ขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อจิตใจผสมผสานเข้ากับเพลิง สิ่งที่จะหลอมและวัสดุทั้งหมดอย่างสมบูรณ์

สิ่งที่หลอมขึ้นมาในสภาวะนี้จะมีระดับสูงกว่าปกติและพวกมันจะมีคุณภาพดีกว่าปกติหลายเท่าตัวอีกด้วย

ขอบเขตนี้ถือเป็นขอบเขตที่ช่างหลอมอุปกรณ์และผู้หลอมโอสถมากมายต่างก็ใฝ่ฝัน ทว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถไขว่คว้าได้จากการแสวงหาเท่านั้นและจำเป็นที่จะต้องมีพรสวรรค์ในระดับสูง

แม้แต่เยว่ชิงและเย่าเหยียนก็เคยเข้าสู่สภาวะนี้เพียงครั้งเดียวโดยบังเอิญเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เยว่ชิงเป็นถึงช่างหลอมระดับปรมาจารย์และเย่าเหยียนก็เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับปรมาจารย์เช่นกัน ทั้งสองมีชีวิตยาวนานกว่าหลายร้อยปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเคยเข้าสู่สภาวะดังกล่าว

แต่ทว่า.. ‘บุรุษลึกลับอวี๋โม่’ เป็นเพียงช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญและน่าจะมีอายุไม่มากนัก เรียกได้ว่าโอกาสที่ ‘เขา’ จะเข้าสู่สภาวะนี้ได้มีเพียงน้อยนิด

ฉินอวี้โม่เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สาเหตุที่นางเข้าสู่สภาวะนี้ได้เป็นเพราะความเข้ากันระหว่างนางและซิวที่อยู่ในระดับสูงมาก เมื่อครู่นางเพียงนึกถึงชีวิตในอดีตของตนเองและเข้าสู่สภาวะนี้ได้โดยบังเอิญ

และการเข้าสู่สภาวะนี้เพิ่มโอกาสความสำเร็จในการหลอมอุปกรณ์ของนางได้เป็นอย่างมากและคฤหาสน์ของนางจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากเช่นกัน

“สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว!”

ในที่สุดหลี่เอินและซางเสวียนก็เข้าใจความหมายของเย่าเหยียนและเยว่ชิง

ทั้งสองลุกขึ้นยืนและกล่าว “สหายเยว่ ครานี้สมาคมช่างหลอมได้พบสมบัติที่ล้ำค่าจริงๆ!”

หากว่า ‘บุรุษ’ ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์เช่นนี้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมช่างหลอม อนาคตของ ‘เขา’ จะเกรียงไกรอย่างไร้ผู้ต้านทานโดยแท้

ถ้าหากฉินอวี้โม่กลายเป็นตัวตนในตำนานขึ้นมา สมาคมช่างหลอมจะเจิดจรัสไปพร้อมกันและเลื่องชื่อไปทั่วทั้งดินแดน

เมื่อได้ยินวาจาของทั้งสองคน เยว่ชิงก็อดยิ้มอย่างพึงพอใจไม่ได้และเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเชื้อเชิญให้ฉินอวี้โม่เข้าร่วมสมาคมช่างหลอมให้จงได้

“ข้าเกรงว่าเด็กหนุ่มนั่นอาจไม่ยอมเข้าร่วมสมาคมช่างหลอมนี่สิ”

เย่าเหยียนถอดทอนหายใจ ยอดฝีมือที่มากพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องตกเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงระหว่างขุมกำลังทั้งเล็กและใหญ่ภายในดินแดน มีขุมกำลังมากมายที่ต้องการให้ช่างหลอมมากฝีมือเข้าร่วมกับขุมกำลังของตนเอง หากว่าบุรุษผู้นี้ไม่ต้องการเข้าร่วมสมาคมช่างหลอม แม้แต่เยว่ชิงที่เป็นถึงประธานสมาคมก็หมดสิ้นหนทาง

“ข้าสงสัยยิ่งนัก ยอดฝีมือเช่นนี้ผุดขึ้นมาจากส่วนไหนของดินแดนกัน?”

เฟิงอู๋เฉินก็อดพูดออกไปไม่ได้ เขาเองก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่อย่างมาก

ช่างหลอมหลายคนที่จดจ่อกับสิ่งหลอมของตนเองในตอนแรกก็สังเกตเห็นสถานการณ์ของฉินอวี้โม่เช่นกัน

แม้แต่กู่หยวนและเฟิงเสวี่ยเฉินที่ทรงพลังอย่างมากก็สมาธิว่อกแว่กและมองไปที่ฉินอวี้โม่ก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันและอดส่ายศีรษะเบาๆไม่ได้

สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่เคยบรรลุสภาวะนั้น ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่มีฝีมือการหลอมอยู่ในระดับต่ำกว่าพวกเขาจะเข้าสู่สภาวะนั้นได้

‘บุรุษหนุ่มลึกลับ’ คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง !

หวังซั่วขมวดคิ้วเป็นปมและสีหน้าเหยเกบิดเบี้ยว

ในเวลานี้ เขาต้องการที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและทำลายฉินอวี้โม่ให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อเข้าสู่สภาวะที่สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่งเดียว มันจะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าช่างหลอมผู้นั้นจะสามารถพัฒนากลายเป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ได้อย่างแน่นอนและอาจพัฒนาถึงระดับที่เหนือยิ่งกว่านั้น

ทว่าหากช่างหลอมผู้นั้นถูกรบกวนในระหว่างที่อยู่ในสภาวะนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อรากฐานของช่างหลอมอย่างร้ายแรงและอาจจะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้อีกในอนาคต

ฉินอวี้โม่และตัวเขามีความขัดแย้งกันพอสมควร หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายแสดงฝีมือได้ดี

ทว่าหลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาก็ไม่กล้าลงมือทำอะไร

หวังซั่วหาใช่คนโง่เขลา หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด เขาก็ทราบดีว่าไม่สามารถทำอย่างที่ต้องการได้

อย่าพูดถึงการที่มีผู้คนจับตามองอยู่มากมาย เพียงแค่อสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็คงจะทรงพลังและรับมือได้ยากอย่างที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือเยาว์วัยที่มากพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องดึงดูดความสนใจของเยว่ชิงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้ใครทำร้ายฉินอวี้โม่เป็นแน่

อีกอย่าง หวังซั่วก็จำได้รางๆว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ใช้ข่ายอาคมอีกด้วย

หากว่านางวางข่ายอาคมบางอย่างขึ้นที่นี่ เขาไม่เพียงแต่จะทำลายอีกฝ่ายไม่ได้เท่านั้น ทว่ามันจะเป็นการเปิดโปงให้ทุกคนเห็นการกระทำของเขาและทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกด้วย

เพราะเหตุนั้นเขาจึงทำได้เพียงจ้องฉินอวี้โม่อย่างเคียดแค้นทว่าไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร

ฉินอวี้โม่ในตอนนี้ไม่รับรู้สถานการณ์ในโลกภายนอก บัดนี้นางยังคงจดจ่อกับการหลอมขณะเพิกเฉยต่อสายตาและความคิดของทุกคนโดยสมบูรณ์

“สวรรค์! มันคือสภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าหยามเกียรติหวังซั่งโดยไม่สนใจพลังของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!”

ใครบอกคนกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างชัดเจน

“ใช่จริงๆด้วย ผู้ที่เป็นช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญสามารถเข้าสู่สภาวะที่สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใดเมื่อบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ อีกทั้งเขาก็ยังมีเพลิงจักรพรรดิอีกด้วย เกรงว่าวันหนึ่งเขาอาจทัดเทียมได้กับประธานสมาคมเยว่ชิง!”

อีกคนกล่าวด้วยความประหลาดใจไม่ต่างกัน

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าคุณหนูสี่ตระกูลฉินในคราบบุรุษลึกลับจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ‘เขา’ เป็นดาวเด่นที่เจิดจรัสขึ้นอย่างฉับพลันในงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ แน่นอนเลยว่าหลังจากการแข่งขันครั้งนี้ ขุมกำลังมากมายจะต้องทุ่มเทไขว่คว้าแย่งตัวยอดฝีมือผู้ลึกลับนี้ให้จงได้

ทว่าคนเหล่านี้ไม่รู้คงตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ หากพวกเขาได้รู้ว่าบุรุษลึกลับที่เห็นตรงหน้านี้แท้จริงแล้วเป็นฉินอวี้โม่ ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วทั้งดินแดนเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาทั้งหมดคงต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกเป็นแน่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผลลัพธ์ของงานชุมนุมครั้งนี้ก็แน่นอนแล้วใช่รึไม่?”

ใครคนหนึ่งมองไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และอดถามออกไปไม่ได้

ในเมื่อคนผู้นี้ทรงพลังมากเช่นนี้ ‘เขา’ ก็คงจะครองอันดับหนึ่งของงานไปโดยปริยายแล้วไม่ใช่รึ?

“ไม่เสมอไป”

ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญคนหนึ่งส่ายศีรษะและกล่าว “ต่อให้เขาเข้าสู่สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวได้ ทักษะการหลอมของเขาก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญเพียงเท่านั้น ต่อให้สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับสูงได้ เขาก็อาจไม่ใช่ผู้คว้าชัยชนะในงานครั้งนี้ ผู้อาวุโสกู่หยวน เฟิงเสวี่ยเฉินและหวังซั่วล้วนเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงและความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประธานเยว่ชิงเลย”

เมื่อได้ยินความคิดเห็นของช่างหลอมคนนี้ คนอื่นๆก็พยักศีรษะทว่ายังคงมองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้และตั้งตารอดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญผู้นั้นก็มองไปที่ฉินอวี้โม่และตั้งตารอเช่นกัน

ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องน่าสนใจเช่นนี้ในงามชุมนุมช่างหลอมปีนี้ การได้เข้าร่วมงานปีนี้ถึงแม้ไม่ได้รางวัลอะไรก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างที่สุด

สายตาของช่างหลอมคนอื่นๆและผู้ชมต่างก็จับจ้องไปที่ฉินอวี้โม่อย่างไม่วางตา ส่วนกู่หยวนและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเวลาอีกครึ่งวันผ่านไป ในที่สุดเหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาก็ทำการหลอมเสร็จสิ้น จากนั้นพวกเขาก็ส่งผลงานสิ่งหลอมของตนเองก่อนกลับไปรวมกับฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆ

เหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาหลอมอุปกรณ์ระดับสมบัติออกมาทั้งคู่และเหตุผลที่ใช้เวลานานเช่นนี้เป็นเพราะทั้งสองหลอมแหวนมิติขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ

แหวนมิติเป็นสิ่งที่หลอมได้ยากอย่างมากและต้องใช้ระยะเวลานาน

ทั้งสองกลับไปรวมตัวกับฉีอวิ๋นเหล่ยและมองไปที่ฉินอวี้โม่เช่นกัน

ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องที่ฉินอวี้โม่ ทันใดนั้นลำแสงที่สว่างสดใสก็แผ่ออกมาจากแท่นสูงของช่างหลอมระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง

.

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 295 สภาวะสูงสุด

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 295 สภาวะสูงสุด

ภายในพริบตา ค่ำคืนก็ผ่านไปอย่างเงียบๆ

หลังจากเฉินซีส่งผลงานสิ่งหลอมของตนเอง ช่างหลอมระดับต่ำคนอื่นๆก็เริ่มทยอยส่งสิ่งหลอมของตนเองเช่นกัน

เช้าตรู่วันถัดมา ช่างหลอมมากกว่าครึ่งก็ได้ลงมาจากแท่นสูงของตนเองแล้วและส่งผลงานเป็นที่เรียบร้อย เหลือแค่รอคอยผลลัพธ์ของตนเองเท่านั้น

บรรดาช่างหลอมที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ล้วนมีปัญญาเป็นเลิศและพวกเขาเข้าใจดีว่าการหลอมเป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กับความเหนื่อยล้า

เพราะเหตุนั้นเกือบทุกคนจึงหลอมสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ตั้งแต่ต้นและต้องการเสี่ยงโชคว่าผลงานของตนเองจะติดอันดับที่ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าบรรดาช่างหลอมที่ส่งผลงานกันก่อนหน้านี้ต่างก็ไม่ใช่ช่างหลอมที่อยู่ในระดับสูงนัก

นอกเหนือจากผู้เข้าแข่งขันรายหนึ่งที่หลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรออกมาได้ คนอื่นๆก็หลอมได้เพียงระดับสมบัติเป็นอย่างมากเท่านั้น

ระดับของอาวุธและอุปกรณ์ในดินแดนอ้างว้างก็เรียบง่ายและไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด

ซึ่งเรียงตามลำดับดังนี้ ระดับวิญญาณ ระดับสมบัติ ระดับวิจิตร ระดับศักดิ์สิทธิ์

ท่ามกลางระดับเหล่านี้ อุปกรณ์ระดับวิญญาณและสมบัติจะถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น: ขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง ในขณะที่อุปกรณ์ระดับวิจิตรแบ่งออกเป็น: ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นพิภพและขั้นสุริยะ สำหรับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์และเหนือกว่านั้นยังไม่เคยมีใครหลอมได้สำเร็จมาก่อน มันจึงยังไม่มีการแบ่งขั้นระดับที่ชัดเจน

อุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูงเป็นสิ่งที่สามารถหลอมได้โดยช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญขึ้นไปเท่านั้น เพราะการหลอมอุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูงถือว่าต้องใช้ความสามารถพอสมควร

และช่างหลอมที่สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรได้โดยบังเอิญน่าจะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากงานชุมนุมครั้งนี้ไปมากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยและพวกเขาเข้าใจดีว่าถึงแม้สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขึ้นมาได้ นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะคว้าอันดับสูงๆในงานครั้งนี้

แน่นอนว่าผู้ที่จะคว้าชัยชนะในท้ายที่สุดก็อยู่ท่ามกลางบรรดาช่างหลอมที่ยังคงหลอมอุปกรณ์กันอย่างใจเย็น

หนึ่งวันผ่านไป ฉินอวี้โม่หลอมรวมวัสดุส่วนประกอบทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วและบัดนี้นางเพียงต้องขึ้นแบบให้เป็นรูปเป็นร่างและควบแน่นให้แข็งแรง เมื่อถึงตอนนั้นจะถือว่าสิ่งหลอมของนางเสร็จสมบูรณ์

ทว่าส่วนที่ยากที่สุดในการหลอมคฤหาสน์คือขั้นตอนการหล่อแบบขึ้นมานี่เอง

นางยังไม่กล้าวางใจและค่อยๆเริ่มทำการควบแน่นสิ่งต่างๆในเตาหลอม

บัดนี้ภาพของพระราชวังต้องห้ามที่เคยเห็นในชีวิตก่อนปรากฏขึ้นในหัวของนาง

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้ต้องการหลอมพระราชวังต้องห้ามขนาดเล็กขึ้นมา เพราะถึงอย่างไร พระราชวังต้องห้ามที่แท้จริงก็ซับซ้อนและกว้างใหญ่อย่างมากซึ่งยากที่จะหลอมได้สำเร็จ

สิ่งที่นางต้องการหลอมคือคฤหาสน์ที่มีลักษณะรูปร่างตามแบบตำหนักหนึ่งในพระราชวังต้องห้าม

ภายในเวลาอันรวดเร็วราวกับพริบตา อีกครึ่งวันก็ได้ผ่านไปแล้ว ตลอดช่วงครึ่งวันนี้ฉินอวี้โม่ทำการก่อกำแพงของคฤหาสน์แล้ว จากนั้นโครงสร้างของตัวคฤหาสน์และลานกว้างก็ถูกสร้างขึ้นมาทีหลัง

บัดนี้นางเหมือนกลายเป็นคนงานก่อสร้างและเป็นนักออกแบบที่จดจ่อสมาธิทั้งหมดราวกับว่าการออกแบบคือขั้นตอนที่สำคัญอย่างมากและจะต้องลงมือทำอย่างละเอียดประณีตที่สุด

คฤหาสน์วิจิตรงดงามค่อยๆก่อเป็นรูปเป็นร่างในมือของนาง

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่เหมือนเข้าสู่ภวังค์ นางดูเหมือนไม่มีสติรู้ตัวอีกต่อไปและการเคลื่อนไหวมือทุกท่วงท่าเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกเท่านั้น ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คนภายนอกมองเห็น

จู่ๆเยว่ชิงซึ่งจับตามองฉินอวี้โม่มาตลอดก็ขมวดคิ้วมุ่นและอดลุกขึ้นยืนไม่ได้

เย่าเหยียนที่อยู่ข้างเขาก็สังเกตเห็นท่าทางของฉินอวี้โม่เช่นกัน อากัปกิริยาของเขาไม่ต่างจากเยว่ชิงขณะลุกขึ้นยืนอย่างตะลึงงัน

หลี่เอินและซางเสวียนไม่เข้าใจศาสตร์การหลอม เมื่อเห็นผู้นำสมาคมทั้งสองยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็ฉงนสงสัยไม่น้อย

“สหายเยว่ เด็กหนุ่มคนนี้ สภาวะของเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับสภาวะในตำนานนั่น!”

เย่าเหยียนอดโพล่งออกมาไม่ได้ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เยว่ชิงพยักศีรษะและกล่าว ”มันเป็นสภาวะสูงสุดของการหลอมอุปกรณ์และโอสถ มันคือสภาวะที่ฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว ทว่าเด็กหนุ่มนั่นเป็นเพียงช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญ แล้วเขาเข้าสู่สภาวะนี้ได้อย่างไร?”

น้ำเสียงของเยว่ชิงเต็มไปด้วยความสนเท่ห์และมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่งุนงงมากกว่าเดิม

สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวคือสภาวะสูงสุดของการหลอมอุปกรณ์และโอสถ

ยอดฝีมือจะสามารถกระตุ้นสภาวะนี้ขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อจิตใจผสมผสานเข้ากับเพลิง สิ่งที่จะหลอมและวัสดุทั้งหมดอย่างสมบูรณ์

สิ่งที่หลอมขึ้นมาในสภาวะนี้จะมีระดับสูงกว่าปกติและพวกมันจะมีคุณภาพดีกว่าปกติหลายเท่าตัวอีกด้วย

ขอบเขตนี้ถือเป็นขอบเขตที่ช่างหลอมอุปกรณ์และผู้หลอมโอสถมากมายต่างก็ใฝ่ฝัน ทว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถไขว่คว้าได้จากการแสวงหาเท่านั้นและจำเป็นที่จะต้องมีพรสวรรค์ในระดับสูง

แม้แต่เยว่ชิงและเย่าเหยียนก็เคยเข้าสู่สภาวะนี้เพียงครั้งเดียวโดยบังเอิญเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เยว่ชิงเป็นถึงช่างหลอมระดับปรมาจารย์และเย่าเหยียนก็เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับปรมาจารย์เช่นกัน ทั้งสองมีชีวิตยาวนานกว่าหลายร้อยปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเคยเข้าสู่สภาวะดังกล่าว

แต่ทว่า.. ‘บุรุษลึกลับอวี๋โม่’ เป็นเพียงช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญและน่าจะมีอายุไม่มากนัก เรียกได้ว่าโอกาสที่ ‘เขา’ จะเข้าสู่สภาวะนี้ได้มีเพียงน้อยนิด

ฉินอวี้โม่เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน สาเหตุที่นางเข้าสู่สภาวะนี้ได้เป็นเพราะความเข้ากันระหว่างนางและซิวที่อยู่ในระดับสูงมาก เมื่อครู่นางเพียงนึกถึงชีวิตในอดีตของตนเองและเข้าสู่สภาวะนี้ได้โดยบังเอิญ

และการเข้าสู่สภาวะนี้เพิ่มโอกาสความสำเร็จในการหลอมอุปกรณ์ของนางได้เป็นอย่างมากและคฤหาสน์ของนางจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากเช่นกัน

“สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว!”

ในที่สุดหลี่เอินและซางเสวียนก็เข้าใจความหมายของเย่าเหยียนและเยว่ชิง

ทั้งสองลุกขึ้นยืนและกล่าว “สหายเยว่ ครานี้สมาคมช่างหลอมได้พบสมบัติที่ล้ำค่าจริงๆ!”

หากว่า ‘บุรุษ’ ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์เช่นนี้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมช่างหลอม อนาคตของ ‘เขา’ จะเกรียงไกรอย่างไร้ผู้ต้านทานโดยแท้

ถ้าหากฉินอวี้โม่กลายเป็นตัวตนในตำนานขึ้นมา สมาคมช่างหลอมจะเจิดจรัสไปพร้อมกันและเลื่องชื่อไปทั่วทั้งดินแดน

เมื่อได้ยินวาจาของทั้งสองคน เยว่ชิงก็อดยิ้มอย่างพึงพอใจไม่ได้และเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเชื้อเชิญให้ฉินอวี้โม่เข้าร่วมสมาคมช่างหลอมให้จงได้

“ข้าเกรงว่าเด็กหนุ่มนั่นอาจไม่ยอมเข้าร่วมสมาคมช่างหลอมนี่สิ”

เย่าเหยียนถอดทอนหายใจ ยอดฝีมือที่มากพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องตกเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงระหว่างขุมกำลังทั้งเล็กและใหญ่ภายในดินแดน มีขุมกำลังมากมายที่ต้องการให้ช่างหลอมมากฝีมือเข้าร่วมกับขุมกำลังของตนเอง หากว่าบุรุษผู้นี้ไม่ต้องการเข้าร่วมสมาคมช่างหลอม แม้แต่เยว่ชิงที่เป็นถึงประธานสมาคมก็หมดสิ้นหนทาง

“ข้าสงสัยยิ่งนัก ยอดฝีมือเช่นนี้ผุดขึ้นมาจากส่วนไหนของดินแดนกัน?”

เฟิงอู๋เฉินก็อดพูดออกไปไม่ได้ เขาเองก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่อย่างมาก

ช่างหลอมหลายคนที่จดจ่อกับสิ่งหลอมของตนเองในตอนแรกก็สังเกตเห็นสถานการณ์ของฉินอวี้โม่เช่นกัน

แม้แต่กู่หยวนและเฟิงเสวี่ยเฉินที่ทรงพลังอย่างมากก็สมาธิว่อกแว่กและมองไปที่ฉินอวี้โม่ก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันและอดส่ายศีรษะเบาๆไม่ได้

สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังไม่เคยบรรลุสภาวะนั้น ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่มีฝีมือการหลอมอยู่ในระดับต่ำกว่าพวกเขาจะเข้าสู่สภาวะนั้นได้

‘บุรุษหนุ่มลึกลับ’ คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง !

หวังซั่วขมวดคิ้วเป็นปมและสีหน้าเหยเกบิดเบี้ยว

ในเวลานี้ เขาต้องการที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมและทำลายฉินอวี้โม่ให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อเข้าสู่สภาวะที่สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่งเดียว มันจะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าช่างหลอมผู้นั้นจะสามารถพัฒนากลายเป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ได้อย่างแน่นอนและอาจพัฒนาถึงระดับที่เหนือยิ่งกว่านั้น

ทว่าหากช่างหลอมผู้นั้นถูกรบกวนในระหว่างที่อยู่ในสภาวะนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อรากฐานของช่างหลอมอย่างร้ายแรงและอาจจะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้อีกในอนาคต

ฉินอวี้โม่และตัวเขามีความขัดแย้งกันพอสมควร หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายแสดงฝีมือได้ดี

ทว่าหลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาก็ไม่กล้าลงมือทำอะไร

หวังซั่วหาใช่คนโง่เขลา หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด เขาก็ทราบดีว่าไม่สามารถทำอย่างที่ต้องการได้

อย่าพูดถึงการที่มีผู้คนจับตามองอยู่มากมาย เพียงแค่อสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็คงจะทรงพลังและรับมือได้ยากอย่างที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือเยาว์วัยที่มากพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องดึงดูดความสนใจของเยว่ชิงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้ใครทำร้ายฉินอวี้โม่เป็นแน่

อีกอย่าง หวังซั่วก็จำได้รางๆว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ใช้ข่ายอาคมอีกด้วย

หากว่านางวางข่ายอาคมบางอย่างขึ้นที่นี่ เขาไม่เพียงแต่จะทำลายอีกฝ่ายไม่ได้เท่านั้น ทว่ามันจะเป็นการเปิดโปงให้ทุกคนเห็นการกระทำของเขาและทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกด้วย

เพราะเหตุนั้นเขาจึงทำได้เพียงจ้องฉินอวี้โม่อย่างเคียดแค้นทว่าไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร

ฉินอวี้โม่ในตอนนี้ไม่รับรู้สถานการณ์ในโลกภายนอก บัดนี้นางยังคงจดจ่อกับการหลอมขณะเพิกเฉยต่อสายตาและความคิดของทุกคนโดยสมบูรณ์

“สวรรค์! มันคือสภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าหยามเกียรติหวังซั่งโดยไม่สนใจพลังของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!”

ใครบอกคนกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างชัดเจน

“ใช่จริงๆด้วย ผู้ที่เป็นช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญสามารถเข้าสู่สภาวะที่สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใดเมื่อบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ อีกทั้งเขาก็ยังมีเพลิงจักรพรรดิอีกด้วย เกรงว่าวันหนึ่งเขาอาจทัดเทียมได้กับประธานสมาคมเยว่ชิง!”

อีกคนกล่าวด้วยความประหลาดใจไม่ต่างกัน

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าคุณหนูสี่ตระกูลฉินในคราบบุรุษลึกลับจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ‘เขา’ เป็นดาวเด่นที่เจิดจรัสขึ้นอย่างฉับพลันในงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ แน่นอนเลยว่าหลังจากการแข่งขันครั้งนี้ ขุมกำลังมากมายจะต้องทุ่มเทไขว่คว้าแย่งตัวยอดฝีมือผู้ลึกลับนี้ให้จงได้

ทว่าคนเหล่านี้ไม่รู้คงตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ หากพวกเขาได้รู้ว่าบุรุษลึกลับที่เห็นตรงหน้านี้แท้จริงแล้วเป็นฉินอวี้โม่ ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วทั้งดินแดนเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาทั้งหมดคงต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกเป็นแน่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผลลัพธ์ของงานชุมนุมครั้งนี้ก็แน่นอนแล้วใช่รึไม่?”

ใครคนหนึ่งมองไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และอดถามออกไปไม่ได้

ในเมื่อคนผู้นี้ทรงพลังมากเช่นนี้ ‘เขา’ ก็คงจะครองอันดับหนึ่งของงานไปโดยปริยายแล้วไม่ใช่รึ?

“ไม่เสมอไป”

ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญคนหนึ่งส่ายศีรษะและกล่าว “ต่อให้เขาเข้าสู่สภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวได้ ทักษะการหลอมของเขาก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญเพียงเท่านั้น ต่อให้สามารถหลอมอุปกรณ์ระดับสูงได้ เขาก็อาจไม่ใช่ผู้คว้าชัยชนะในงานครั้งนี้ ผู้อาวุโสกู่หยวน เฟิงเสวี่ยเฉินและหวังซั่วล้วนเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงและความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประธานเยว่ชิงเลย”

เมื่อได้ยินความคิดเห็นของช่างหลอมคนนี้ คนอื่นๆก็พยักศีรษะทว่ายังคงมองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้และตั้งตารอดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญผู้นั้นก็มองไปที่ฉินอวี้โม่และตั้งตารอเช่นกัน

ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องน่าสนใจเช่นนี้ในงามชุมนุมช่างหลอมปีนี้ การได้เข้าร่วมงานปีนี้ถึงแม้ไม่ได้รางวัลอะไรก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างที่สุด

สายตาของช่างหลอมคนอื่นๆและผู้ชมต่างก็จับจ้องไปที่ฉินอวี้โม่อย่างไม่วางตา ส่วนกู่หยวนและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเวลาอีกครึ่งวันผ่านไป ในที่สุดเหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาก็ทำการหลอมเสร็จสิ้น จากนั้นพวกเขาก็ส่งผลงานสิ่งหลอมของตนเองก่อนกลับไปรวมกับฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆ

เหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาหลอมอุปกรณ์ระดับสมบัติออกมาทั้งคู่และเหตุผลที่ใช้เวลานานเช่นนี้เป็นเพราะทั้งสองหลอมแหวนมิติขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ

แหวนมิติเป็นสิ่งที่หลอมได้ยากอย่างมากและต้องใช้ระยะเวลานาน

ทั้งสองกลับไปรวมตัวกับฉีอวิ๋นเหล่ยและมองไปที่ฉินอวี้โม่เช่นกัน

ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องที่ฉินอวี้โม่ ทันใดนั้นลำแสงที่สว่างสดใสก็แผ่ออกมาจากแท่นสูงของช่างหลอมระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง

.

Options

not work with dark mode
Reset