คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 695 อย่าเสียใจแล้วกัน อิ๋งจื่อจินพาบิน!

ตอนที่ 695 อย่าเสียใจแล้วกัน อิ๋งจื่อจินพาบิน!

พอได้ยินประโยคนี้ นักศึกษาชายก็ไม่ค่อยพอใจ

ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นนักวิจัยระดับเอ

อิ๋งจื่อจินสอบได้อันดับหนึ่งในปีนี้ก็จริง แต่อย่างไรเสียก็เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ช้ากว่า เป็นรุ่นน้อง

ดูไม่เคารพรุ่นพี่อย่างสิ้นเชิง

“ได้ สวีจิ่งซาน งั้นนายไปเลย” นักศึกษาหญิงยังคงโมโห “ไปแล้วก็อย่าเสียใจล่ะ!”

คราวนี้สวีจิ่งซานฟังแล้วก็หัวเราะ “เยี่ยซือชิง คำพูดนี้ควรเป็นฉันที่พูดกับพวกเธอมากกว่านะ”

เขากวาดตามองอิ๋งจื่อจิน “เดิมทีฉันก็ไม่ได้คิดจะไปกลุ่มเอ แต่ใครใช้ให้ตอนนี้ทางนั้นว่างอยู่หนึ่งที่พอดีล่ะ พวกเธอคงไม่ได้คิดจริงว่าลำพังแค่ความสามารถของพวกเธอเองจะทำชิ้นงานออกมาได้สำเร็จหรอกใช่ไหม”

สวีจิ่งซานแสยะยิ้ม เดินตรงไปที่โต๊ะของกลุ่มเอ

สมาชิกของกลุ่มเอย่อมยินดีต้อนรับเขา เห็นได้ชัดว่าบิลบอกพวกเขาไว้ก่อนแล้ว

พวกนักศึกษาชายมองกลุ่มบีด้วยสายตาดูถูกอยู่บ่อยๆ

เดิมทีพวกเขายินดีมากที่รุ่นน้องคนสวยอย่างอิ๋งจื่อจินจะมาอยู่กลุ่มเอ แต่บิลไม่ยอม งั้นก็ช่วยไม่ได้

พวกเขาสนิทกับบิลมากกว่า

“สวีจิ่งซาน!” เยี่ยซือชิงโมโหมาก กำหมัดแน่น “เขาต้องอยากไปอยู่กลุ่มเอนานแล้วแน่นอน เลยจงใจถ่วงเวลาไม่ให้งานกลุ่มเราคืบหน้ามาตลอด”

กลุ่มเอเริ่มซื้อวัสดุมาประกอบยานอวกาศขนาดเล็กกันแล้ว

แบบร่างของกลุ่มพวกเขาเพิ่งวาดได้ครึ่งเดียว ปลายเดือนก็จะต้องส่งผลงานแล้ว

เยี่ยซือชิงสงบสติอารมณ์ รู้สึกผิด “โทษทีนะ นักศึกษาอิ๋ง เดิมทีพวกเราก็พอจะทำโปรเจ็กต์นี้สำเร็จได้ แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ทำไมเหรอ”

“นักศึกษาอิ๋ง เธอไม่รู้หรอกว่า โปรเจ็กต์นี้แบ่งงานกันไว้แล้ว” เยี่ยซือชิงพูดเสียงเบา “สวีจิ่งซานรับหน้าที่ออกแบบส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญ ทั้งกลุ่มก็มีแค่เขาที่ทำเป็น”

ขณะพูดเธอก็ยิ้มเศร้า “พวกเรายังขึ้นไม่ถึงระดับเอ ไม่เคยเรียนทักษะพวกนี้ พอเขาไม่อยู่ กลุ่มเราก็ไม่ต่างจากขยะ”

แต่คนเราก็ต้องเดินหน้าสู่จุดที่สูงกว่า

บิลเป็นถึงนักวิจัยเพียงคนเดียวในบรรดาพวกเขาที่มีศักยภาพขึ้นถึงระดับเอสได้ อาจารย์ที่ปรึกษาของบิลคือมั่วเฟิง อาจารย์อันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์

ไปอยู่กับบิลย่อมได้รับสถานะที่สูงและทรัพยากรที่มากกว่า

“ไม่ต้องคิดมาก พวกเราออกแบบกันใหม่ได้” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง กวาดตามองแบบร่างที่วาดได้เพียงครึ่งเดียวบนโต๊ะแล้วพูด “แบบอันนี้มีปัญหาที่ใหญ่มาก ใช้ไม่ได้”

เยี่ยซือชิงกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มต่างอึ้ง “ใช้ไม่ได้เหรอ”

ทางด้านสวีจิ่งซานกำลังจะตามสมาชิกกลุ่มเอไปเจอบิล ก็ได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน

ความไม่พอใจที่ข่มไว้ก่อนหน้านี้ในที่สุดก็ระเบิดออกมาในเวลานี้

สวีจิ่งซานหันไปแสยะยิ้ม “มีปัญหาที่ใหญ่มากงั้นเหรอ ไหนเธอลองว่ามาสิว่ามีปัญหาตรงไหน”

“อิ๋งจื่อจิน เธอย่าลืมนะว่าเธอเป็นแค่เด็กใหม่ เธอมีเรียนอยู่แค่ไม่กี่วิชา ความรู้ด้านวิศวกรรมการบินที่เธอมีไม่ได้เยอะแบบที่เธอคิดหรอกนะ!”

แบบที่เขาวาดจะมีปัญหาอะไรได้

เขาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์มาห้าปีแล้ว ตอนนั้นก็เข้าคณะมาด้วยคะแนนติดสามอันดับแรก

เขายังไม่อยากอยู่กลุ่มบีที่มีพวกเยี่ยซือชิงเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ แค่ลุกขึ้นแล้วพยักหน้า “รุ่นพี่เยี่ยคะ พวกเราไปห้องปฏิบัติการกัน”

เยี่ยซือชิงดึงสติกลับมา รีบลุกขึ้น ขยำแบบร่างของสวีจิ่งซานแล้วโยนลงถังขยะ

จากนั้นก็มองสวีจิ่งซานด้วยสายตาดูถูก “ขยะ!”

สวีจิ่งซานโกรธหน้าเขียวทันที สั่นไปทั้งตัว “พวกเธอ…”

“เอาเถอะจิ่งซาน พวกเขาจะโกรธก็เรื่องปกติ อย่าไปโมโหเลย” นักศึกษาชายคนหนึ่งตบบ่าของสวีจิ่งซาน “พวกเราไปหาคุณหนูบิลกันเถอะ เธอน่าจะรอนานแล้ว”

สวีจิ่งซานถึงได้อารมณ์เย็นลง

กลุ่มคนเดินออกไป

บิลขมวดคิ้ว “ทำไมพวกเธอออกมาช้ากันขนาดนี้”

สวีจิ่งซานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังอย่างไม่สบอารมณ์

“แต่ไหนแต่ไรมาพวกหน้าใหม่ก็ค่อนข้างอวดดีอยู่แล้ว เดี๋ยวพอทำโปรเจ็กต์เยอะเข้า ถูกทรมานก็จะเข้าใจเอง” บิลพูด “คณะวิศวะมีแต่คนเก่งๆ ตอนนี้อันดับหนึ่งของปีก่อนก็ถูกกลืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

สวีจิ่งซานพยักหน้าเห็นด้วย “ผมว่าอิ๋งจื่อจินอวดดีเกินไป วันหน้าไม่มีทางได้ดีหรอก”

“เลิกพูดถึงยัยนั่นเถอะ เอ๊ะ พวกเรามีใครรู้จักเจ้าของไลฟ์ช่องเอสวายในเว็บดับบลิวบ้างไหม” สมาชิกคนหนึ่งพูด “คณบดีนอร์แมนไปหาเธอด้วยตัวเองเลยนะ แสดงว่าเธอเป็นคนของคณะเราหรือเปล่า”

คณบดีนอร์แมนมีสถานะสูงมากในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีแค่นักวิจัยระดับเอสเท่านั้นถึงจะได้เข้าพบเขา

“คนที่ทำให้คณบดีไปหาได้น่าจะเป็นอาจารย์คนไหนหรือไม่ก็รุ่นพี่หลายรุ่นก่อนหน้านี้หรือเปล่า ถ้าเอสวายเผยหน้าคงดี” สวีจิ่งซานครุ่นคิดพลางพูด “คุณหนูบิลครับ คณบดีไม่เคยไปหาคุณด้วยตัวเองเหรอครับ”

บิลสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พูดเสียงเย็นชา “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายควรรู้”

แน่นอนว่าเธอไม่มีทางบอกว่า คณบดีนอร์แมนไม่เคยมาหาเธอด้วยตัวเองเลยสักครั้ง มีแค่มั่วเฟิงพาเธอไปพบ

เธอเองก็ลองสืบแล้วว่าวันนั้นคณบดีนอร์แมนไปหาใครกันแน่ แต่ก็สืบไม่ได้ความ

นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้คณบดีนอร์แมนจะเก็บความลับไว้ได้ดีขนาดนี้

แววตาของบิลเจือไปด้วยความสงสัย

เอสวายเป็นใครกันแน่

อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องปฏิบัติการ

นิ้วของอิ๋งจื่อจินกดบนหน้าจอสามมิติอย่างรวดเร็ว

ไม่นานภาพแบบสำเร็จของส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญก็ปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างชัดเจน

เยี่ยซือชิงมองๆ อยู่ก็ดวงตาเบิกโพลง “สุดยอดเลยนักศึกษาอิ๋ง!”

ถึงแม้เธอจะไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็เข้าใจได้จากคำอธิบายและหมายเหตุที่อิ๋งจื่อจินกำกับไว้

อิ๋งจื่อจินวาดเสร็จก็หันมา “อันนี้เป็นไง พวกเรายังปรับได้อีก เอาให้ดีที่สุด หลังจากทำของจริงออกมาได้สำเร็จ คิดว่าน่าจะไปไกลสุดที่กาแล็กซีที่ห่างจากระบบสุริยะไปสามหมื่นปีแสง”

เยี่ยซือชิงพูดไม่ออกแล้ว

สมาชิกคนอื่นก็ตะลึง อ้าปากค้าง “คือ…”

ตั้งแต่อิ๋งจื่อจินเริ่มวาดมาจนถึงตอนนี้ ใช้เวลาไปแค่หนึ่งชั่วโมง

ต้องทราบก่อนว่าแบบร่างของกลุ่มเอเพิ่งเสร็จ ทั้งกลุ่มใช้เวลาสามวันโดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาให้คำชี้แนะ กว่าจะวาดแบบร่างส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญออกมาได้

เพราะไม่เพียงแต่จะต้องวางวงจรให้เหมาะสม ตำแหน่งของชิ้นส่วนต่างๆ ก็สำคัญเหมือนกัน

แต่ตอนอิ๋งจื่อจินวาดราวกับไม่ติดขัดอะไร ออกแบบสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

และที่สำคัญที่สุดคือ ด้วยระดับเทคโนโลยีของเมืองแห่งโลกในตอนนี้ ยานอวกาศบินไปได้ไกลสุดที่แปดหมื่นปีแสง

ซึ่งภาพแบบโครงสร้างยานทั้งลำออกแบบโดยคณบดีนอร์แมน

ยังไม่เคยมีนักศึกษาคนไหนสามารถออกแบบยานอวกาศที่บินได้ถึงหมื่นปีแสงได้สำเร็จ

“กรี๊ดดด! นักศึกษาอิ๋ง สุดยอดๆ ไปเลย!” เยี่ยซือชิงกอดอิ๋งจื่อจินด้วยความตื่นเต้น “พวกเราทำได้สำเร็จแน่ ได้แน่นอน!”

เมื่อเทียบกับแล้ว แบบร่างเพียงครึ่งเดียวของสวีจิ่งซานเป็นขยะไปเลย

“ตอนนี้พวกเราเริ่มซื้อวัสดุได้ เร่งมือหน่อยปลายเดือนก็เสร็จ” อิ๋งจื่อจินยิ้มบาง “เรื่องประกอบยังต้องพึ่งทุกคน”

“ไม่มีปัญหา” เยี่ยซือชิงตอบ “พอมีแบบแล้ว เรื่องประกอบก็สบายๆ”

เธอหยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “นักศึกษาอิ๋ง เธอมีอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วหรือยัง น่าจะมีอาจารย์หลายคนในคณะที่อยากรับเธอหรือเปล่า อาจารย์มั่วเฟิงไม่ได้มาหาเธอเหรอ”

เอาแค่เรื่องที่อิ๋งจื่อจินวาดแบบยานอวกาศออกมาได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง มีสิบคุณหนูบิลก็ยังสู้ไม่ได้

“มีแล้ว” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันมีธุระนิดหน่อย ทุกคนเตรียมกันไปก่อนนะ”

“ได้” เยี่ยซือชิงก็ไม่ได้ถามต่อ พูดเสียงขรึม “รุ่นน้องอิ๋ง เธอคือดาวนำโชคของพวกเราจริงๆ”

เวลานี้สมาชิกคนอื่นๆ ถึงเพิ่งได้สติกลับมา

เดี๋ยวนะ เหมือนกำลังจะมีคนพาพวกเขาเหาะแล้ว!

เวลาเย็น

ใจกลางเมือง

บาร์แห่งหนึ่ง

“จื่อจิน ทางนี้” ฉินหลิงอวี๋กวักมือให้อิ๋งจื่อจิน “รีบมา ทำเลดี”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว มองแก้วไซส์ใหญ่ที่อยู่ในมือฉินหลิงอวี๋ “ดื่มเยอะขนาดนี้ไม่กลัวกระเพาะมีปัญหาเหรอ”

“ชินแล้ว” ฉินหลิงอวี๋ยักไหล่ “พันธุกรรมที่บกพร่องทำให้ฉันติดเหล้าน่ะ ก็เหมือนกับที่พี่ชายสมองเพี้ยนของฉันชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”

นี่เป็นอาการที่มาจากการดัดแปลงพันธุกรรมในตอนนั้น เธอควบคุมตัวเองไม่ได้

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดพลางพูด “ฉันดองเหล้าที่ดีต่อสุขภาพเธอให้ได้”

“เอาสิ” ฉินหลิงอวี๋เกิดความสนใจ “ขอบคุณมาก อยากให้ฉันช่วยอะไรบอกได้นะ”

มีเสียงที่เหมือนอวดดีดังแทรกในเวลานี้

“นี่เด็กนั่งดริงก์ที่ทางร้านเพิ่งรับมาใหม่เหรอ” เจ้าของเสียงเป็นคุณชายคนหนึ่ง เจือด้วยความอวดดี “สองคนนี้ฉันจองแล้ว”

หลายคนมองมา

“มีผู้หญิงซวยอีกแล้ว”

“จะบอกว่าซวยได้ยังไง ควรเป็นจะได้ขึ้นสวรรค์ต่างหาก ติดตามคุณชายคนนี้ได้กินอย่างสำราญเลยนะ คนอื่นอยากได้ยังไม่มีเลย”

ฉินหลิงอวี๋หันไปมองด้วยความตกใจ “เขาคงไม่ได้สมองเบลอมาพูดกับพวกเราแบบนี้ใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตา เพิ่งยืนขึ้น

อยู่ๆ คุณชายคนนั้นก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ถอยหลังไปทันที

มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินปกป้องอิ๋งจื่อจินไว้ในอ้อมกอด มืออีกข้างบิดแขนคุณชายอย่างสบายๆ

เขาพูดแค่ว่า “ไสหัวไปซะ”

คุณชายทั้งอายทั้งโมโห ยิ่งไปกว่านั้นไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “ว่าไงนะ”

“ฉันบอกว่า…” สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา ชวนขนลุก “ไสหัวไปซะ”

“คิดว่าฉันต้องเชื่อฟังแกเหรอ” คุณชายยิ้ม “รู้หรือเปล่าว่าฉันนามสกุลอะไร คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ขณะพูดเขาก็ยื่นมือออกไปกระชากเสื้ออิ๋งจื่อจิน “มีแฟนก็ไม่มีประโยชน์ ไปกับฉัน!”

แต่ทันใดนั้น

“เพล้ง!”

“เพล้ง!”

“เพล้ง!”

“เพล้งๆ” ขวดเหล้าที่อยู่รอบตัวเขาทั้งหมดระเบิดออก แตกกระจายเต็มพื้น

ยังมีอีกขวดหนึ่งที่หล่นลงบนหัวคุณชาย

เลือดไหลอาบทันที เขานอนหมดสติบนพื้น

“…”

เกิดความเงียบขึ้นภายในบาร์

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset