คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 466 ภรรยากับลูกสาวของเวินเฟิงเหมียน เธอจะถูกถอดจากทะเบียนนักศึกษาเหรอ

ตอนที่ 466 ภรรยากับลูกสาวของเวินเฟิงเหมียน เธอจะถูกถอดจากทะเบียนนักศึกษาเหรอ

จี้หลีนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ยินเหยียนรั่วเสวี่ยพูดแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ศาสตราจารย์เหยียน?”

ก่อนหน้านี้จี้หลีไม่เคยได้ข้องเกี่ยวกับเหยียนรั่วเสวี่ย

เพราะตระกูลจี้มีกฎมาตลอดว่า ต้องบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถเตรียมเริ่มโปรเจ็กต์ทดลองต่างๆ ได้

สมาชิกตระกูลจี้มีเพียงส่วนน้อยที่จะเลือกออกไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่แบบจี้ซวิน

ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเพราะพ่อแม่มีผลงานมากพอ จึงได้รับการเลื่อนระดับจากศูนย์ในโดยตรง

สุดท้ายคนที่เหลือก็จะเป็นแบบจี้หลี พวกเขาต้องเรียนมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าร่วมการทดลองของตระกูลจี้ไปด้วย

ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้วก็มีแค่เวินเฟิงเหมียนที่เป็นกรณียกเว้น

คลาสทดลองต่างๆ ของมหาวิทยาลัยตี้ตูล้วนมีความร่วมมือกับตระกูลจี้

พอดีกับที่ขอบเขตการวิจัยของเหยียนรั่วเสวี่ยก็เป็นในด้านชีวเคมี ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยตี้ตู

ถึงแม้จี้หลีจะไม่เคยได้คลุกคลีอยู่กับเหยียนรั่วเสวี่ย แต่เธอก็เคยได้ยินจี้อี้หางพูดถึงเหยียนรั่วเสวี่ยหลายครั้ง

เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคนมีอคติ นิสัยก็พิลึก

ปีนี้เธออายุยี่สิบเก้าปี เป็นหนึ่งในศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของมหาวิทยาลัยตี้ตู

ในการจัดอันดับผลงานของตระกูลจี้ก็ไม่มีใครที่เก่งกว่าเธอตอนอายุเท่าเธอ

ด้วยเหตุนี้เหยียนรั่วเสวี่ยถึงได้อวดดีมาก

เธอไม่เห็นจี้อี้หยวนอยู่ในสายตา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางยังคิดจะเลือกจี้หลีมาร่วมโปรเจ็กต์ทดลองภายใต้สถานการณ์ที่จี้อี้หางกับจี้อี้หยวนเป็นศัตรูต่อกัน

“เอาล่ะ เห็นแก่ที่เธอเป็นเด็กที่ฉันค่อนข้างชื่นชมในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน ฉันจะให้เวลาเธอไปคิดดูหนึ่งวัน” เหยียนรั่วเสวี่ยหยิบเอกสารขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มองจี้หลีอีก “ฉันไม่อยากได้ยินคำว่าไม่ จี้หลี เธอต้องรู้นะว่า สถานการณ์ของครอบครัวเธออันตรายแค่ไหน”

“ถ้าเวินเฟิงเหมียนไม่กลับมายังพอไหว แต่เขากลับมาแล้ว พวกเธอก็เท่ากับมีความผิดติดตัว”

ฟังถึงตรงนี้จี้หลีก็สูดลมหายใจเข้าลึก “ศาสตราจารย์เหยียนคะ หนูจะไม่พูดขอโทษแล้ว แต่ต่อไปโปรเจ็กต์ทดลองของศาสตราจารย์ ไม่ใช่แค่โปรเจ็กต์นี้ หนูจะไม่มีทางเข้าร่วมทุกโปรเจ็กต์ค่ะ”

เหยียนรั่วเสวี่ยเงยหน้า สายตาเย็นชาขึ้นมาทันที “เธอว่าไงนะ”

จี้หลีเปิดประตูออกไปแล้ว เหลือเพียงเงาด้านหลัง

สีหน้าของเหยียนรั่วเสวี่ยบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม

“ศาสตราจารย์อย่าโมโหไปเลยครับ” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ รู้จักสังเกตสีหน้า ยื่นถ้วยชาให้ “เธอยังเด็ก ต้องเดินทางผิดบ้างถึงจะรู้ว่าใครกันที่ทำเพื่อเธอ”

เหยียนรั่วเสวี่ยชักสีหน้า “ฉันจำเป็นต้องโกรธเด็กแบบนั้นด้วยเหรอ”

ผู้ช่วยชะงัก “ศาสตราจารย์ครับ พูดถึงเวินเฟิงเหมียน ศาสตราจารย์ว่าหน้าตาเขาคุ้นๆ ไหมครับ”

เนื่องจากต้องยื่นเสนอโปรเจ็กต์เบื้องต้น เวินเฟิงเหมียนจึงไปที่ศูนย์ในมา

ผู้ช่วยเจอเขาพอดี ตอนนั้นรู้สึกคุ้นหน้าเวินเฟิงเหมียนมาก

เขาติดตามเหยียนรั่วเสวี่ยไปมาหลายที่ เคยไปเจอสี่มหาเศรษฐีแห่งยุโรป เคยไปโลกจอมยุทธ์ เคยเจอคนมามากมาย

ด้วยเหตุนี้จึงนึกไม่ออกในทันที แต่ก็คลับคล้ายคลับคลา อีกทั้งยังคุ้นมากด้วย

“เวินเฟิงเหมียนเหรอ” เหยียนรั่วเสวี่ยสีหน้าเย็นชา “ทำไมฉันต้องสนใจเขา เขาจะหน้าตาเหมือนใคร จะเป็นภัยต่อฉันได้หรือไง”

ตอนที่เธอมาถึงตระกูลจี้ เวินเฟิงเหมียนได้ถูกหาว่า ‘ตาย’ ไปแล้วเพราะการทดลองที่ล้มเหลวบนเกาะแห่งนั้น

ชื่อของเขาเป็นคำต้องห้ามยิ่งกว่า การทดลองที่ทำไว้ถูกเพิกเฉย จวบจนทุกวันนี้ยังอยู่ในมือของศูนย์ใน ไม่เคยมอบหมายให้ใคร

เหยียนรั่วเสวี่ยเคยดูการทดลองนั้น ยากมากจริงๆ และยังเป็นสงครามอันยาวนาน

แต่เธอมั่นใจว่าถ้าอยู่ในมือเธอ จะไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดครั้งใหญ่แบบเวินเฟิงเหมียนแน่นอน

“ผมได้ยินคุณจี้อี้หยวนบอกว่า เขามีภรรยากับลูกสาว” ผู้ช่วยพูดต่อ “แต่เขาก็น่าสงสาร ภรรยากับลูกหนีตามคนอื่นไป ไม่เคยกลับมาหาเขา เขาถึงได้รับเลี้ยงลูกของคนอื่นครับ”

“ไม่ต้องสนเรื่องพวกนั้น ฉันจะไปที่ศูนย์ในหน่อย” เหยียนรั่วเสวี่ยไม่สนใจ เธอลุกขึ้น “ถ้าพรุ่งนี้จี้หลีไม่มา บอกฉันด้วย ฉันจะโทรหาทางมหาวิทยาลัยตี้ตู”

ผู้ช่วยพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”

เหยียนรั่วเสวี่ยเดินเหยียบรองเท้าส้นสูงพร้อมหอบเอกสารที่ทำเสร็จเรียบร้อยออกไปแล้ว

ผู้ช่วยอยู่ในห้องทดลอง ช่วยเธอดูเครื่องมือ

เขาคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็รู้สึกว่าจริง

เวินเฟิงเหมียนในตอนนี้ไร้ค่าแล้ว ไม่เพียงพอให้ต้องกลัว

อีกด้านหนึ่ง

ณ มหาวิทยาลัยตี้ตู

“นักศึกษาอิ๋ง นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะไปที่ตระกูลจี้” เห็นได้ชัดว่าจั่วหลีรู้เรื่องตระกูลจี้ “เหลือเชื่อมากที่คุณเวินเป็นคนของตระกูลจี้ มิน่าถึงรู้เรื่องควันพิษเดธ”

ศักยภาพทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์ของตระกูลจี้เรียกได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของโซนเอเชียแปซิฟิก

บางโปรเจ็กต์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ร่วมมือกับตระกูลจี้

“ศาสตราจารย์จั่วคะ ได้ยินพวกเถิงอวิ้นเมิ่งบอกว่า” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “มหาวิทยาลัยตี้ตูมีเก็บควันพิษเดธไว้ ช่วยพาไปดูหน่อยได้ไหมคะ”

“เธออยากดูเหรอ” จั่วหลีเริ่มระแวง “ไม่ได้ จะตายเอาได้ ทุกครั้งที่พวกศาสตราจารย์ของสาขาชีวเคมีไปดู อย่างน้อยต้องพักรักษาตัวไปหลายเดือนกว่าจะไหว”

เกินกว่าจะจินตนาการเลยว่า ผ่านมาแล้วยี่สิบปี ควันพิษชนิดนี้ก็ยังคงทำอันตรายอย่างรุนแรงต่อร่างกายมนุษย์

“หนูมั่นใจพอค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “หนูอยากวิจัยองค์ประกอบของมันที่ห้องทดลองของที่นี่ เผื่อช่วยพวกศาสตราจารย์ได้ค่ะ”

มีคนมาหาเธอเยอะมาก เธอตัดขาดการติดต่อกับมหาวิทยาลัยนอร์ตันชั่วคราว

เรื่องสำคัญที่สุดคือ หลังจากนอร์ตันไปจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ระดับฝีมือของพวกศาสตราจารย์ในคณะเล่นแร่แปรธาตุด้อยกว่านอร์ตันมากทีเดียว

ต้นกำเนิดของวิชาเล่นแร่แปรธาตุมีมานานมาก ครั้งล่าสุดก่อนเธอจะมาโลกมนุษย์ก็มีศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุแล้ว

แต่กลับไร้ร่องรอยในการตามหา

เธอจำเป็นต้องวิจัยด้วยตัวเอง

จั่วหลีลังเล “ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ก็แค่กลัวเธอเป็นอะไรไป เฮ้อ เอาเถอะ ยังไงซะทางสาขาชีววิทยาก็กำลังอยากได้ตัวเธอ”

เขาโทรหาสาขาชีววิทยา

“นักศึกษาอิ๋งเหรอ” ศาสตราจารย์ของสาขาชีววิทยาที่รับสายพอได้ยินชื่ออิ๋งจื่อจินก็ดวงตาเป็นประกาย เท้ากระโดดสูงอย่างคล่องแคล่วทันที “ได้ๆๆ ผมจะรายงานขึ้นไปเดี๋ยวนี้ เอาให้ผลออกมาเร็วที่สุด”

ตอนนั้นอธิการบดีก็พูดแล้วว่า คำขอของอิ๋งจื่อจิน พวกเขาจะพยายามทำให้ได้

เพียงแต่ศาสตราจารย์สาขาชีววิทยาก็นึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินยังสนใจคณะพวกเขาด้วย

ครั้นแล้วจึงเอ่ยต่อ “ขอบคุณนะศาสตราจารย์จั่ว ขอบคุณมากๆ สาขาชีววิทยาของพวกเราขอบคุณนายยกคณะเลย”

จั่วหลี “…”

ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนค้นพบนักศึกษาล้ำค่าคนนี้ ปรากฏว่าเล่นเอารู้จักกันทุกมหาวิทยาลัยทั่วโลกแล้ว

หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน

ยาสระผมเร่งผมดกก็มิอาจเยียวยาหัวใจเขาได้

เวลาเย็นที่บ้านของจี้อี้หาง

หนึ่งวันแล้ว จี้หลียังเซ็งมาก นอนคว่ำอยู่บนโซฟา เศร้าเหลือเกิน

เธอชอบมหาวิทยาลัยตี้ตูมาก ความปรารถนาตั้งแต่เด็กก็คือวิจัยสิ่งต่างๆ ออกมามากมาย สร้างคุณูปการให้มนุษยชาติ

คุณนายจี้ลูบหัวลูกสาว ถอนหายใจหนักหน่วง

“แม่คะ ไม่งั้นหนูไม่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว” จี้หลีเม้มริมฝีปาก “หรือหนูไปสอบมหาวิทยาลัยของเมืองนอกดีคะ”

ตอนนี้เดือนกรกฎาคมแล้ว การเลือกคณะจบลงไปแล้ว

อีกไม่กี่วันก็จะมีประกาศยืนยันล่วงหน้าออกมา

เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นหนึ่งในคนรับผิดชอบคลาสทดลองชีววิทยา เธอพูดไปแบบนั้นคงไม่มีทางไม่เกิดอะไรขึ้น

เหยียนรั่วเสวี่ยสามารถถอนชื่อเธอออกจากทะเบียนนักศึกษาได้จริงๆ

ถ้าอยากไปเข้ามหาวิทยาลัยของต่างประเทศก็คงต้องรอปีหน้าแล้ว

“เหยียนรั่วเสวี่ย!” พอได้ยินแบบนี้คุณนายจี้ก็ยิ่งโมโห “นับวันชักจะยิ่งเอาใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าเธอมาถูกใจลูกได้ยังไง แต่ใครต้องการไม่ทราบ”

แต่ช่วยไม่ได้ ตระกูลจี้มีกฎเหล็กแบบนี้

ยิ่งใครผลงานเยอะก็จะยิ่งมีสถานะสูง ทางตระกูลในโลกจอมยุทธ์ก็จะยิ่งให้ความสำคัญ

เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคนสุดโต่งมาแต่ไหนแต่ไร ใครทำผิดพลาดในโปรเจ็กต์ทดลองของเธอแม้แต่นิดเดียว เธอก็จะลงมือ

สาเหตุที่เหยียนรั่วเสวี่ยยังได้รับความสำคัญจากตระกูลจี้เป็นเพราะเธอฝึกวิทยายุทธ์ได้

เพียงแต่หลายปีมานี้เหยียนรั่วเสวี่ยก็ได้แค่เพิ่งสร้างกำลังภายใน ยังใช้ไม่ค่อยเป็น ยังไม่ถือเป็นแม้กระทั่งจอมยุทธ์ฝึกหัด

แต่นี่ก็เหนือกว่าคนทั่วไปมากแล้ว

คุณนายจี้ก็ยินดีที่จะให้จี้หลีไม่ข้องเกี่ยวกับเหยียนรั่วเสวี่ยมากกว่า

เกิดวันไหนทำเหยียนรั่วเสวี่ยโมโหขึ้นมา จี้หลีไม่ถูกซ้อมเลยเหรอ

“อย่าเพิ่งบอกพ่อรวมถึงอากับน้องสาวของลูก” คุณนายจี้ถอนหายใจ “แม่จะลองไปถามคุณตาดูว่าย้ายลูกไปอยู่คลาสทั่วไปของสาขาชีววิทยาหรือให้ลูกไปอยู่สาขาเคมีได้ไหม”

แต่ความหวังนั้นริบหรี่เหลือเกิน

พ่อของคุณนายจี้ถอยออกมาจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการแล้ว มีอำนาจอยู่ในมือน้อยมาก ทั้งยังไม่มีตำแหน่งอะไรในมหาวิทยาลัยตี้ตู

เหยียนรั่วเสวี่ยกำลังเจริญก้าวหน้า ผู้อำนวยการของศูนย์ในก็ให้ความสำคัญกับเธอ

ศูนย์ในไม่มีทางขัดแย้งกับเหยียนรั่วเสวี่ยเพียงเพื่อจี้หลี

จี้หลีพยักหน้า แต่ยังคงรู้สึกแย่

ลูกบิดประตูขยับในเวลานี้ มีคนเปิดเข้ามา

จี้หลีเช็ดน้ำตาทันที เปลี่ยนสีหน้า “เทพอิ๋ง กับข้าวเสร็จแล้ว แค่รอพวกเธอกลับมา”

คุณนายจี้ก็ลุกขึ้น “เยาเยา นั่งรอเดี๋ยวนะ พ่อหนูกับลุงรองยังอยู่ข้างนอก”

“ขอโทษด้วยค่ะป้ารองที่หนูบังเอิญได้ยิน” มือของอิ๋งจื่อจินยังอยู่ที่ประตู เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ได้ยินเสี่ยวหลีบอกว่าคนที่ชื่อเหยียนรั่วเสวี่ยจะถอนชื่อเสี่ยวหลีออกจากทะเบียนนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูเหรอคะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset