ตอนที่ 440 วันประกาศผลคะแนนสอบ ตระกูลอิ๋งจะเป็นบ้าแล้ว
นายใหญ่ตระกูลเซี่ยสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง “ท่านนั้นของศาลสถิตยุติธรรมเหรอ”
หัวหน้าฝ่ายพิพากษาไม่ได้ตอบอะไรอีก เขาเดินออก
คุณนายเซี่ยหน้าซีด “นะ…นายใหญ่ ทำไงดีคะ ท่านนั้นของศาลสถิตยุติธรรมคือท่านไหน”
“คุณไม่รู้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” แววตาของนายใหญ่ตระกูลเซี่ยเคร่งเครียด “เขาลึกลับมาก แถมยังมาแบบผลุบๆ โผล่ๆ ไม่ค่อยอยู่ในโลกจอมยุทธ์”
“คนที่เคยเจอเขามีไม่มาก ผมก็ไม่เคยเจอ”
“เขามีอำนาจมากในศาลสถิตยุติธรรม ถ้าจะจับเฟิงเอ๋อร์ขังคุกก็ง่ายนิดเดียว แค่เอ่ยออกมา”
คุณนายเซี่ยลนลาน “งั้น งั้นตอนนี้ทำไงดีคะ เฟิงเอ๋อร์ทำอะไรผิดกันแน่”
“ยังไม่รู้” นายใหญ่ตระกูลเซี่ยส่ายหน้า “น่าจะถูกท่านนั้นมองเห็นอะไรนานแล้ว ถึงได้ถูกจับตอนอยู่ข้างนอก”
“แล้วตอนนั้นเฟิงเอ๋อร์จะจับคนนอกกลับมา ก็มีข้ออ้างพอดี”
ถ้าเอาตามกฎของศาลสถิตยุติธรรมอย่างเคร่งครัด เซี่ยเฟิงก็ทำผิดไปเยอะทีเดียว
ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าเซี่ยเฟิงถูกจับเข้าไปด้วยเรื่องไหนกันแน่
“นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ตระกูลเซี่ยห้ามเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น” นายใหญ่ตระกูลเซี่ยพูดเสียงขรึม “ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฝึกฝนอยู่ข้างนอกหรือสมาชิกในตระกูล ห้ามทำเรื่องที่ผิดต่อกฎของศาลสถิตยุติธรรม”
“นองเลือดให้น้อยที่สุดยกเว้นการต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตาย”
ถ้ารู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร อย่างน้อยพวกเขาก็ยังจะพอทำอะไรได้บ้าง
ตอนนี้ศาลสถิตยุติธรรมไม่บอกพวกเขา ทั้งตระกูลเซี่ยก็อกสั่นขวัญแขวน
แน่นอนว่าตระกูลเซี่ยมีประวัติมาหลายร้อยปี มีผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสหลายคนอยู่ ย่อมไม่มีทางล่มจม
“แต่…” คุณนายเซี่ยขอบตาแดง “แต่อาอวี้จะทำยังไงคะ เขาจะไม่ไหวแล้ว”
นายใหญ่ตระกูลเซี่ยกัดฟัน “เอาของขวัญไปที่ตระกูลหลิน เชิญหลินชิงจยามา เธอไปวงการเล่นแร่แปรธาตุมาอาจมีวิธีใหม่รักษาอาอวี้ได้”
ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยอวี้สำคัญมาก พวกเขาไม่มีทางไปขอร้องตระกูลหลิน
คุณนายเซี่ยเช็ดน้ำตา พยักหน้า จากนั้นก็ออกไปเตรียมของขวัญ
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในโรงแรม
หน้าจอโทรศัพท์มือถือของอิ๋งจื่อจินที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างขึ้นในเวลานี้
เธอเหลือบมอง
[เด็กน้อย จัดการปลาเรียบร้อยแล้ว เอาไปนึ่งน้ำแดง มีรางวัลให้พี่ชายไหม]
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดสองวินาทีแล้วตอบกลับ
[ฉันจะซื้อหมูให้ตัวนึงแล้วกัน]
เมื่อวานเขานอนกอดเธอทั้งคืน ยังจะเอารางวัลอะไรอีก
ฟู่อวิ๋นเซินตอบกลับเร็วมาก
[หา พวกเรามีเบบี๋หมูแล้วนะ เอามาอีกตัวมันจะไม่พอใจ ต้องเอาใจใส่สุขภาพจิตของลูกให้แข็งแรงด้วย]
อิ๋งจื่อจิน “…”
คล้ายได้ยินคนกำลังนินทา ตูตูโผล่หัวน้อยๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเธอ
จมูกชมพูอ่อนนุ่มซุกไซ้ไปมา ดูมีความสุขมาก
ก่อนอิ๋งจื่อจินจะไปแข่งไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศที่ยุโรปเธอได้ฝากตูตูไว้ที่ซิวอวี่
ซิวอวี่ก็พกติดตัวไปตลอด วันนี้เพิ่งเอามาคืนเธอ
เธอเอานิ้วจิ้มท้องของตูตู มืออีกข้างกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วยกแก้วไวน์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนบางคนยังจะชอบแกล้งแม้กระทั่งหมู
“พ่ออิ๋ง เมื่อก่อนเธอไม่ดื่มเหล้านี่” ซิวอวี่สังเกตเห็นท่าทางของอิ๋งจื่อจิน “ทำไมวันนี้ดื่มล่ะ”
เธอตั้งใจเตรียมน้ำผลไม้มาให้อิ๋งจื่อจินโดยเฉพาะ
อิ๋งจื่อจินทำสีหน้าไม่สนใจ “ดื่มหน่อยตอนเขาไม่อยู่”
เธอไม่ได้ชอบดื่มเหล้า ไม่ว่าจะไวน์ขาว ไวน์แดง หรือเบียร์ก็ตาม
แต่บางครั้งพอถูกห้ามมากๆ กลับเหมือนยิ่งเป็นการยุ
“จอมยุทธ์อย่างพวกเธอจมูกไวมาก” ซิวอวี่เท้าคาง “ถ้าเขาได้กลิ่นจะทำไง”
อิ๋งจื่อจินชะงัก “งั้นเขาก็ไม่ต่างจากเบบี๋หมูของเขา”
ซิวอวี่ “?”
“พ่ออิ๋ง!” ทันใดนั้นลูกน้องก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “พ่ออิ๋ง ผมจะบอกข่าวดีให้ เมื่อวานผมได้รับสายจากมหาวิทยาลัยฮู่เฉิง! พวกเขาเชิญผมไปอยู่สาขาชีววิทยาด้วยล่ะ!”
ขณะพูดเขาก็ตบอกตัวเองด้วยความภูมิใจ “พ่ออิ๋ง ผมเก่งใช่ไหมล่ะ”
ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน ลูกน้องไม่กล้าคิดเด็ดขาดว่าจะมีวันที่ตัวเองสอบติดมหาวิทยาลัย
แต่ครั้งนี้เขาสอบได้คะแนนถึงหกร้อยแปดสิบห้าคะแนน
มหาวิทยาลัยฮู่เฉิงก็เป็นมหาวิทยาลัยที่น่าเชื่อถือของประเทศจีน ถึงแม้จะคนละระดับกับมหาวิทยาลัยตี้ตู แต่ศักยภาพโดยรวมก็ดีมาก
อิ๋งจื่อจินยิ้ม “ยินดีด้วย”
นักเรียนห้องสิบเก้าต่างมีปัญหาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เช่น เรื่องครอบครัว สภาพแวดล้อมทางสังคม แต่พวกเขาก็หัวดีเหมือนกัน
เรียนมาปีครึ่ง บวกกับเอกสารทบทวนที่เธอให้ สามารถทำผลงานได้อย่างวันนี้ก็ถือว่าปกติ
“จริงสิๆ พ่ออิ๋ง ยังมีอีกข่าวดี” ลูกน้องนึกอะไรขึ้นได้อีก พูดเสียงเบา “แฟนผมบอกว่า ครั้งนี้ยัยหงส์ปลอมที่อยู่คลาสเด็กอัจฉริยะไม่ติดแม้แต่ห้าร้อยอันดับแรกของเมือง”
“แถมยังประเมินว่าตัวเองน่าจะได้เจ็ดร้อยยี่สิบคะแนน ล้อกันเล่นหรือเปล่า”
“อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ” ซิวอวี่ก็ได้ยิน เธอตะลึงนิดหน่อย “ไม่ติดแม้แต่ห้าร้อยอันดับแรกของเมืองเหรอ”
ผลสอบของอิ๋งเย่ว์เซวียนควรติดสามอันดับแรกของเมืองได้อย่างสบายๆ
“ก็ใช่น่ะสิ” ลูกน้องสะใจ “พ่ออิ๋งเป็นอันดับหนึ่ง แถมยังเป็นที่หนึ่งของประเทศ คราวนี้ตระกูลอิ๋งได้เป็นบ้าแน่ ผมชอบเห็นพวกเขาสติแตกครั้งแล้วครั้งเล่าจังเลย”
อิ๋งจื่อจินพูด “ไม่เกี่ยวกับฉัน”
เจียงหรานจับประเด็นสำคัญได้เรื่องหนึ่ง “…นายไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร”
ลูกน้องเกาหัว ถูมือด้วยความเขินอาย “ก็หลังสอบเสร็จผมก็ไปสารภาพรักกับเธอ จากนั้นเธอเห็นว่าผมก็ดูใช้ได้ พวกเราก็เลยคบกัน”
“วันนี้เป็นวันครบรอบสองสัปดาห์ที่พวกเราคบกัน!”
เจียงหราน “…”
เขาขอปลีกวิเวกอีกครั้ง
…
วันต่อมาเป็นวันที่ยี่สิบสี่มิถุนายน เป็นวันประกาศผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการในเน็ต
ช่วงหลายวันมานี้อิ๋งเจิ้นถิงอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งมาตลอด
ถึงแม้ระหว่างนั้นจะมีฟื้นบ้างหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะไม่ได้สติ
จงมั่นหวาอยู่โรงพยาบาลทุกวัน หลังจากเสียงนาฬิกาปลุกแจ้งเตือน เธอถึงฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบ
เธอถึงนึกเรื่องประหลาดได้ว่า ทำไมช่วงสองวันนี้เธอถึงไม่ได้รับสายจากทางมหาวิทยาลัยตี้ตูเลย
จงมั่นหวาเรียกพยาบาลมาให้ช่วยดูอิ๋งเจิ้นถิง จากนั้นเธอก็กลับบ้านตระกูลอิ๋ง
อิ๋งเย่ว์เซวียนนั่งอยู่ที่โซฟา
“เสี่ยวเซวียน เอาเลขประจำตัวเข้าสอบกับรหัสผ่านมาให้แม่หน่อย” จงมั่นหวาพูด “แม่จะช่วยเช็กคะแนนให้”
อิ๋งเย่ว์เซวียนตัวแข็ง มือเต็มไปด้วยเหงื่อ “แม่คะ?”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น” จงมั่นหวาขมวดคิ้ว “จริงสิ ลูกน่าจะรู้คะแนนก่อนแม่แล้วสิ ได้เท่าไรเหรอ”
จงมั่นหวารู้ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย อันดับต้นๆ ของเมืองจะได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนก่อนที่ผลสอบจะออก
“แม่คะ หนูยังไม่รู้” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “ครั้งนี้โรงเรียนไม่ได้บอกค่ะ”
“งั้นพวกเราก็เช็กเองสิ” จงมั่นหวาพยักหน้า “เลขประจำตัวเข้าสอบกับรหัสผ่านของลูกล่ะ”
“แม่คะ หนูจำไม่ได้ อยู่ อยู่ที่โรงเรียนค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนยืนขึ้น “ตอนบ่ายประตูโรงเรียนถึงจะเปิด ตอนบ่ายหนูไปเอาให้นะคะแม่”
“ต้องรอขนาดนั้นเลยเหรอ” จงมั่นหวาขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เอาเถอะ แม่จะขึ้นไปพักผ่อนหน่อย”
เธอถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วแขวนไว้กับราว จากนั้นก็ขึ้นชั้นบน
อิ๋งเย่ว์เซวียนยังคงอยู่ในห้องรับแขก มือกำเสื้อแน่น ตื่นตระหนก
ตอนเธอสอบวิชาภาษาจีน นึกถึงแต่เรื่องของอิ๋งจื่อจินตลอด
ปรากฏว่าพอสอบเสร็จอยู่ๆ เธอก็พบว่าตัวเองเขียนออกนอกเรื่อง เริ่มใจคอไม่ดี
ตอนบ่ายสอบคณิตศาสตร์ เธอก็เอาแต่นึกถึงเรียงความเมื่อเช้า รวบรวมสมาธิทำโจทย์ไม่ได้
คณิตศาสตร์ให้ความสำคัญกับตรรกะและต้องละเอียด สูตรของหลายข้อเธอลืมเขียนสัญลักษณ์ไปหลายตัว
สอบวิทยาศาสตร์วันที่สองเธอก็ยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่
ตอนนั้นชิงจื้อเรียกนักเรียนกลับไปประชุมเพื่อเช็กคำตอบกัน อิ๋งเย่ว์เซวียนกลับไม่กล้าดู แต่สุดท้ายก็เช็กคำตอบ
พอเช็กเธอก็ใจหายวาบ
อย่าว่าแต่เจ็ดร้อยคะแนนเลย แม้แต่หกร้อยคะแนนเธอก็ยังไม่ถึง
ในชีวิตการเรียนของเธอที่ผ่านมา เธอไม่เคยสอบได้คะแนนต่ำเท่านี้มาก่อน
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นตอนอาจารย์สวีที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคลาสเด็กอัจฉริยะหรือจงมั่นหวาถาม เธอก็บอกไปว่าได้เจ็ดร้อยยี่สิบคะแนน
เธอบอกไม่ได้หรอกว่าครั้งนี้เธอสอบได้แย่มาก
ช่วงหลายวันมานี้เธอปลอบใจตัวเองตลอด แต่วันนี้เป็นวันที่ผลคะแนนออก เธอรู้สึกว่ามันเร็วมาก
อิ๋งเย่ว์เซวียนกำบัตรประจำตัวเข้าสอบแน่น เธอก็กลับห้องตัวเองบ้าง
ค่อยๆ สูดลมหายใจ พยายามควบคุมสติอารมณ์
ยื้อได้เท่าไรก็เท่านั้น
อิ๋งเย่ว์เซวียนก้าวเท้าที่หนักอึ้ง ขึ้นชั้นบนไปพักผ่อน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงตอนเที่ยง
เวลาเที่ยงตรงผลสอบประกาศอย่างเป็นทางการ
อิ๋งเย่ว์เซวียนเตรียมออกจากบ้านเพื่อหลบหน้าจงมั่นหวา
แต่ขณะที่เธอลงบันไดได้เดินผ่านห้องทำงาน
เธอมองไปทันที
พอมองไปเลือดในกายก็แทบจะไหลย้อนกลับ สมองก็เหมือนจะระเบิดในชั่วขณะนั้น
จงมั่นหวาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้กรอกรหัสเข้าสอบกับรหัสผ่านของเธอลงในเว็บดูคะแนนเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งกดเอนเทอร์