คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 545 อิ๋งจื่อจิน ‘ก็แค่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ไม่ใช่เหรอคะ

ตอนที่ 545 อิ๋งจื่อจิน ‘ก็แค่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ไม่ใช่เหรอคะ’

ชื่อเสียงของหลินชิงจยาโด่งดังมาก

ไม่ว่าจะเซี่ยเนี่ยนกับเย่ว์ฝูอีของโลกจอมยุทธ หรือเมิ่งชิงเสวี่ยกับฝูเฉินของโลกแพทย์แผนโบราณ ต่างก็สู้ชื่อเสียงของเธอไม่ได้

แต่หากว่าด้วยเรื่องฝีมือการรักษา แท้จริงแล้วเธอยังด้อยกว่าเมิ่งชิงเสวี่ยอยู่หน่อย

หากว่าด้วยเรื่องวรยุทธ์ ก็ยังด้อยกว่าเซี่ยเนี่ยนกับเย่ว์ฝูอี

อย่างไรเสียเป็นทั้งจอมยุทธและแพทย์แผนโบราณก็ต้องแบ่งใช้กำลังที่มีอยู่อย่างจำกัด เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสองปี ยังเด็กมาก

ปกติหลินชิงจยาไม่ค่อยอยู่ในบ้านตระกูลหลิน เวลาส่วนใหญ่จะวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอก

หากเธอพบเจอใครเจ็บป่วย ไม่ว่าจะยากดีมีจน เธอก็รักษาให้หมด

ด้วยเหตุนี้คนอื่นๆ ก็ยินดีจะช่วยเหลือเธอ

“รู้จักกับคุณชิงจยางั้นเหรอ” อาจารย์ฟางขมวดคิ้ว ครุ่นคิดพลางเคาะโต๊ะ “ได้ เข้าใจแล้ว”

รู้จักกับหลินชิงจยาก็เท่ากับมีคนหนุนหลัง

อย่างไรเสียความสามารถในการปรุงยาของอิ๋งจื่อจินกับลู่สวี่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก เลือกลู่สวี่ก็ไม่เสียเปรียบ

พอนึกถึงตรงนี้ สุดท้ายอาจารย์ฟางก็วางผลทดสอบของอิ๋งจื่อจินลง หยิบของลู่สวี่ขึ้นมาแล้วให้คนเอาไปส่งที่สำนักเทียนอี

ปีนี้ลู่สวี่อายุยี่สิบสามปี ทั้งยังเป็นผู้ชาย ปรุงยาเรียกเลือดที่ให้ประสิทธิภาพได้เกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ออกมาได้ก็แสดงว่ามีพรสวรรค์ในด้านปรุงยาอยู่ไม่น้อย

หลังจากสำนักเทียนอีได้รายงานจากสมาพันธ์โอสถก็ออกเอกสารทันที

ไม่นานลู่สวี่ก็ได้รับป้ายอนุญาตกับหนังสือรับรองตัวตนของศิษย์นอกสำนัก เขาดีใจมาก ไปขอบคุณหลินชิงจยาที่บ้านตระกูลหลิน

“ขอบคุณมากครับคุณชิงจยา”

“มีอะไรเหรอคะ” หลินชิงจยาเช็ดมือ เกิดความสงสัย

“เป็นเพราะคุณชิงจยา ผมเลยเข้าสำนักเทียนอีได้ครับ” ลู่สวี่พูดอย่างนอบน้อม

“อาจารย์ฟางเห็นแก่ที่ผมรู้จักกับคุณชิงจยา ถึงได้แนะนำผมไปที่สำนักเทียนอีครับ”

ตอนนั้นที่ทดสอบ เขาสังเกตเห็นอิ๋งจื่อจินแล้ว

หน้าตางดงามชวนตะลึงจริง แต่อิ๋งจื่อจินคุมความแรงของไฟ และแรงลมได้ดีจนทำให้ลู่สวี่แอบหวั่นใจ

เดิมทีเขามั่นใจว่าตัวเองจะต้องถูกเลือกไปเข้าสำนักเทียนอีแน่นอน

ต่อมาเขาชักไม่แน่ใจแล้ว ทำได้เพียงวานให้ผู้ดูแลไปบอกอาจารย์ฟาง พร้อมทั้งแสดงหลักฐานว่าเขารู้จักกับหลินชิงจยา

หลินชิงจยาชะงัก เป็นครั้งแรกที่แสดงอารมณ์โกรธทางสีหน้า พูดเสียงเย็นชา

“ใครอนุญาตให้คุณเอาชื่อฉันไปแอบอ้างคะ”

ลู่สวี่นึกไม่ถึงว่าหลินชิงจยาจะโกรธ เขาอึ้งไปชั่วขณะ พูดอ้ำอึ้ง “คุณชิงจยา ผม…”

“ห้ามมีครั้งหน้า” หลินชิงจยาไม่สนใจอีก น้ำเสียงยังคงเย็นชา

“พ่อบ้าน ไล่ออกไป ต่อไปห้ามให้คนคนนี้เข้ามาในบ้านตระกูลหลินอีก”

“บอกคนอื่นด้วยว่าห้ามเอาชื่อฉันไปทำอะไรโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต”

พ่อบ้านรับคำสั่ง ไล่ลู่สวี่ออกไปทันที

เขายิ้มประชดทำตัวห่างเหิน

“คุณลู่ คุณควรดีใจนะครับที่คุณชิงจยาไม่เอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นวันนี้คุณจะออกจากบ้านตระกูลหลินได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”

มีคนจำนวนไม่น้อยรู้จักหลินชิงจยา เพราะเธอเคยช่วยคนไว้มากมาย

ลู่สวี่เคยมาเป็นผู้ช่วยเธอ

แต่ถ้าใครๆ ก็เอาชื่อเธอไปแอบอ้าง เวลาเกิดความเสียหายก็จะเป็นชื่อเสียงของหลินชิงจยา

พ่อบ้านพูดจบก็กลับเข้าไปร่างประกาศ

ลู่สวี่ยืนอยู่ด้านนอก แสงแดดชวนแสบตา

ตอนที่เขาได้สติกลับมา แผ่นหลังก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

แต่ในเวลาเดียวกันลู่สวี่ก็รู้สึกโล่งอก

หลินชิงจยาไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ เขาเดิมพันถูกแล้ว

ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยเขาก็เข้าสำนักเทียนอีได้แล้ว

วิชาฝังเข็มอย่างศาสตร์มืดสิบสามเข็ม เข็มเงินสอดจุดปราณ ก็หาเรียนได้แค่ในสำนักเทียนอีเท่านั้น

เขาบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

ลู่สวี่เช็ดเหงื่อ เก็บหนังสือรับรองตัวตนที่สำนักเทียนอีให้เขาแล้วไปที่สำนักเทียนอี

ผลทดสอบระดับสามออกมาอย่างรวดเร็ว ผลสอบถูกติดไว้ที่ผนัง

แต่คนที่ใส่ใจมีไม่มาก อย่างไรเสียต้องระดับสี่ขึ้นไปถึงจะได้สิทธิพิเศษของสมาพันธ์โอสถ

“สืบมาแล้วครับคุณอิ๋ง” อวิ๋นซานกลับมาจากสมาพันธ์โอสถ

“คุณอิ๋งกับสมาชิกที่ชื่อลู่สวี่เป็นสองคนที่ครั้งนี้ทางสมาพันธ์โอสถเห็นแววครับ”

เขาหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมา “การสอบระดับสี่จัดเดือนหน้า นี่เป็นใบสมัครที่สมาพันธ์โอสถส่งมาครับ”

อิ๋งจื่อจินรับมาเขียนเสร็จอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นซานเก็บให้เรียบร้อย พูดด้วยความลังเล “คุณอิ๋งเป็นอันดับหนึ่ง แต่สมาพันธ์โอสถกลับส่งลู่สวี่ไปที่สำนักเทียนอี ก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงนะครับ”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็ตอบโดยไม่เงยหน้า “อ่อ ดีจัง”

“หา?” อวิ๋นซานเกาหัว “คุณอิ๋งไม่อยากไปสำนักเทียนอีเหรอครับ”

มีแพทย์แผนโบราณตั้งกี่คนที่อยากเข้าสำนักเทียนอี และที่สำคัญที่สุดคือ ภายในสำนักเทียนอีมีตำราลับของแพทย์แผนโบราณมากมายที่ไม่เปิดเผยแก่ภายนอก

ดังนั้นต่อให้เป็นตระกูลเมิ่งก็อยากส่งสมาชิกในตระกูลเข้าไป

สำนักเทียนอีไม่เหมือนสมาพันธ์โอสถ

สำนักเทียนอีเน้นไปที่วิชาฝังเข็ม แต่สมาพันธ์โอสถเน้นที่การปรุงยาเท่านั้น

“ไม่เข้า” อิ๋งจื่อจินคัดเลือกสมุนไพร หาวหวอด “ฉันจะเข้าสำนักเทียนอีทำไม เหนื่อยจะตาย”

แค่มหาวิทยาลัยตี้ตูก็ทำเธอยุ่งมากพอแล้ว มีเวลาไปสำนักเทียนอีที่ไหนกัน

อีกอย่าง สำนักเทียนอีก่อตั้งโดยฝูซี

ลูกศิษย์สามพันคนกลายเป็นศิษย์รุ่นหลานของเธอหมดแล้ว ไม่รู้ว่าสืบทอดมากี่รุ่นแล้ว

แบบนี้มันเหมือนกับความเขินเวลาเห็นชื่อตัวเองอยู่ในตำราเรียน

แน่นอนว่าสำนักเทียนอีก็มีสมุนไพรฟรีให้ลูกศิษย์ ก็แค่เธอไม่อยากเอาเปรียบเงินของลูกศิษย์

อิ๋งจื่อจินจัดแบ่งสมุนไพรเสร็จก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “อันนี้ให้นาย”

อวิ๋นซานรับถุงหอมมา ทั้งดีใจและสงสัยในคราวเดียวกัน

“มันคืออะไรเหรอครับคุณอิ๋ง”

“พวกเศษสมุนไพรที่เหลือจากทำยาช่วยเรื่องนอนหลับให้คุณชายของพวกนาย มันจะช่วยให้กำลังภายในของพวกนายไม่แปรปรวนเวลาฝึก ป้องกันธาตุไฟเข้าแทรก”

อวิ๋นซานรับไปด้วยความดีใจ

จนกระทั่งอิ๋งจื่อจินล้วงมาอีกอันหนึ่ง “ยังมีอีกอัน ให้น้องสามของนาย”

อวิ๋นซาน “…”

หมดอารมณ์

อิ๋งจื่อจินจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพก็ออกจากบ้านตระกูลเยี่ยไปที่มหาวิทยาลัยตี้ตู

ระยะนี้จั่วหลีโทรตามเธอถี่มาก เธอหอบยาสระผมไปให้เขาหนึ่งลังเพื่ออุดปาก

จั่วหลีก็ทำได้เพียงไม่พูดเรื่องการทดลองกับบทความ ครั้นแล้วจึงพูดว่า

“นักศึกษาอิ๋ง ปลายเดือนทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะส่งนักศึกษามาแลกเปลี่ยน มีชื่อน้องชายเธอด้วย เธอจะมารับรองเองไหม”

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันส่งนักศึกษาไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยอื่น บรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตูตื่นเต้นกันมาก

มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก ในที่สุดก็ได้เห็นเสี้ยวหนึ่งของยอดน้ำแข็งแล้ว

อิ๋งจื่อจินไม่ปฏิเสธงานนี้ “ได้ค่ะ”

เมื่อวานเวินทิงหลานโทรหาเธอแล้ว

เรื่องผิดปกติคือ ครั้งนี้น้องชายไม่ได้รายงานว่าทำห้องทดลองระเบิดไปกี่ครั้ง

“เฮ้อ ตอนนั้นถ้าเร็วหน่อยคงแย่งตัวน้องชายเธอมาเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้แล้ว” จั่วหลียังคงเสียดาย

“อาจารย์เห็นในเอกสารเขียนว่าเขาอยู่คณะเครื่องกล ต้องเก่งฟิสิกส์มากแน่นอน”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “เอกสารเหรอคะ”

“ใช่ รายชื่อนักศึกษาแลกเปลี่ยน”

อธิการบดีส่งให้ศาสตราจารย์ของแต่ละคณะ จั่วหลีสั่งพิมพ์ออกมาหนึ่งชุดให้อิ๋งจื่อจินดู

ครั้งนี้มหาวิทยาลัยนอร์ตันส่งนักศึกษามาห้าคน

แต่มีแค่เวินทิงหลานกับนักศึกษาอีกคนที่มีชื่อคณะห้อยท้าย

“นักศึกษาอิ๋ง เธอดูสิ มหาวิทยาลัยนอร์ตันเห็นความสำคัญของน้องชายเธอขนาดไหน” จั่วหลีพูด “ในนี้มีสามคนที่ไม่ระบุคณะ”

อิ๋งจื่อจินนิ่งเงียบ

ก็ดูให้ความสำคัญอยู่หรอก

แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเขียนคณะของนักศึกษาอีกสามคนที่เหลือลงไป เกรงว่าจั่วหลีจะช็อกจนผมร่วง จั่วหลีพูดต่อ “ไว้ถึงเวลาอาจารย์จะคุยกับพวกเขาให้มากๆ อยากลองถามดูว่ามหาวิทยาลัยนอร์ตันดีกว่าตรงไหนกันแน่”

ทำไมพวกเขาไม่เคยแย่งตัวเด็กชนะเลยสักครั้ง!

“หนูว่า…” อิ๋งจื่อจินชะงัก “อย่าไปยุ่งกับพวกเขาให้มากเลยค่ะ”

อัจฉริยะของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นคนบ้าทั้งนั้น มีคนปกติแค่ไม่กี่คนหรอกที่รับพวกเขาได้

เวินทิงหลานยังดี เขาอยู่คณะเครื่องกล วิจัยอาวุธระยะไกล

มหาวิทยาลัยอื่นก็มีคณะเครื่องกล

แต่คณะดาราศาสตร์กับคณะเล่นแร่แปรธาตุ…

มันลึกลับพิสดารเหลือเกิน

โลกจอมยุทธ

บ้านตระกูลเยี่ย

วันนี้บรรยากาศภายในบ้านตระกูลเยี่ยตึงเครียดมาก พวกเด็กๆ ถูกพ่อแม่พากลับไป ห้ามออกมาเล่นข้างนอก

ภายในหอบรรพชนของตระกูลเยี่ย

เยี่ยฉางคงหน้าเครียด ค่อยๆ เอ่ยขึ้น “การต่อสู้ครั้งนี้จะพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องที่แน่นอน”

“คืนนี้พวกนายรีบพาคนอื่นๆ ไปจากบ้านนี้ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว”

“ได้ยังไงกันครับคุณปู่” นายใหญ่เยี่ยปฏิเสธทันที “ตระกูลเยี่ยต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน”

“ปู่ทวดคะ” เยี่ยหลิงร้อนใจ

“งั้นควรทำไงดีคะ​ ตระกูลเยี่ยต้องแยกย้ายยังไม่เท่าไร แต่ปู่ทวดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะคะ”

ปีนี้เยี่ยฉางคงอายุเก้าสิบห้าปี สำหรับคนทั่วไปถือว่าอายุมากแล้ว แต่สำหรับโลกจอมยุทธถือว่าอายุยังน้อย

นายใหญ่เยี่ยรู้ว่า ด้วยความสามารถของตระกูลเยี่ย ได้ครอบครองอาณาเขตของตัวเองอยู่ที่นี่ก็ไม่ง่ายแล้ว

พื้นที่ที่เหมาะแก่การฝึกฝนในโลกจอมยุทธยึดครองได้ยากมาก

ตอนที่ยังไม่ก่อตั้งตระกูลเยี่ย บรรพบุรุษคนหนึ่งของตระกูลเยี่ยมีวรยุทธร้อยปี เป็นปรมาจารย์ของจอมยุทธ

บรรพบุรุษท่านนี้ได้พื้นที่นี้มาจากการต่อสู้ชนะ ตระกูลเยี่ยก็เลยได้ตั้งรกราก

ตอนนี้บรรพบุรุษท่านนี้ตายไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่พื้นที่นี้จะถูกยึดคืน

ตอนนั้นมีการตั้งเงื่อนไขไว้ว่า หากถึงเวลายึดที่คืน ตระกูลเยี่ยยังไม่มีปรมาจารย์จอมยุทธสักคน ทุกคนในตระกูลเยี่ยก็ต้องถอนกำลังภายในของตัวเอง

ตอนนี้เยี่ยฉางคงมีวรยุทธ์เจ็ดสิบปี ยังอีกไกลกว่าจะถึงร้อยปี อีกทั้งเขาก็ใกล้ใช้อายุขัยของตัวเองหมดแล้วด้วย

ตอนนี้อับจนหนทางจริงๆ

“เฮ้อ ช่วยไม่ได้” เยี่ยฉางคงส่ายหน้า “รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า ตระกูลเหลยโหดเหี้ยมอำมหิต อย่ายอมให้พวกเขาจับตัวได้”

“ครับคุณปู่” ในที่สุดนายใหญ่เยี่ยก็จำต้องรับปาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ขมวดคิ้ว

“เยี่ยหลิง เยี่ยเหิงล่ะ”

เขามีลูกชายลูกสาวอย่างละคน

เยี่ยเหิงมีพรสวรรค์จอมยุทธดีกว่าก็จริง แต่ก็ขยันสร้างเรื่องปวดหัวไม่เหมือนเยี่ยหลิง

เยี่ยหลิงอึ้ง “ไปโลกแพทย์แผนโบราณแล้วค่ะ วันนี้คุณชิงจยามาสอน เขาไปดู”

นายใหญ่เยี่ยโมโหมาก “ไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง! เขาเข้าใจพวกหมอแผนโบราณเหรอ ปรุงยาเป็นเหรอ ไปดูอะไร มีประโยชน์อะไร!”

ในสถานการณ์ที่ตระกูลเยี่ยกำลังเผชิญกับความเป็นความตาย เยี่ยเหิงยังจะหนีไปดูหลินชิงจยาสอนหมอแผนโบราณคนอื่นปรุงยาอีกเหรอ

นายใหญ่เยี่ยโมโหมาก

ในโลกจอมยุทธมีจอมยุทธ์นับพันนับหมื่น แต่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของจอมยุทธกลับไปไม่ถึงขั้นปรมาจารย์จอมยุทธ

ต้องได้เป็นปรมาจารย์จอมยุทธเท่านั้นถึงจะสร้างรากฐานที่มั่นคงในโลกจอมยุทธให้ตระกูลได้

ตระกูลเยี่ยเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตา

“เยี่ยหลิง ไปบอกคุณอิ๋งว่าตระกูลเยี่ยต้องแยกย้ายแล้ว” นายใหญ่เยี่ยเงียบไปนานกว่าจะพูดขึ้น

“บอกให้เธอออกไปก่อน ที่นี่ไม่ปลอดภัย”

เยี่ยหลิงพยักหน้าแล้วออกไปหาอิ๋งจื่อจิน

ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็กลับมาพร้อมอิ๋งจื่อจิน

“ขอโทษด้วยครับคุณอิ๋ง” นายใหญ่เยี่ยรู้สึกผิด “ตอนนี้พวกเรายังเอาตัวเองไม่รอด ถ้าวันหน้ามีวาสนาต่อกันคงได้เจอกันอีกนะครับ”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “มีอะไรเหรอคะ”

เยี่ยหลิงอธิบายเรื่องความแค้นสมัยบรรพบุรุษของตระกูลเยี่ยให้ฟังคร่าวๆ พลางเช็ดน้ำตา

“คุณอิ๋ง ช่วงนี้ตระกูลเยี่ยมีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่อง คุณอิ๋งไม่ใช่คนตระกูลเยี่ย ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ รีบไปจากที่นี่จะดีกว่านะคะ”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ

นายใหญ่เยี่ยกับเยี่ยฉางคงหารือเรื่องนี้ต่อ

แต่เรื่องไปจากที่นี่คงไม่เปลี่ยนแปลง

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน

[ผู้บัญชาการ ตระกูลเยี่ยเคยช่วยคุณไว้ใช่ไหม]

อย่างไรเสียตระกูลอย่างตระกูลเยี่ยก็มีเยอะมากในโลกจอมยุทธ

ถึงแม้ตระกูลเยี่ยจะมีสมาชิกน้อย ค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีอะไร

แต่ถ้าไม่ไว้ใจตระกูลเยี่ย ฟู่อวิ๋นเซินไม่มีทางเอาเธอมาฝากไว้ที่นี่

เขาตอบกลับเร็วมาก

[ฟู่อวิ๋นเซิน : อืม มีครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหมดแรง บังเอิญเจอผู้อาวุโสฉางคง เขาพาพี่ชายกลับไปดูแลที่บ้านตระกูลเยี่ยหลายวัน]

[ฟู่อวิ๋นเซิน : พวกเขาไม่รู้ตัวตนของพี่ชาย พี่ชายแอบให้คนช่วยดูแลตระกูลเยี่ยแบบเงียบๆ]

ไม่อย่างนั้นตระกูลเยี่ยคงถูกทำลายไปนานแล้ว

อิ๋งจื่อจินนึกถึงเด็กอ้วนที่แค่กินเนื้อชิ้นเดียวก็มีความสุขมาก เธอเงียบไปชั่วครู่ “…”

ในเมื่อฟู่อวิ๋นเซินโอนเงินให้แล้ว นั่นก็แสดงว่านายใหญ่เยี่ยขี้งกจนชิน

แต่การประหยัดก็เป็นนิสัยที่ดี อย่างน้อยไม่มีทางตามใจเด็กรุ่นหลังจนเสียคน

อิ๋งจื่อจินมองข้อความพลางครุ่นคิดอยู่สักพัก นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ

ทางสายของอารองเยี่ยถูกกำจัดไปหมดแล้ว ตระกูลเยี่ยในตอนนี้มีแค่สายของนายใหญ่เยี่ย

คนอื่นๆ เธอไม่แน่ใจ

แต่สามคนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้เธอไว้ใจได้

“การต่อสู้วันมะรืน จอมยุทธ์ตระกูลเหลยที่จะมาสู้เป็นปรมาจารย์สิบปีแล้ว” เยี่ยฉางคงพูด “ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“ก็แค่ปรมาจารย์ไม่ใช่เหรอคะ” อิ๋งจื่อจินหันไปพูด จากนั้นก็สั่งอวิ๋นซาน

“เอาเข็มมา”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset