ตอนที่ 678 เซี่ยฮ่วนหรานตาย แม่ลูกสายใยเชื่อมกัน
พูดจบเขาก็คำนับหนึ่งครั้ง “อาจารย์โปรดลงโทษ ศิษย์มาช้าไป ทำให้อาจารย์ต้องเจ็บหนักขนาดนี้”
ด้วยการรักษาจากเฟิงซิวและใช้เลือดของฟู่อวิ๋นเซิน อิ๋งจื่อจินก็ยังต้องนอนหมดสติไปถึงเจ็ดวัน จนในที่สุดก็อาการดีขึ้น
แสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บสาหัสขนาดไหนระหว่างที่ต่อสู้กับเซี่ยฮ่วนหราน
หลังจากที่พวกผู้อาวุโสใหญ่ทราบเรื่องกลับมีเพียงความรู้สึกเหลือเชื่อ
อย่างไรเสียพอเซี่ยฮ่วนหรานเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอด คนในโลกจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สูงกว่าเขาก็มีแค่เฟิงซิวแล้ว
แต่อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินผนึกกำลังกันยังต่อสู้กับเซี่ยฮ่วนหรานได้นานถึงสี่ชั่วโมง
“ไม่โทษนาย เป็นปัญหาของฉันเอง” อิ๋งจื่อจินดึงสติกลับมา เงียบไปชั่วขณะ ถอนหายใจเบาๆ “อันที่จริงฉันก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองยังจะได้กลับมาอีก”
เฟิงซิวขมวดคิ้ว “อาจารย์เจออันตรายอะไรมา ทำไมวรยุทธ์ถึงได้หายไปหมด”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่เซี่ยฮ่วนหรานเลย ต่อให้เป็นเขา อิ๋งจื่อจินก็เอาชนะได้แค่ใช้นิ้วมือเดียว
“เรื่องมันยาว” อิ๋งจื่อจินอึ้งเล็กน้อย เธอยิ้มเบาๆ “เดิมทีวรยุทธ์เป็นเรื่องนอกกาย คนที่ฉันปกป้องยังมีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว”
เรื่องอื่นล้วนสละได้
“ระดับจิตใจของอาจารย์ ศิษย์มิอาจเทียบได้” เฟิงซิวสีหน้าขรึมลง “ตอนนั้นอาจารย์ไปอย่างฉุกละหุก ศิษย์เองก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอาจารย์ ตอนนี้…”
เขามุมปากกระตุก
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นพลังฝ่ามือชั้นเมฆ เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าอาจารย์ของเขาเป็นเด็กสาว
หลายร้อยปีก่อน อิ๋งจื่อจินถ่ายทอดวิชาลับให้เขา เธอสวมชุดคลุมตัวยาวสีดำตลอด ยากที่จะแยกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง
“อืม นี่คือเพศและโฉมหน้าที่แท้จริงของฉัน” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “นายยังมีศิษย์น้องอีกคน เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก”
ศิษย์กับอาจารย์พูดคุยกันธรรมดา แต่พอเข้าหูของเซี่ยฮ่วนหรานกลับเหมือนมีฟ้าผ่า
แถมยังผ่าอย่างต่อเนื่อง ทำสมองของเขาว่างเปล่า หูอื้อ
เขาได้ยินอะไรน่ะ
อาจารย์เหรอ
เฟิงซิวเรียกอิ๋งจื่อจินว่าอาจารย์!
“อ๊าก!” เซี่ยฮ่วนหรานดวงตาเบิกโพลง แยกเขี้ยวยิงฟัน อยู่ๆ ก็เหมือนสติแตก ร้องเหมือนจะขาดใจตาย “ฉันไม่เชื่อ! ฉันไม่เชื่อ!”
เห็นๆ อยู่ว่าปีนี้อิ๋งจื่อจินอายุยังไม่ถึงยี่สิบ อายุร่างกายก็แค่ยี่สิบ ทำไมถึงกลายเป็นอาจารย์ของเฟิงซิวไปได้!
ฝึกยุทธ์ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ได้ แต่อายุร่างกายไม่มีทางฝืนได้
เฟิงซิวพูด “หนวกหู”
เขายกฝ่ามือตบหน้าเซี่ยฮ่วนหราน
เซี่ยฮ่วนหรานหมุนเป็นลูกข่างแล้วกระอักเลือดออกมาหลายครั้ง ร้องโอดโอยไม่หยุด
“เฟิงซิว แกมันบ้า!” เซี่ยฮ่วนหรานปากสั่น “ฆ่าฉันสิ เก่งนักก็ฆ่าฉันตอนนี้เลย!”
เป็นครั้งแรกที่เขาเกลียดที่ตัวเองเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอด
กำลังภายในของจอมยุทธ์ชั้นยอดสามารถซ่อมแซมบาดแผลได้โดยอัตโนมัติ
บาดแผลของเซี่ยฮ่วนหรานเปิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ผสานครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน ทำให้เขาสติแตก
“ฆ่าแก มันจะสบายแกเกินไป” สายตาของเฟิงซิวดุดัน “มือของแกเคยเปื้อนเลือดมาอย่างน้อยนับหมื่นชีวิต!”
ก่อนเขาไปฝึกยุทธ์ที่บนเขาหิมะ ถึงแม้ในโลกจอมยุทธ์จะมีสงครามบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ถือว่าสงบสุขภายใต้การปกป้องของศาลสถิตยุติธรรม
นึกไม่ถึงว่าพอเขาไป เซี่ยฮ่วนหรานที่ตอนนั้นเป็นคนนอกสายตาจะก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมายขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินไอเล็กน้อย ยันตัวเองยืนขึ้น “ฉันเอง”
เฟิงซิวหลบไปด้านข้างทันที “ครับ อาจารย์”
“อิ๋งจื่อจิน!” มีเลือดไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างของเซี่ยฮ่วนหราน เขาจ้องอิ๋งจื่อจินเขม็ง “ฉันแค้น ฉันควรจะฆ่าแกตั้งแต่แกมาโลกจอมยุทธ์แล้ว!”
แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาคิดว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแพทย์แผนโบราณ ไม่มีทางเป็นอันตรายต่อเซี่ยเนี่ยน
ก้าวแรกผิด ก้าวต่อๆ มาก็ย่อมผิด
ถ้าเขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นจอมยุทธ์ด้วย ต่อให้มีวรยุทธ์แค่สิบปี เขาก็จะฆ่าอิ๋งจื่อจินโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
หลบซ่อนเก่งจริงนะ!
เซี่ยฮ่วนหรานกัดฟันแสยะยิ้ม “แกเหรอ แกฆ่าฉันได้เหรอ แกไม่มีวรยุทธ์แล้ว ฮ่าๆๆ แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก!”
อิ๋งจื่อจินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จับขวดยาในมือกรอกใส่ปากเซี่ยฮ่วนหราน
“อ๊า! โอ๊ย!” เซี่ยฮ่วนหรานร้องอย่างทุกข์ทรมานอีกครั้ง “แกทำอะไร แกทำอะไรกับฉัน!”
“ป้อนยาพิษให้ วางใจได้ ฉันจะเว้นสมองแกไว้” อิ๋งจื่อจินก้มมอง ยิ้มพลางพูด “ต่อให้ส่วนหัวของแกเหลือเพียงโครงกระดูก แกก็ยังต้องเจ็บปวดทรมานอยู่ดี”
“จนกว่าความเจ็บปวดนี้จะทำให้ประสาทการรับรู้ของแกขาดสะบั้นอย่างสิ้นเชิง”
แบบนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าการทิ่มแทงด้วยมีดนับหมื่นเล่ม
เซี่ยฮ่วนหรานเจ็บจนส่งเสียงไม่ออกแล้ว และก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้น
เวลานี้ยาพิษได้กัดกร่อนสองขาของเขา เหลือเพียงกระดูกเท้า
จิตรู้สำนึกกลับบีบบังคับให้เซี่ยฮ่วนหรานยังคงต้องมีสติ รับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกกัดกร่อนกระดูกนี้
มุ่งสู่ความตายทีละน้อย
แม้แต่เฟิงซิวพอเห็นภาพนี้ก็ยังรู้สึกตัวเย็นเฉียบ “อาจารย์…”
“เขาพูดถูก วรยุทธ์ของฉันฆ่าเขาไม่ได้” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้นพูด “นายทำลายเกราะป้องกันกำลังภายในของเขาไปแล้ว ยาพิษนี้ถึงเข้าไปได้”
เฟิงซิวเข้าใจ “อาจารย์พักผ่อนต่อ ศิษย์จะเอาตัวเขาออกไปแขวนไว้ที่หน้าประตูศาลสถิตยุติธรรม”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า กลับไปที่เตียงอีกครั้ง
เธอพักสายตา ทันใดนั้นมือกลับสั่น
อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ เปลี่ยนทิศทาง เข้าสู่ห้วงนิทรา
…
อีกด้านหนึ่ง
เมืองแห่งโลก
ตระกูลเรนเกล
หลายวันมานี้หมอประจำตัวคุณนายซู่เวิ่นกับพวกพยาบาลก็งานยุ่งกันมาก
แต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือ หลังจากที่วันนั้นซู่เวิ่นน้ำตาไหลทั้งยังพึมพำว่า ‘ลูก’ ต่อมาก็ไม่มีอะไรตอบสนองอีก
โดยเฉพาะวันนี้ หัวใจของคุณนายซู่เวิ่นกลับมาเต้นเป็นปกติ ไม่ต่างจากเมื่อก่อน
แม้หมอจะเอาอุปกรณ์รักษาด้านประสาทที่ล้ำหน้าที่สุดของสำนักวิจัยมาใช้แล้วก็ยังทำให้ซู่เวิ่นมีปฏิกิริยาตอบสนองอีกไม่ได้
ทุกอย่างสงบเงียบราวกับวันนั้นเป็นภาพลวงตา
คุณนายสามแอบโล่งอก “สรุปว่าภายในระยะเวลาอันสั้นคุณนายใหญ่ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นใช่ไหม”
ขณะพูดเธอก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “งั้นทำไมคุณนายใหญ่ถึงหลั่งน้ำตา แถมยังพูดด้วย”
“เดิมทีสมองก็เป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดบนโลกนี้ครับ ต่อให้เทคโนโลยีการรักษาของพวกเราเจริญก้าวหน้าก็ไม่มีทางรับรู้จิตใต้สำนึกและความรู้สึกของคนไข้ได้” หมอครุ่นคิดแล้วตอบ “ความเป็นไปได้เดียวก็คือคุณนายซู่เวิ่นรับรู้ได้ถึงบางอย่าง”
เขาลังเลเล็กน้อย “ว่ากันว่าแม่ลูกหัวใจเชื่อมถึงกัน คุณนายใหญ่อาจรับรู้ได้ว่าคุณหนูใหญ่ตกอยู่ในอันตราย ร่างกายถึงมีการตอบสนองหรือเปล่าครับ”
นอกจากเหตุผลนี้แล้วเขาก็นึกคำอธิบายอย่างอื่นไม่ออกอีก
“ไม่มีคุณหนูใหญ่อะไรทั้งนั้น!” น้ำเสียงของคุณนายสามสูงขึ้นทันที “ฉันเคยบอกแล้วว่าพี่สะใภ้ใหญ่คลอดทารกที่ตายแล้วออกมา! ทารกตาย!”
“ป้ายหลุมศพยังอยู่ในสุสานของตระกูล อยากให้ฉันพาไปดูไหม หา!”
หมอสะดุ้งตกใจ รีบคุกเข่าลง “ขอโทษครับคุณนายสาม ผมพูดผิดไปแล้วครับ”
คุณนายสามสูดลมหายใจเข้าลึก มองซู่เวิ่นที่ยังนอนอยู่ในโลงน้ำแข็งแล้วเดินออกจากห้องรักษาตัว
ด้านนอกมีชายวัยกลางคนรออยู่
เขาสูบบุหรี่ ดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
พอเห็นคุณนายสามออกมาเขาก็ถามขึ้นทันที “เป็นไงบ้าง”
ห้องรักษาของซู่เวินไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าไปเยี่ยม
โดยเฉพาะที่ตัวซู่เวิ่นติดชิปเอาไว้มากมาย แม้ผมร่วงสักเส้น ชิปก็จะส่งข้อมูลไปที่อุปกรณ์ทันที
สำนักผู้วิเศษเป็นคนส่งเครื่องมือเหล่านี้มาให้
พวกเขาแตะต้องซู่เวิ่นไม่ได้ก็เพราะไม่กล้ามีเรื่องกับสำนักผู้วิเศษ
“หมอบอกว่าไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่คงไม่ฟื้นขึ้นมาในช่วงสองสามปีนี้” คุณนายสามข่มอารมณ์หงุดหงิด “คิดดูนะ มีสภาพแบบนี้ไม่สู้ตายๆ ไปซะ”
“คำพูดแบบนี้เราแอบพูดกันสองคนไม่เท่าไร” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “ถ้าให้คนอื่นได้ยินคุณจะถูกลงโทษที่ไม่เคารพ”
“เออๆๆ รู้แล้ว” คุณนายสามส่ายมือ ทันใดนั้นสีหน้าก็ขรึมลง “โมเชี่ยน ฉันถามหน่อย ซู่เวิ่นคลอดทารกที่ตายแล้ววันไหน”
ชายวัยกลางคนก็คือสามีของคุณนายสาม
โมเชี่ยน เรนเกล
หลังจากที่หัวหน้าตระกูลหายตัวไป เรื่องน้อยใหญ่ในตระกูลก็ให้โมเชี่ยนเป็นคนจัดการ
“วันที่ยี่สิบสี่มีนาคม ปีสองพันสาม” โมเชี่ยนมองคุณนายสาม “ผมจำได้แม่น เพราะก่อนวันนี้ข่าวเรื่องพี่ใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเพิ่งจะส่งมาถึงตระกูล พวกคนรับใช้เผลอพูดให้พี่สะใภ้ใหญ่ได้ยิน”
“พี่สะใภ้ใหญ่ก็เลยเจ็บท้องคลอด คลอดก่อนกำหนดตอนเช้ามืดวันถัดมา”
เขาเคยเห็นศพเด็กทารกนั้น
เป็นเด็กผู้หญิง
ตอนคลอดออกมาใบหน้ามีสีเขียวคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ
น่าสงสารพอสมควร
หัวหน้าตระกูลแต่งงานช้า ศพเด็กทารกนี้ก็ไม่ใช่คนแรกของรุ่นนี้
ตระกูลเรนเกลจึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าไร
คุณนายสามยังคงไม่วางใจ “งั้นทำไมน้องห้าของคุณถึงดันทุรังตามหาหลานสาวตัวเอง เธอมีข่าวอะไรที่พวกเราไม่รู้หรือเปล่า เล่นตุกติกหรือเปล่า”
โมเชี่ยนไม่แคร์ “ปล่อยให้ตามหาไปเถอะ เธอหามาแล้วสิบปี หาเจอหรือยังล่ะ”
เขาเขี่ยเถ้าบุหรี่ แสยะยิ้มดูถูก “สำนักผู้วิเศษวินิจฉัยด้วยตัวเองว่าเป็นศพเด็กทารก ใครยังจะกล้าเล่นตุกติกต่อหน้าสำนักผู้วิเศษได้”
คุณนายสามถึงได้โล่งอก
ถูกต้อง ไม่มีใครปิดบังผู้วิเศษได้
“แต่ผมจะบอกคุณอีกข่าว” โมเชี่ยนมองไปรอบตัวด้วยความระแวง พูดเสียงเบา “ต่อให้เด็กที่พี่สะใภ้ใหญ่คลอดออกมาไม่ตาย คุณหนูใหญ่ของตระกูลเราเดิมทีก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก”
คุณนายสามตกใจ “หมายความว่าไง”
“ก็เลือดของเธอมีความพิเศษน่ะสิ” โมเชี่ยนพูด “เป็นเลือดสีทอง ผู้วิเศษจักรพรรดินีจะยอมให้เธอเติบโตเหรอ”
คุณนายสามมีสีหน้าตกใจ “เลือดสีทองเหรอ!”
“เบาเสียงหน่อย!” โมเชี่ยนตกใจ “อย่าพูดออกไปนะ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากผมกับพวกหมอที่ตายไปแล้วตอนนั้น”
“เด็กทารกที่เกิดในเมืองแห่งโลกอีกทั้งยังมีเลือดสีทองหมายถึงอะไรคุณรู้หรือเปล่า”
“ฉันรู้ๆ” คุณนายสามเอามือปิดปาก ยังคงตะลึงไม่หาย “คุณพระช่วย เป็นเลือดสีทอง…”
โชคดีที่ทารกตายไปแล้ว
“แต่ก็ต้องพูดเลยว่า พี่สะใภ้ใหญ่อยู่มาได้ถึงยี่สิบปีมันปาฏิหาริย์จริงๆ” โมเชี่ยนทำเสียงจึ๊ “น่าเสียดายที่เธอฟื้นขึ้นมาไม่ได้แล้ว”
คุณนายสามหรี่ตา หยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อศูนย์พันธุวิศวกรรมของสำนักวิจัย
…
เซี่ยฮ่วนหรานถูกแขวนไว้หน้าประตูศาลสถิตยุติธรรม คนในโลกจอมยุทธ์นับแสนมามุงดูศพของเซี่ยฮ่วนหราน
พอเซี่ยฮ่วนหรานตายแล้ว โลกจอมยุทธ์ก็กลับมาสงบสุข
ตรงทะเลสาบแห่งหนึ่งนอกศาลสถิตยุติธรรม
เฟิงซิวนั่งอยู่ริมทะเลสาบ กำลังตกปลาอยู่
เฉิงหย่วนที่อยู่ข้างกันถามขึ้นด้วยความสงสัย “ช่วงหลายปีมานี้อาจารย์ไปอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ”
“ไปฝึกฝนจิตใจบนภูเขาหิมะ” เฟิงซิวดึงเบ็ดขึ้น ตกได้ปลาไนตัวใหญ่ “อีกหน่อยวรยุทธ์นายก้าวหน้ากว่านี้จะลองไปดูก็ได้”
“ต่อให้เซี่ยฮ่วนหรานบรรลุแล้ว แต่ด้วยระดับจิตใจแบบนั้นของเขา ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก”
เซี่ยฮ่วนหรานให้ความสำคัญต่ออำนาจกับสถานะมากเกินไป จิตใจขุ่นมัว สักวันต้องตายเพราะความโลภของตัวเองในไม่ช้าก็เร็ว
เฟิงซิวมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็เพราะเขาเป็นคนสมถะ ไม่ละโมบ
“ผมเหรอ ผมไม่ดีกว่าครับ” เฉิงหย่วนยิ้มเศร้า “อาจารย์ อายุขัยของผมอย่างมากก็สี่ร้อยปี จอมยุทธ์ชั้นยอดไม่ได้บรรลุง่ายขนาดนั้น”
เฟิงซิวเงียบไป ไม่พูดอะไรอีก เหวี่ยงเบ็ดตกปลาลงน้ำอีกครั้ง
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
เดิมทีวิทยายุทธ์ไม่มีอยู่บนโลก อิ๋งจื่อจินเอามาจากโลกบำเพ็ญเพียร
ขุดขีดความสามารถในร่างกายมนุษย์มาใช้ได้ถึงขั้นนี้ก็เกินจินตนาการของคนธรรมดาแล้ว
เฉิงหย่วนถามต่อ “อาจารย์กลับมาครั้งนี้ยังจะไปอีกไหมครับ”
“ไม่ไปแล้ว” เฟิงซิวส่ายหน้า “ฉันจะอยู่ดูโลกจอมยุทธ์ก่อนฉันตาย”
เฉิงหย่วนพยักหน้า
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาหันไป
“เอ๊ะ ศิษย์น้อง ลุกมาเดินได้แล้วเหรอ” เฉิงหย่วนดีใจมาก “อาจารย์อยู่ตรงนี้ ให้อาจารย์ช่วยตกปลาไปต้มซุปบำรุงร่างกายสิ”
เฉิงหย่วนก็ดีใจมากที่ศิษย์น้องของเขาพ้นขีดอันตราย ไม่อย่างนั้นอาจารย์ต้องตัดหัวเขาแน่
เฟิงซิวคิ้วกระตุก
แม้เขาจะหันหลังอยู่ แต่ก็รู้ว่าอิ๋งจื่อจินมา
เฟิงซิวค่อยๆ เก็บเบ็ด หิ้วชะลอมใส่ปลาเดินเข้าไป “อาจารย์”
เขาหันไปมองเฉิงหย่วน “เรียกบูรพาจารย์สิ”