คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 750 สู้กับทั้งสำนักผู้วิเศษ ลูเอล

ตอนที่ 750 สู้กับทั้งสำนักผู้วิเศษ ลูเอล

ทุกคนในห้องโถงใหญ่ต่างหันไปมอง

ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดหมีสีดำ ผมสีบลอนด์ยาวถึงเอว

บิลสีหน้าเปลี่ยน เรียกด้วยความตะลึง “อา?”

ถ้ามีซีนายเพิ่มเข้ามา โอกาสชนะของเธอก็จะลดฮวบ

ต่อให้บิลมั่นใจในตัวเองขนาดไหนก็ไม่กล้าประลองเครื่องกลการบินกับซีนายที่เมื่อสิบปีก่อนโด่งดังไปทั่วสำนักวิจัย

พอได้ยินคำเรียกนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆ หุบลง สีหน้าเย็นชา “ฉันไม่ใช่ซีนาย”

บิลตัวแข็งทื่อ รู้สึกเพียงว่าเลือดในกายเย็นเฉียบ

เธอหันไปมองคุณนายรองราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ

แต่กลับเห็นคุณนายรองที่สุขุมใจเย็นมาตลอดมีสีหน้าตะลึงมาก เห็นได้ชัดว่าเหนือความคาดหมายกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้

ผู้หญิงคนนี้ไม่มองบิลอีก หันไปยิ้ม “เพิ่งกลับมา ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับพี่สะใภ้ใหญ่ที่ได้เจอลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแล้ว”

ซู่เวิ่นมีสีหน้าสุขุม สุภาพแต่ห่างเหิน “ยินดีกับเธอด้วยเหมือนกัน เรียนจบกลับมาสักที ถ้ายังไม่กลับมาอีกตระกูลเราจะลืมแล้วว่ายังมีคนคนนี้ด้วย”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น

เธอไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้เป็นซีนาย

มองแวบแรกเหมือนซีนายก็จริง แต่ก็ยังด้อยกว่าหน่อย

โดยเฉพาะการที่ผู้หญิงคนนี้แต่งหน้าหนามาก อาศัยการกรีดอายไลเนอร์กับปากแดงช่วยเสริมบุคลิก

ลูน่าพูดขึ้น “เธอคือไชโลห์เหรอ!”

“พี่สี่ยังจำฉันได้ด้วย ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ” ไชโลห์ก้าวขึ้นหน้า เซ็นชื่อตัวเองลงบนที่ว่าง

คราวนี้คนที่ร่วมเข้าคัดเลือกหัวหน้าตระกูลก็กลายเป็นสิบคนแล้ว

บิลกำมือแน่น “ไชโลห์คือใครเหรอคะแม่”

ทำไมเธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

คุณนายรองตอบเสียงขรึม “แม่ก็ไม่เคยได้ยินพ่อของลูกพูดถึง”

“จริงสิ ห้ามคิดว่าฉันเป็นซีนายเด็ดขาด” ไชโลห์หันมา สายตาจับจ้องไปที่บิล “ซีนายก็แค่ออกมาก่อนฉันไม่เท่าไร”

เธอตบมือ ยิ้มอีกครั้ง “ในเมื่อมีหลายคนไม่รู้จักฉันแล้ว งั้นฉันขอแนะนำตัวเองก่อนแล้วกัน ฉันชื่อไชโลห์ ลูกลำดับที่หก”

“เป็นน้องสาวฝาแฝดไข่คนละใบกับซีนาย”

บิลตะลึงอีกครั้ง

เธอยังมีอาอีกคนเหรอ

“ฉันถูกรับไปอยู่สำนักผู้วิเศษตั้งแต่สองขวบ ฉันเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุจากท่านนักมายากล เรียนการต่อสู้กับท่านหอคอย เรียนรู้มารยาทจากท่านจักรพรรดินี” ไชโลห์ยังคงยิ้ม “ตอนนี้กลับมาเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล”

“อย่างน้อยฉันก็รับประกันได้ว่า ตระกูลเรนเกลไม่มีทางถูกแทนที่”

“…”

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ขึ้นมาทันที

การปรากฏตัวของไชโลห์ได้ฆ่าหลายคนอย่างไม่ทันตั้งตัว

โดยเฉพาะเรื่องประวัติของเธอ

เรียนรู้จากผู้วิเศษสามคน นี่เป็นเกียรติที่ไม่มีใครในเมืองแห่งโลกได้รับ

บิลใจหายวาบ

เดิมทีเธอคิดว่าอิ๋งจื่อจินก็เป็นภัยคุกคามมากพอแล้ว

พอไชโลห์ปรากฏก็บี้เธอแบนสนิท

แบบนี้ใครยังจะสู้ได้อีก

ไชโลห์ไม่ชายตามองบิล เดินเข้าไปหาอิ๋งจื่อจินแล้วยื่นมือออกไป “ขออวยพรให้เธอชนะ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น ยื่นมือออกไปจับ “เช่นกัน”

คำเดียว ส่งคืนกลับไปอย่างเท่าเทียม

สีหน้าของไชโลห์ขรึมลงเล็กน้อย มองอิ๋งจื่อจินที่เดินขึ้นชั้นบนกับซู่เวิ่น อารมณ์ในดวงตาไม่นิ่ง

เธอคือคนที่ผู้วิเศษสามคนปั้นมา คนที่เก่งกว่าเธอมีแค่ผู้วิเศษเท่านั้น

อิ๋งจื่อจินเหรอ

ไม่มีทางหรอก

อีกทั้งการเลือกหัวหน้าตระกูลครั้งนี้ เธอก็ได้เปรียบการเล่นแร่แปรธาตุกับการต่อสู้

ไชโลห์ยักไหล่ หันตัวเดินออกจากห้องโถง

ชั้นบน

ภายในห้องนอน

ซู่เวิ่นพูดเสียงขรึม “มิน่าผู้วิเศษถึงได้ตั้งกฎการคัดเลือกแบบนั้น”

เห็นได้ชัดว่าเพื่อเอื้อให้ไชโลห์ขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูล

ไม่ว่าจะด้านการเล่นแร่แปรธาตุหรือการต่อสู้ ไชโลห์ได้รับการสั่งสอนอย่างเป็นระบบจากสำนักผู้วิเศษ แม้แต่พวกคนเก่งๆ ของสำนักวิจัยก็สู้ไม่ได้

พันธุกรรมของตระกูลเรนเกลจะด้อยไปถึงไหนได้

ส่วนการคัดเลือกครั้งนี้ก็นับชนะสามในห้า

เครื่องกลเป็นเพียงหนึ่งในนั้น

ผลักดันตระกูลอื่น ไม่สู้ควบคุมตระกูลเรนเกลไว้ในกำมืออย่างสิ้นเชิง

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย

เธอแน่ใจได้ว่านักมายากลจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำ ก็แค่น่าจะเป็นชนชั้นระดับล่างสุด

นอร์ตันจับตาดูซาโรห์มาหลายเดือนก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆ

ตอนนี้กลับมีผู้วิเศษหอคอยโผล่มาอีกคน

“เยาเยา ลูกเก่งมาก แม่ดีใจ” ซู่เวิ่นเป็นห่วง “แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ของลูกคือทั้งสำนักผู้วิเศษ แม่กลัวลูกจะ…”

พอพูดถึงตรงนี้ซู่เวิ่นก็ไม่พูดต่อแล้ว สะอึกสะอื้นในลำคอ

เธอสูญเสียสามีไปแล้ว ไม่อยากเสียลูกสาวไปอีก

“แม่คะ เรื่องไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น” อิ๋งจื่อจินรู้ว่าซู่เวิ่นคิดอะไรอยู่ เธอปลอบ “หนูไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นเอาตำแหน่งของคุณพ่อไปได้ค่ะ”

“คุณแม่พักผ่อนก่อนนะคะ” เธอรินน้ำให้ซู่เวิ่น “ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น มีหนูอยู่ทั้งคนค่ะ”

น้ำเสียงของอิ๋งจื่อจินเจือไปด้วยพลังที่ชวนให้ใจสงบ

ซู่เวิ่นก้มหน้า เช็ดน้ำตาแล้วพูดอย่างจริงจัง “เยาเยา สำหรับแม่ ลูกกับคุณพ่อเป็นคนที่สำคัญที่สุดเสมอ ความปลอดภัยของลูกต้องมาก่อนนะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ออกจากห้องนอนแล้วไปที่ห้องของตี้อู่เย่ว์

ค่ายกลทำนายดวงชะตาได้สร้างเสร็จตั้งแต่เมื่อบ่าย

ตี้อู่เย่ว์ดวงตาเป็นประกาย “อาจารย์ มานี่ๆ ฉันจะแสดงฝีมือให้ดู”

อิ๋งจื่อจินนั่งลง เลิกคิ้ว “ได้ เริ่มเลย”

สิบนาทีต่อมา

ตี้อู่เย่ว์ก็หมดแรงบนโต๊ะ อ่อนเพลียลงไปมาก ใบหน้าซีดเซียว “อาจารย์ ถ้าฉันทำนายไม่ผิด พ่อของอาจารย์น่าจะไม่ได้อยู่ที่เมืองแห่งโลก”

“ไม่อยู่เหรอ” แววตาของอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เงียบสักพักถึงพูดขึ้น “งั้นก็น่าจะเหมือนอาชิงหลาง ไปที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรแล้ว”

แต่ด้วยพลังทำนายของตี้อู่เย่ว์ ขอบเขตในการหาคนยังไม่เพียงพอครอบคลุมไปทั้งโลก

ชิงหลางหลบหนีอยู่ครึ่งปี หนีไปทั่วยุโรป

นี่ยี่สิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าลูเอลไปอยู่ที่ไหน

“อาจารย์ ฉันบอกแล้ว ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดอาจารย์ ไม่ใช่แค่อาจารย์ที่ทำนายไม่ได้ ฉันก็ทำนายได้ยากเหมือนกัน” ตี้อู่เย่ว์ก้มหน้า แอบเศร้า “มีความเป็นไปได้ว่าพ่ออาจารย์ยังอยู่ แต่เพราะพลังของฉันไม่พอก็เลยทำนายไม่เจอ”

“เธอเก่งมากแล้ว” อิ๋งจื่อจินหัวเราะไร้เสียง “พรสวรรค์ในการทำนายของเธอมีมากกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

“ฉันยังอยู่ในช่วงพยายามอยู่เลยนะ” ตี้อู่เย่ว์ลูบหัวด้วยความเขินอาย “อาจารย์ วางใจได้ ฉันต้องช่วยอาจารย์หาพ่อให้เจอแน่”

“ยังคงพูดเหมือนเดิม ทำนายใครก็ได้แต่ไม่ใช่ฉัน” อิ๋งจื่อจินมองท้องฟ้า สีหน้าเรื่อยเปื่อย “เดี๋ยวพาออกไปกินของอร่อย”

ตี้อู่เย่ว์กระโดดโลดเต้นขึ้นมาทันที “ดีเลย”

ตระกูลเรนเกลมีช่องทางพิเศษสำหรับไปใจกลางเมืองโดยเฉพาะ สะดวกมาก

พอลงมาก็เป็นถนนสายยาวที่หรูหราที่สุด

ตี้อู่เย่ว์ถูมือ “อาจารย์ ฉันจะไปกินทางนั้น ฉันกินจุมาก เดี๋ยวพวกเราค่อยเจอกันนะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วติดต่อฟู่อวิ๋นเซิน

ถนนด้านนี้ ตี้อู่เย่ว์ถือบัตรแล้วไปหาอะไรกิน

ขณะที่เตรียมจะพักสักหน่อย พอเธอหันไปก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถสีทอง

ผมก็เป็นสีทอง สวมนาฬิการาคาร่วมสิบล้าน

ทั่วทั้งตัวมีออร่าที่บ่งบอกว่า ‘ข้ารวย!’

ไม่ให้หลอกคนแบบนี้จะปล่อยไว้ทำถ้วยอะไร

ตี้อู่เย่ว์กลืนลูกชิ้นลูกสุดท้ายทันทีแล้วรีบเดินเข้าไป

ทำคนคุ้มกันที่อยู่สองข้างตกใจ “ใคร!”

“หนุ่มน้อย ฉันเห็นหว่างคิ้วเธอดูคล้ำๆ พรุ่งนี้ต้องเลือดตกยางออกแน่!” ตี้อู่เย่ว์ไม่สนใจคนคุ้มกันที่ขวางไว้ เธอพูดอย่างจริงจัง “ช่วงนี้นอนไม่หลับบ่อยๆ ใช่ไหมล่ะ สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย แต่กลับจำความฝันไม่ได้ใช่ไหม”

เนื่องจากอิ๋งจื่อจินก็เป็นนักทำนาย ซีซาร์เลยรู้สึกดีกับคนที่มาทางสายนี้ด้วย

โดยเฉพาะการที่ตี้อู่เย่ว์ทักแม่น

เขาโบกมือเพื่อบอกให้คนคุ้มกันถอยไป “ลองว่ามาให้ละเอียดหน่อยสิ”

“ขอดูก่อนนะ น่าจะฝันร้ายมาได้สักอาทิตย์แล้ว” ตี้อู่เย่ว์สำรวจใบหน้าของซีซาร์ “ดูนะ ใบหน้าหล่อๆ ของเธอขอบตาดำคล้ำ แต่ความฝันเป็นการสะท้อนจากจิตใต้สำนึก ดังนั้นความฝันก็อาจเป็นจริงได้”

“พูดมีเหตุผล” ซีซาร์พยักหน้าด้วยความพอใจ หยิบทองมาหนึ่งก้อน “แล้วจะแก้ยังไง”

ตี้อู่เย่ว์มองก้อนทอง แอบตะลึงอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับยังคงเรียบเฉย “ฉันจะเขียนวิธีให้ แค่ดื่มน้ำตามวิธีนี้ทุกวันก็พอ”

มือข้างหนึ่งของเธอจับก้อนทอง มืออีกข้างก็หยิบกระดาษกับปากกามาเขียน “อะ”

ซีซาร์รับไปดูแล้วยื่นทองให้อีกก้อน

ตี้อู่เย่ว์ “!”

นี่มันโชคหล่นทับ

ตี้อู่เย่ว์กำทองแน่น เท้าติดสปีด โกยแล้วจ้า

ซีซาร์กำลังจะขึ้นรถกลับตลาดประมูลลอเรนท์ พอก้าวเท้า ทันใดนั้นเขาก็ได้สติ

เขากัดฟันแสยะยิ้ม “ไปจับตัวผู้หญิงคนเมื่อกี้กลับไปให้ฉัน!”

แค่พูดไม่กี่คำทำไมเขาถึงเสียทองไปสองก้อนได้

กล้าหลอกเอาเงินเขา เขาต้องตามล่าสุดหล้าฟ้าเขียว!

ซีซาร์ตีหัวตัวเอง ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาอิ๋งจื่อจินแล้วพูดอย่างน่าสงสาร “บอส ขอยาจำพวกยานอนหลับด่วนๆ เลย”

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “ทำไม”

“ช่วงนี้ฝันบ่อย” ซีซาร์รู้สึกหมดแรง “ฝันเห็นสงครามทุกวัน แถมยังเห็นตัวเองตายด้วย และที่แค้นที่สุดคือ เมื่อกี้มีหมอดูกำมะลอมาหลอกเอาเงินผม!”

ทางด้านอิ๋งจื่อจินเห็นตี้อู่เย่ว์ที่ถือทองสองก้อนกลับมาอย่างมีความสุขพอดี “…”

เธอยังไม่ได้พาไปเจอหน้ากันเลยนะ

นี่แหละเรียกว่าถูกเงินดูดเข้าหากัน

“ได้” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “เดี๋ยวส่งพัสดุไปให้”

“บอส ประเด็นคือผมถูกหลอกเอาเงิน”

“ถูกหลอกบ่อยๆ นายก็ไม่อยากเห็นสีทองอีกแล้ว”

“…”

“เฮ้อ อาจารย์ คนที่นี่หลอกง่ายชะมัด” ตี้อู่เย่ว์มีความสุข “เมื่อกี้เจอเด็กรวยหน้าโง่คนนึง ฉันยังไม่ได้ใช้กลยุทธ์ท่าไม้ตายเลยนะ เขาก็ให้ทองมาสองก้อนแล้ว”

อิ๋งจื่อจินตบบ่าตี้อู่เย่ว์ “ต่อไปก็หลอกให้ได้มากๆ นะ”

เธอสุขใจมาก

เวลานี้ภายในโรงแรม

ฟู่อวิ๋นเซินเช็ดเหงื่อบนศีรษะ เปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินออกไป

ผู้จัดการเดินเข้ามากระซิบ “บอสครับ ยายแก่ตระกูลอวี้คนนั้นมาอีกแล้ว เอาแต่ยืนโวยวายอยู่ที่หน้าโรงแรมครับ”

เดิมทีคิดว่าครั้งก่อนคุณนายผู้เฒ่าอวี้อับอายขายหน้าไปแล้วจะยอมแพ้

ใครจะไปรู้ว่าไม่มีแล้วยางอาย มาดักเจอที่หน้าโรงแรมทุกวัน

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม ไม่โกรธไม่ดีใจ “ช่วยเธอไลฟ์สดขึ้นเว็บดับบลิวหน่อย”

ผู้จัดการเข้าใจทันที รีบไปเอาหุ่นยนต์พนักงานลงมา ทำการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์อื่นๆ รอบตัวคุณนายผู้เฒ่าอวี้

ทั้งยังปรับข้อความเลื่อนเป็นแบบสามมิติให้ด้วยความเอาใจใส่ ให้คุณนายผู้เฒ่าอวี้ได้เห็น

[ดูเร็วๆ ยายแก่คนนี้อีกแล้ว คุณชายฟู่ไม่สนใจยังไม่เข้าใจอีกเหรอ]

[ตอนนี้เกิดนึกเสียใจเลยมาขอร้องเหรอ แล้วก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหน]

คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหตัวสั่น “คุณ พวกคุณ…”

อีกด้านหนึ่ง หนิงรั่วขมวดคิ้ว

เธอนึกไม่ถึงว่าฟู่อวิ๋นเซินจะไม่สนใจคุณนายผู้เฒ่าอวี้เลย

ทำได้เพียงมาด้วยตัวเอง

“คุณชายฟู่คะ เรื่องเกี่ยวดองฉันจริงใจนะคะ และก็จริงใจกับคุณด้วย” หนิงรั่วเดินเข้าไป ยังคงถ่อมตัว “ฉันก็ไม่คิดว่าจะต้องแต่งงานก่อนเสมอไป ถ้าเป็นไปได้ ลองดูก่อนก็ได้ค่ะ”

“พี่ชายของฉันเป็นผู้ดูแลเว็บดับบลิว เขาให้ความช่วยเหลือคุณได้มากนะคะ”

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า ทันใดนั้นดวงตาดอกท้อก็โค้งมน

รอยยิ้มของเขามีพลังทำลายล้างสูงมาก หัวใจของหนิงรั่วเต้นเร็วขึ้นมาทันที

แต่วินาทีถัดมาฟู่อวิ๋นเซินก็เดินผ่านเธอไป

เขาไปหยุดตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน โน้มตัวเล็กน้อย “รอนานหรือเปล่า”

“พอไหว” อิ๋งจื่อจินยื่นกระเป๋าให้เขาถือ “ถือไว้”

ตี้อู่เย่ว์ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาทันที “สวัสดีค่ะแฟนอาจารย์”

“ศิษย์น้อยก็อยู่ด้วยเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “งั้นอันนี้ให้”

ตี้อู่เย่ว์ที่ถูกยัดช็อกโกแลตให้อีกครั้ง “…”

ไม่สู้เธอไปหลอกเด็กหน้าโง่นั่นต่อดีกว่า

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ไปที่ไหนก็เนื้อหอมนะพี่ชาย”

“พอไหว” น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินเรื่อยเปื่อย “พี่ชายเทียบกับเธอคือหนึ่งต่อสิบ ผู้หญิงก็ตามจีบเธอน้อยที่ไหนกัน”

อิ๋งจื่อจิน “…”

นับตั้งแต่ฟู่อวิ๋นเซินฆ่านักฆ่าทั้งหมดของแบล็กไซต์ ตอนนี้พวกนักฆ่าก็ไม่รับงานกันแล้ว

วันๆ เขาเอาแต่ไปนั่งซุ่มแถวสำนักวิจัย ถ้าสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรก็จะเข้าไปขู่

ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งลงมาจากฟ้าแล้วจอดลง

หนิงรั่วเกือบถูกชนล้ม เธออดกลั้น ดวงตายังมีน้ำตาคลออยู่ “ทำอะไร มองไม่เห็นหรือไง”

หน้าต่างรถถูกลดลง เป็นซิว

วันนี้เขาย้อมผมสีแดง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset