คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 467 ช็อก เชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูมา

ตอนที่ 467 ช็อก เชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูมา

พอคำพูดนี้ออกมา คุณนายจี้กับจี้หลีต่างก็อึ้ง

บ้านหลังนี้ที่ทางตระกูลจี้จัดสรรให้ ใช้วัสดุก่อสร้างอย่างดี เก็บเสียงดีเยี่ยมไม่แพ้โรงแรมห้าดาว

อีกทั้งเมื่อปิดประตู พวกเขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเดินจากด้านนอก

แล้วอิ๋งจื่อจินได้ยินเสียงพวกเธอคุยกันได้ยังไง

คุณนายจี้อ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี “เยาเยา คือ…”

คุณนายจี้ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปรบกวนคนอื่นอีก

วันหยุดที่จี้อี้หางลาไว้จะสิ้นสุดลงวันนี้แล้ว เดี๋ยวก็ต้องกลับไปที่ห้องทดลองเพื่อทำการทดลองต่อ

การทดลองที่เขาเข้าร่วมมีระยะเวลาหนึ่งปี

เมื่อครบกำหนดสิ้นปีก็ต้องรายงานผลทดลองขึ้นไป จากนั้นก็สู้กับจี้อี้หยวน

แต่ทางด้านจี้อี้หยวนมีคนพร้อม ได้ยินว่ายังเชิญเหยียนรั่วเสวี่ยมาร่วมงานด้วย

อย่าว่าแต่จี้อี้หางเลย สายอื่นของตระกูลจี้ที่มีอิทธิพลพอสมควรก็ยังยากที่จะเอาชนะได้

แต่ขอแค่การทดลองไม่ล้มเหลวก็ไม่มีทางถูกจี้อี้หยวนจับผิด และเอาไปขยายความได้

ถ้าจี้อี้หางรู้เรื่องที่เหยียนรั่วเสวี่ยจ้องเล่นงานจี้หลี จะต้องส่งผลกระทบต่อการทดลองแน่นอน

ส่วนเวินเฟิงเหมียนที่เพิ่งกลับเข้าตระกูลจี้ แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด

อิ๋งจื่อจินก็เป็นผู้น้อย

คุณนายจี้เลยคิดจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

อิ๋งจื่อจินเดินเข้ามา เงยหน้าเล็กน้อย “เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นใครเหรอคะ”

คุณนายจี้ถอนหายใจ พอเห็นปิดบังไม่ได้แล้วจึงต้องพูดออกไป

“เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นนักวิจัยอัจฉริยะที่ตระกูลจี้รับเข้ามาตอนเธออายุยี่สิบ ตอนนี้อายุยี่สิบเก้า มีแต้มผลงานที่หนึ่งหมื่นสามพันเก้าร้อยสี่สิบแต้มแล้ว”

ในศูนย์วิจัยของตระกูลจี้มีตารางจัดอันดับผลงาน โดยเรียงตามคะแนน

คนที่อยู่อันดับต้นๆ ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่เกษียณตัวไปแล้ว อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำการทดลองมานาน

เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคนอายุต่ำกว่าสี่สิบเพียงคนเดียวที่เบียดขึ้นไปอยู่ห้าสิบอันดับแรกได้

อนาคตของเธอไร้ขีดจำกัด ศูนย์ในกำลังผลักดันเธอ

การทดลองอะไรที่ต้องติดต่อทางยุโรปก็จะให้เหยียนรั่วเสวี่ยไปเป็นตัวแทนตระกูลจี้

ระดับของโปรเจ็กต์ทดลองในตระกูลจี้ก็แบ่งโดยใช้อักษรภาษาอังกฤษเช่นกัน ระดับดีคือต่ำสุด ดับเบิลเอสคือสูงสุด

การทดลองบนเกาะที่เวินเฟิงเหมียนทำในตอนนั้นก็คือการทดลองระดับดับเบิลเอสเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจี้

ยิ่งระดับของโปรเจ็กต์ทดลองสูง แต้มผลงานที่ได้ก็จะยิ่งสูง

เฉกเช่นเดียวกัน ก็จะได้รับการจัดสรรทรัพยากรจากศูนย์ในมากตามไปด้วย

ตอนนี้แต้มผลงานของจี้อี้หางเพิ่งจะทะลุห้าพัน

“แต่ก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับพ่อของหนู” คุณนายจี้พูดจบก็ยิ้ม เจือด้วยความรู้สึกปลง

“ตอนนั้นถ้าเขาไม่หายตัวไป แต้มผลงานคงทะลุหมื่นห้าพันไปแล้ว เก่งมากจริงๆ”

แต่เนื่องจากตระกูลจี้คิดว่าเวินเฟิงเหมียนตายไปแล้ว จึงลบชื่อของเขาออกจากตารางจัดอันดับเป็นที่เรียบร้อย

ศูนย์ในก็ได้ออกนโยบายมาแล้วว่า ขอเพียงแต่เวินเฟิงเหมียนทำการทดลองครั้งนี้ได้สำเร็จก็จะคืนตำแหน่งและผลงานให้เขา

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “แต้มผลงานจะถูกหักไหมคะ”

“หัก” คุณนายจี้มีสีหน้าหนักใจ

“การทดลองล้มเหลวจะถูกหักแต้ม ถ้าสร้างความเสียหายให้ตระกูลจี้จะยิ่งถูกหักมากขึ้น”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “เข้าใจแล้วค่ะ”

“คนอย่างเหยียนรั่วเสวี่ยไม่ยุ่งได้ก็ไม่ต้องไปยุ่ง” คุณนายจี้ส่ายหน้า “ป้ากับลุงรองของหนูนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าโปรเจ็กต์ใหม่ของเหยียนรั่วเสวี่ยจะเลือกเสี่ยวหลี”

เหยียนรั่วเสวี่ยอยากให้ใครเข้าร่วมห้องทดลองจะไม่มีทางบอกล่วงหน้าก่อน ส่งรายชื่อไปที่ศูนย์ในโดยตรง

แต่ก็ไม่มีใครในตระกูลจี้ปฏิเสธการเข้าร่วมโปรเจ็กต์ทดลองของเธอ จี้หลีเป็นคนแรก

“พรุ่งนี้เช้าพี่ไปมหาวิทยาลัยตี้ตูกับฉันหน่อย” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย

“วางใจได้ พี่ไม่มีทางถูกถอนทะเบียนนักศึกษา”

จี้หลีอึ้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “เทพอิ๋ง เหยียนรั่วเสวี่ยมีอำนาจในสาขาชีววิทยามากเลยนะ ฉันก็ผิดเองด้วย รู้แบบนี้ไม่เลือกสาขาชีววิทยาไปหรอก”

“ไม่ต้องไปสาขาอื่น” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ไว้เดี๋ยวไปถามอธิการบดี”

เธอหันไปพูดกับคุณนายจี้ “ป้ารองคะ ครอบครัวป้ารองช่วยหนูกับพ่อไว้ หนูก็จะตอบแทนกลับค่ะ”

คุณนายจี้ตะลึง “เยาเยา?”

“หนูไปพักผ่อนก่อนนะคะ” อิ๋งจื่อจินจับบ่าคุณนายจี้

“อีกเดี๋ยวพวกคุณพ่อกลับมา ป้ารองไม่ต้องกังวลมากเกินไปนะคะ”

คุณนายจี้มึนเล็กน้อย พยักหน้าอย่างอึ้งๆ

จนกระทั่งอิ๋งจื่อจินเข้าไปแล้วเธอถึงได้ค่อยๆ หันไปมองจี้หลี “เสี่ยวหลี น้องสาวลูก…”

“หนูก็ไม่รู้ค่ะ” จี้หลีเกาหัว เธอเองก็งง

“แต่คนในกลุ่มแฟนคลับต่างบอกว่า เรื่องไหนที่เทพอิ๋งสัญญาไว้ก็จะทำได้แน่นอน ทุกคนเชื่อใจเธอได้”

“เด็กคนนี้…” คุณนายจี้ตะลึง พูดพึมพำ “ความสำเร็จในวันหน้าจะน่ากลัวมาก”

คำง่ายๆ อย่างคำว่าสัญญา ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ตามที่รับปาก

ยึดมั่นในคำสัญญา

คุณนายจี้เงียบไปชั่วขณะแล้วถามต่อ “กลุ่มแฟนคลับคืออะไร”

“อ๋อ กลุ่มคนที่มีความสนใจแบบเดียวกันค่ะ” จี้หลีปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้คุณนายจี้ดู

“ในนั้นมีแต่แฟนคลับของเทพอิ๋ง เอ๊ะ ไม่สิ บอกว่าเป็นแฟนคลับก็ไม่ถูกนัก เธอไม่ใช่ดารา เอาเป็นว่าก็แค่คนที่ชอบเธอมารวมตัวกัน”

คุณนายจี้พยักหน้า “แม่ก็จะลองติดตามดู”

เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกวัยรุ่นเล่นอะไรกัน ความบันเทิงเดียวในยามปกติก็คือดูโทรทัศน์กับอ่านหนังสือพิมพ์

หลังจากคุณนายจี้ติดตามกลุ่มแฟนคลับของอิ๋งจื่อจินก็ค้นพบสวรรค์แห่งใหม่ นั่นก็คือ…

ในนี้มีรูปถ่ายของอิ๋งจื่อจินมากมาย

สวยทุกรูป

คุณนายจี้ไล่เซฟทีละรูป ทั้งยังเอาหนึ่งรูปมาเป็นภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ เอารูปจี้อี้หางออก

จี้หลีก็โพสต์ข้อความลงในกลุ่มแฟนคลับอย่างมีความสุข

[ทุกคน ฉันมีความสุขมาก เทพอิ๋งเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน วันนี้เธอช่วยฉันด้วย โคตรเท่ห์เลย ซึ้งจนน้ำตาไหล]

เดิมทีจี้หลีคิดว่าพอเธอโพสต์แบบนี้ออกไป คอมเมนต์ด้านล่างน่าจะร่วมชื่นชมอิ๋งจื่อจินไปกับเธอ

ปรากฏว่าไม่กี่นาทีต่อมา คอมเมนต์เพิ่มเยอะมากก็จริง แต่ไม่เหมือนที่คิดไว้

[หึหึ ขนาดฉันยังบอกว่าเป็นเมียเทพอิ๋งเลย เธอนอนกอดฉันอยู่เนี่ย]

[งั้นฉันก็เป็นตะเร้กของเทพอิ๋งแล้วล่ะ(อีโมชันหัวหมา)]

[ทุกคนหลบไป เดี๋ยวฉันตบให้ตื่นเอง เด็กคนนี้เอาแต่ฝันเช้าจรดเย็น]

จี้หลี “…”

เธอออกจากเวยปั๋วอย่างเซ็งๆ ไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือดีกว่า

วันต่อมา

ตอนเช้า

อิ๋งจื่อจินไปมหาวิทยาลัยตี้ตูพร้อมจี้หลี

จี้หลีเคยมามหาวิทยาลัยตี้ตูหลายครั้งแล้ว แต่หลายครั้งก่อนหน้านี้แค่มาเยี่ยมชม ไม่เคยเข้าไปตึกสำนักงาน

เธอเดินตามอิ๋งจื่อจินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจนไปถึงตึกที่อยู่เป็นเอกเทศ เดินขึ้นไปแล้วหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่ง

เดิมทีจี้หลียังใจเย็นอยู่ จนกระทั่งเธอเห็นป้ายที่อยู่หน้าห้องทำงาน

เธอมือสั่น เท้าก็เริ่มเซ “เทพอิ๋ง อย่าบอกนะว่า เธออยากพาฉันมาที่นี่”

อิ๋งจื่อจินมองป้าย ‘ห้องทำงานอธิการบดี’

“มีปัญหาอะไรเหรอ อธิการบดีช่วยย้ายทะเบียนนักศึกษาให้พี่ได้”

จี้หลีอึ้ง “มะ…มันก็เป็นอย่างนั้น แต่…”

อธิการบดีของมหาวิทยาลัยตี้ตูมีนามว่าเฉินจวิ้นเซียน เป็นนักวิชาการที่ได้รับการยกย่องท่านหนึ่ง ปีนี้อายุหกสิบกว่าแล้ว

เขาจะปรากฏตัวแค่ในงานปฐมนิเทศและพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยอยู่ที่ห้องทำงานอธิการบดี

จี้หลีอยู่ในสายวิชาการก็เคยอ่านข่าวที่เกี่ยวกับเฉินจวิ้นเซียนอยู่ไม่น้อย

เฉินจวิ้นเซียนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ไม่ใช่เพราะผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จของเขามีเยอะ

แต่เป็นเพราะตอนที่เขาสอนหนังสือได้ปั้นคนมีความสามารถออกไปได้ไม่น้อย

เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ปฏิเสธการกระทำที่ไม่ยุติธรรมมาตลอด

มหาวิทยาลัยตี้ตูมีความเข้มงวดกวดขันยกเว้นมีกรณีพิเศษ สามารถเบียดขึ้นไปติดอันดับโลกมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าได้ภายใต้การนำของเขา

ขนาดศูนย์ในของตระกูลจี้ก็ยังเข้าไม่ถึงตัวอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู

เหยียนรั่วเสวี่ยก็มีอำนาจแค่ในสาขาชีววิทยา หากเทียบกับทั้งมหาวิทยาลัยตี้ตู อันที่จริงก็ธรรมดามาก

“เมื่อวานฉันติดต่ออธิการบดีไว้แล้ว วันนี้เขาอยู่ พวกเราเข้าไปกัน” อิ๋งจื่อจินเคาะประตู

มีเสียงดังมาจากในนั้นว่า “เชิญครับ”

จี้หลียังอึ้งอยู่ แต่อิ๋งจื่อจินเปิดประตูเข้าไปแล้ว

เธอสะบัดหัวแล้วเดินตามเข้าไป

มีชายชรานั่งอยู่ในห้องทำงานหนึ่งคน มีกลิ่นอายของนักวิชาการแผ่ซ่าน ดูเป็นกันเองมาก

เมื่อเห็นคนที่เคยเห็นแต่ในรูป จี้หลีก็ช็อกไปชั่วขณะ “…”

ท่ามกลางความงุนงงเธอถึงนึกได้ว่า คนที่สอบได้อันดับหนึ่งอย่างอิ๋งจื่อจินช่างแตกต่างเสียจริง

ได้คะแนนเต็ม แถมยังมีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลกสิบแห่งร่วมแสดงความยินดี ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว

แต่จี้หลีก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่า มหาวิทยาลัยตี้ตูจะให้ความสำคัญกับอิ๋งจื่อจินขนาดนี้ อธิการบดีถึงขั้นมารอพร้อมให้เจอ อย่างไรเสียอธิการบดีก็ไม่สนเรื่องพวกนี้มาตลอด

“นักศึกษาอิ๋ง” เฉินจวิ้นเซียนดันแว่นตา สีหน้าใจดี “เมื่อวานคุณติดต่อผมไว้ มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ”

“มีเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญค่ะท่านอธิการ หนูได้ยินมาว่าเทอมนี้มหาวิทยาลัยตี้ตูเปิดคลาสทดลองคลาสใหม่ ลงทุนด้วยทรัพยากรที่ดีที่สุด” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “สาขาชีววิทยากับสาขาเคมีเปิดร่วมกัน ใช่ไหมคะ”

พอได้ยินแบบนี้เฉินจวิ้นเซียนก็ตะลึง “คุณอยากเข้าคลาสนี้เหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset