พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงยหน้าขึ้น
เธอมองเขาเงียบๆ อยู่สองวินาทีพลางครุ่นคิด “ช่วงนี้คุณดูแปลกไปจริงๆ”
ถึงแม้เมื่อก่อนรูปแบบการพูด และน้ำเสียงของเขาก็เป็นแบบนี้ กับเด็กทารกขวบสองขวบก็แบบนี้
เธอชินนานแล้ว
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ดูเหมือนเขาชักจะเอาใหญ่มากขึ้น
ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนหนึ่งเท่า ตอนนี้ก็คือสิบเท่า
ดวงตาฟู่อวิ๋นเซินลุ่มลึก ดวงตาสีอำพันอ่อนโยนดุจพระจันทร์
เขาเหลือบตาขึ้น น้ำเสียงยั่วยวน “หืม?”
วินาทีถัดมากลับเห็นเด็กสาวตรงหน้ายกมือขึ้นอย่างใจเย็น
เอานิ้วปัดผมตรงหน้าผากของเขาออกแล้ววางมือลงบนหน้าผาก
อุณหภูมิของร่างกายเธอต่ำมาตลอด มือก็เย็นมาก
แต่อุณหภูมิแบบนี้กลับมีพลังที่แผดเผาได้
ชวนให้รู้สึกโหยหาความอบอุ่นแบบนี้
เธอวางอยู่ห้าวินาทีเต็มๆ แล้วเอาออก สีหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ลองวัดแล้ว ไม่ได้เป็นไข้ แต่ตัวร้อนกว่าฉันหน่อย”
ฟู่อวิ๋นเซินอึ้ง
จากนั้นเขาก็หลุบตาลง ยิ้มเล็กน้อย พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่เจือไปด้วยเสน่ห์
“เด็กน้อย ลองแค่ตรงนี้เหรอ”
เขามองเธอในเชิงเชื้อเชิญ “กล้าๆ หน่อย พี่ชายไม่ถือสา”
ฟู่อวิ๋นเซินก็รู้พวกเรื่องในเน็ต แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องอันดับเทพบุตรขวัญใจมหาชนอะไรนั่น
แต่เอียนสนใจ
หมอนี่เพิ่งมาประเทศจีนครั้งแรกก็ทำเหมือนค้นพบแผ่นดินใหม่
แต่ละวันไม่ใช่แค่ดูละครอินเทอร์เน็ต ยังดูรายการวาไรตี้ด้วย
ถึงขนาดที่ยังจะอ่านคอมเมนต์ของชาวเน็ตให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงออกอรรถรสเวลาคุยโทรศัพท์กับเขาทุกวัน
บอกว่าตอนนี้เขามีแฟนคลับเยอะมาก ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แฟนคลับผู้ชายมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้นคอมเมนต์ก็เลยพุ่งกระฉูดมาก
เขาไม่มีแอคเคาท์เวยปั๋ว คนพวกนี้ก็เลยไปคอมเมนต์ในเวยปั๋วของวีนัสกรุ๊ป
เอียนเลือกมาอ่านให้เขาฟัง
สุดท้ายเขาก็เลยบล็อกเอียน
“กล้าๆ หน่อยงั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“แน่ใจนะว่าจะเอาตรงนี้”
สายตาของเธอเลื่อนลงไปที่ไหปลาร้าของเขา หน้าอก และหยุดอยู่ตรงท้องสักพัก
ที่นี่เป็นร้านอาหารหน้าชิงจื้อ ไม่มีห้องส่วนตัวมีเพียงม่านกั้น
ตอนนี้เป็นช่วงเวลากินข้าว ลูกค้าเยอะมาก
ดวงตาดอกท้อไล่มอง พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ
“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
“คุณดูแปลกไปจริงๆ” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อหนึ่งชิ้น
“พี่ชาย กินแพะหน่อยนะ บำรุงเลือด”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่เล่นต่อ เขาค่อยๆ กิน
ทันใดนั้นก็มีเสียง “ติ๊ง”
เนี่ยเฉาส่งข้อความมา
เนี่ยเฉาส่งสติกเกอร์หมุนตัวมาก่อน ตามมาด้วยข้อความ
[เพื่อน ฉันมาแว้ว! พี่ใหญ่ฉันไปแล้วหรือยัง เขาไปแล้วฉันค่อยไปหานาย ฉันกลัวโดนอัด]
[นายอยู่ไหน แต่จะว่าไปนายยังไม่บอกฉันเลยนะว่าสาวที่จะเลี้ยงดูนายเป็นใคร เธอยังรู้จักเศรษฐีนีคนอื่นอีกไหม]
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
[ไปแล้ว นายมาสิ ฉันอยู่หน้าโรงเรียนชิงจื้อ]
เนี่ยอี้กลับไปเมื่อวาน
อย่างไรเสียทางตี้ตูก็ยุ่งมาก กอปรกับมีเรื่องของหน่วยอีจื้อ ยากที่จะหาเวลาว่างมา
[งั้นก็ดีๆ เพิ่น รอก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบวาร์ปไป!]
“ฉันกลับเข้าโรงเรียนก่อนนะ” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น “คุณทำธุระไป ไม่ต้องสนใจฉัน”
ตระกูลฟู่ใหญ่มากถึงแม้จะซื้อฟู่ซื่อกรุ๊ปมาแล้ว แต่ก็ยังไม่จบเรื่อง
“ไม่เป็นไร” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ
“เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าเธอ”
อิ๋งจื่อจินออกไปได้ยี่สิบนาทีเนี่ยเฉาก็มาถึง
ครั้งนี้เขาอยู่ในชุดสูทสีเขียว ผมย้อมสีน้ำเงิน
“ไฮ คุณชายเจ็ด ดูผมทรงใหม่ของฉันสิ” เนี่ยเฉาเสยผม “เจ๋งโพดไปเลยใช่ไหม”
“อืม ดูโง่ดี”
“…”
เนี่ยเฉาจุกอก แต่เขาก็กลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็ว “สาวที่จะเลี้ยงดูนายล่ะ พาฉันไปเจอหน่อย”
หยุดเล็กน้อย พูดปลอบใจ “คุณชายเจ็ด นายอย่าถือสาคำพูดพวกนั้นของฉันเลยนะ ตอนนี้พวกสาวๆ วัยรุ่นชอบเรียกคนอื่นว่าแด๊ดดี้กันไม่ใช่เหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา พูดเสียงทุ้มต่ำ “เอากีบเท้าของนายออกจากไหล่ฉัน”
“โอเคๆ” เนี่ยเฉารีบชักมือออก อดทำปากจู๋ไม่ได้ “นายจะครองตัวเป็นนักพรตไม่ให้สาวเข้าใกล้ก็ไม่เป็นไร ถ้ามีหนุ่มคิดไม่ซื่อกับนายล่ะ”
ฟู่อวิ๋นเซินพิงเก้าอี้ ตอบเรื่อยเปื่อย “งั้นก็ไม่แน่”
“อืมๆ ฉันเห็นพวกชาวเน็ตทั้งชายและหญิงพากันเรียกนายว่าสามีกันหมด” เนี่ยเฉาเกาหัว
“นายไม่คิดว่าตัวเองหลอกพวกสาวๆ เหรอ ค่าตัวห้าแสนล้าน สาวจะเลี้ยงนายไหวเหรอ นายไม่อายบ้างเหรอ”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงักเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ยิ้ม “ไม่”
เขามักยิ้มอยู่เสมอ แต่รอยยิ้มที่มาจากใจนั้นน้อยมาก
“เพื่อน อย่ายิ้มสิ พอนายยิ้มแข้งขาฉันจะอ่อนแรง” เนี่ยเฉาดึงเสื้อผ้าให้กระชับ อดถอยหลังไปไม่ได้
“ในเน็ตพูดถูก คนที่หน้าตาดีอย่างแท้จริงจะฆ่าเรียบทั้งผู้ชายผู้หญิง”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น เตะเนี่ยเฉาหนึ่งที “เอาดีๆ”
“ฉันผิดไปแล้ว นายบอกว่าจะไปจีบสาวไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยจะช่วยออกไอเดีย” เนี่ยเฉารีบยกมือขึ้น
“แต่จะว่าไป นอกจากบอสแล้ว ข้างกายนายยังมีสาวอื่นอีกเหรอ”
พูดๆ อยู่เขาก็กระจ่างขึ้นมาส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด เขาตกใจมาก
“อื้อหือ นายมันสัตว์ป่า แม้แต่เด็กมอปลายก็ไม่เว้น!”
ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนแฟนบ่อย แต่ก็บรรลุนิติภาวะหมดทุกคน
คุณชายคนนี้เห็นเงียบๆ ลงมือทีเอาถึงขั้นตะลึง
“ไม่ได้เร็วขนาดนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ
“ระยะทดลอง ยังไงก็ต้องรอเธอบรรลุนิติภาวะก่อน”
“นายก็ยังเป็นสัตว์ป่าอยู่ดี!” เนี่ยเฉาปวดใจ
“ตอนนั้นฉันเคยถามนายไว้ว่าไง นายบอกว่าคนแบบเดียวกันเลยเห็นใจกัน มองบอสเป็นน้องสาว”
“ฉันเลยต้องพยายามให้มากขึ้น” ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น สีหน้าเรื่อยเปื่อย
“เมื่อก่อนเป็นเด็กน้อย ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
เขาหยิบผ้าปิดปากขึ้นมาใส่ เอาเสื้อนอกคลุมบ่าแล้วเดินออกไป แผ่นหลังกว้างยืดตรง
ลำพังแค่ด้านหลังก็ชวนให้คนหันมามองบ่อยๆ แล้ว
เนี่ยเฉารีบหอบของฝากที่เขาเอามาวิ่งตามไป “คุณชายเจ็ด นายจะไปไหน”
“บ้านตระกูลฟู่” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ
“เก็บหนี้ครั้งสุดท้าย”
…
ฮู่เฉิงเป็นเมืองที่ตกเป็นประเด็นในเน็ตครั้งนี้ มีคนพูดถึงอย่างไม่หยุดหย่อน
เหตุการณ์กลับตาลปัตรแบบนี้ไม่มีใครคาดคิด
โดยเฉพาะในแวดวงไฮโซของฮู่เฉิงที่ต่างมีแผนอยู่ในใจ
ตอนนั้นฟู่หมิงเฉิงประกาศไล่เขาออกจากตระกูลฟู่ทันทีที่เสร็จพิธีฝังศพของผู้เฒ่าฟู่ ตระกูลขนาดกลางและเล็กก็เลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายเขาทันที
ในช่วงไม่กี่วันนั้นต่างเหยียดหยามศักดิ์ศรีของฟู่อวิ๋นเซินทั้งทางตรงและทางอ้อม
พวกคุณชายอย่างเมิ่งหยางเป็นเพียงคุณชายที่ไม่สะดุดตา
รังแกคุณชายไม่เอาไหนแค่คนเดียว แต่สามารถถูกนายใหญ่ตระกูลฟู่เห็นความสำคัญได้ ยังต้องคิดอีกเหรอว่าจะทำหรือไม่ทำ
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป
ต่อให้มีสิบฟู่ซื่อกรุ๊ปก็สู้ไม่ได้ กลับมาพร้อมอิทธิพลที่เหนือกว่าตระกูลขนาดกลางและเล็กพวกนี้นึกเสียใจยังจะไม่ทัน แค้นที่ตอนนั้นพวกเขาไม่รู้จักสืบให้ดีเสียก่อน
ซูเหลียงฮุยนึกเสียใจยิ่งกว่า
เดิมทีเขาจะไปหาซูหร่วน แต่ฟู่อี้หันบอกว่าซูหร่วนไปต่างประเทศตั้งแต่เสร็จพิธีฝังศพของผู้เฒ่าฟู่ ยังไม่กลับมา
เขาจึงจนปัญญา ทำได้เพียงไปหาฟู่อวิ๋นเซินที่สำนักงานใหญ่วีนัสกรุ๊ปประจำประเทศจีน
แต่ก็เข้าไปไม่ได้แม้แต่ประตูหน้า
ซูเหลียงฮุยรู้ดีว่า ตอนนี้ที่เขายังไม่มีเรื่องอะไรเป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซินยังจัดการพวกคนตระกูลฟู่ไม่หมด
จัดการเสร็จเมื่อไรก็จะถึงคิวเขาแล้ว
คนอื่นๆ ในตระกูลซูก็เห็นข่าวในเน็ตแล้ว พากันโทรเข้ามาทับถมเขาที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ
ปล่อยวีนัสกรุ๊ปหลุดลอยไปเพื่อฟู่ซื่อกรุ๊ป
ซูเหลียงฮุยนึกเสียใจจนแค้นตัวเอง ในขณะที่เขากำลังกลุ้มใจสมองแทบระเบิด ในที่สุดซูหร่วนก็กลับมาจากเที่ยวเมืองนอก
ซูเหลียงฮุยไปดักเจอที่สนามบิน
“หร่วนหร่วน ในที่สุดก็กลับมาสักที” ซูเหลียงฮุยปาดเหงื่อ
“เร็วเข้า รีบไปหาฟู่อวิ๋นเซิน ไปขอร้องเขา มีแค่เขาที่ช่วยพวกเราได้”
อยู่ๆ มาได้ยินคำพูดแบบนี้ ซูหร่วนถอดแว่นกันแดดออก
เธอขมวดคิ้ว ริมฝีปากแดงแสยะยิ้ม
“คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ ให้หนูไปขอร้องฟู่อวิ๋นเซินเนี่ยนะ หนูเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เขาคู่ควรเหรอ”
เธอเที่ยวสนุกกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างสนุกสนานที่เมืองนอก ลืมฟู่อวิ๋นเซินคนไม่เอาไหนไปนานแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่อะไรกัน ขอแค่ลูกยอม ลูกก็จะได้เป็นคุณนายท่านประธาน” ซูเหลียงฮุยร้อนใจ “ลูกหย่ากับฟู่อี้หันได้อยู่แล้ว ยังไงซะก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน”
เขาคิดไว้แล้วว่าจะให้ซูหร่วนไปหาฟู่อวิ๋นเซิน จากนั้นค่อยหย่ากับฟู่อี้หัน
แบบนี้ก็ไม่ต้องกลุ้มแล้ว
“คุณพ่อบ้าไปแล้วจริงๆ” ซูหร่วนโมโหจนหัวเราะ
“ผู้เฒ่าฟู่จากไปแล้ว ตอนนี้นายใหญ่ตระกูลฟู่คือฟู่หมิงเฉิง ฟู่อีเฉินไม่เอาไหน วันหน้าฟู่ซื่อกรุ๊ปก็ต้องตกเป็นของฟู่อี้หัน ถ้าหนูหย่ากับเขา หนูจะไปหาผู้ชายที่ดีกว่าเขาได้ที่ไหน”
“โง่เง่า!” ซูเหลียงฮุยอดตวาดใส่ไม่ได้ “ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฟู่อวิ๋นเซินอีกเหรอ”
ทำไมเขาถึงได้มีลูกสาวไร้สมองแบบนี้
“อะไรนะ” ซูหร่วนพูดถากถาง “เขาถูกไล่ออกจากตระกูลฟู่แล้วยังจะมีตัวตนอะไรอีกได้ หรือเขายังจะเป็นประธานแบบที่พ่อว่าได้อีกหรือไง”
ซูหร่วนอยู่เมืองนอกไม่ได้สนใจเรื่องในเน็ตเลยสักนิด
เธอแค่เที่ยวๆ ซื้อๆ แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น
เธอเกลียดฟู่อวิ๋นเซินที่สุด ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา
ผู้ชายแบบนี้ได้แค่เล่นสนุกด้วย ไม่ควรจับมาแต่งงาน
ซูหร่วนรู้สึกว่าตอนนั้นเธอตัดสินใจได้ฉลาดมาก
ซูเหลียงฮุยหายใจแรง โมโหใกล้สติแตกเต็มที
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรีบร้อน เปิดอัลบั้มรูป ชี้รูปที่เขาจงใจแคปไว้ “ดูเอาเอง!”
ซูหร่วนมองไปด้วยความรำคาญ “อะไร”