ตอนที่ 753 ผู้วิเศษ วงล้อแห่งโชคชะตา!
เมืองแห่งโลกก่อตั้งมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าไม่เคารพซาโรห์ วิคตอเรีย
พอเห็นแบบนี้ ดวงตาของบิลก็ฉายแววรอคอยและมีความหวัง
ทางที่ดีเอาให้อิ๋งจื่อจินล่วงเกินท่านจักรพรรดินีแล้วถูกประหารไปเลย
อิ๋งจื่อจินทำตัวเองทั้งนั้น โทษใครไม่ได้
ถูกผู้วิเศษสั่งประหาร ตระกูลเรนเกลย่อมไม่กล้ามีปากเสียงอะไร
ถ้าเป็นแบบนั้น คู่แข่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็จะลดลงไปหนึ่งคน
หลังจากนั้นค่อยหาทางกำจัดไชโลห์
สายตาของบิลมองตามขาอัศวิน หัวใจเต้นเร็วแทบหลุดออกมา
แต่ทว่าขานั้นไม่ได้แตะถูกเสื้อผ้าของอิ๋งจื่อจินเลยด้วยซ้ำ
วินาทีถัดมาราวกับมีแรงมหาศาลพุ่งฝ่าอากาศเข้าหาขาของอัศวิน
“โอ๊ย!”
อัศวินร้องด้วยความเจ็บปวด ตัวกระเด็นออกไปในชั่วพริบตา
ในเวลานี้เอง มีเงาของร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้ามาจากประตูด้านข้างของห้องโถง
ผู้วิเศษสังฆราช หลุยส์ ธีเซียส!
อัศวินหน่วยคฑากายสิทธิ์สองคนที่คุ้มกันอยู่ข้างกายหลุยส์ถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ตวาดเสียง “บังอาจ!”
หนึ่งในนั้นเดินเข้าไปอย่างไม่รีรอ ยกเท้าถีบอัศวินที่ลอยมา
“พลั่ก!”
กระเด็นไปชนกำแพงฝั่งตรงข้ามในชั่วพริบตา
“เปร๊าะ”
เสียงกระดูกหัก
อัศวินคนนั้นไออย่างรุนแรง เขายื่นมือออกไปอยากพูดอะไร แต่เลือดกลับไหลออกจากมุมปากไม่หยุด
กำลังภายในของอิ๋งจื่อจินไม่ได้ถึงกับทำให้เขาบาดเจ็บมากนัก
แต่ลูกถีบของอัศวินหน่วยคฑากายสิทธิ์ต่างหากที่ทำให้กระดูกของเขาและอวัยวะภายในเสียหาย
และเพราะเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้หลุยส์สังเกตเห็นอิ๋งจื่อจินที่อยู่ในห้องโถง
เขาหันไปมอง ตะลึงในความงาม
เวลานี้มีเสียงเย็นชาของผู้หญิงดังมาจากด้านหลัง
“เกิดอะไรขึ้น”
บิลกับไรอันใจหายวาบ ก้มหน้าต่ำกว่าเดิม
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น มองไปข้างหน้า
ดวงตาหงส์ไม่หวั่นไหว ดำขลับดุจยามราตรี
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดกระโปรงยาวแบบในพระราชวัง ศีรษะสวมมงกุฎ มือจับไม้คฑา บารมีแรงกล้า
ผู้วิเศษจักรพรรดินี ซาโรห์ วิคตอเรีย!
“ทะ…ท่านจักรพรรดินี” อัศวินคนนั้นกระอักเลือดอีกรอบ พูดไม่จบแม้แต่ประโยคเดียว
คอพับ หมดลมอย่างสิ้นเชิง
สีหน้าของซาโรห์เย็นชาลงทันที “ใครทำ!”
อัศวินหน่วยคฑากายสิทธิ์ที่ลงมือเมื่อครู่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ “เรียนท่านจักรพรรดินี ตัวเขากำลังจะลอยมาถูกท่านสังฆราช ผมถึงต้องลงมือครับ”
บิลเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอัศวินคนนั้นถึงได้ลอยกระเด็นออกไป
เธอลังเล สุดท้ายก็เงยหน้าพูด “ท่านจักรพรรดินีคะ เป็นเพราะเธอไม่ยอมคุกเข่าก่อนค่ะ”
เบี่ยงเบนความสนใจของซาโรห์ได้ตามคาด สายตาเบนไปหาอิ๋งจื่อจิน “หืม?”
บิลแอบดีใจ
ไม่เคารพผู้วิเศษ จุดจบคือตาย
“ซาโรห์ จะพิธีรีตองอะไรเยอะแยะ” แต่หลุยส์กลับพูดขึ้น “ไม่ใช่พิธีขึ้นปีใหม่เสียหน่อย มีอะไรให้ต้องคุกเข่า”
ซาโรห์ได้เห็นใบหน้าของอิ๋งจื่อจินแล้ว
ช่างเป็นใบหน้าที่งดงามหาใดเปรียบ
ผมดำตาดำ สวยเหมือนภาพวาด
ผิวพรรณของอิ๋งจื่อจินขาวผ่องดุจหยก ใสกระจ่าง
แสงที่สาดส่องเข้ามาในห้องโถงที่กว้างใหญ่ได้ตกกระทบใบหน้าของเธอ ฉาบเป็นสีทองอ่อนๆ ดูอร่ามเปล่งประกาย
เธอแต่งตัวเรียบง่ายแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ แต่กลับช่วยขับให้ดูโดดเด่น
ต่อให้เป็นซาโรห์ก็ยังแอบเกิดความริษยาอยู่บ้าง
โดยเฉพาะการที่หลุยส์ยังออกหน้าปกป้องคนธรรมดาแบบนี้ต่อหน้าเธอ ทำลายเกียรติและบารมีของเธอ
แต่ผู้วิเศษสังฆราชกับเธอมีสถานะทัดเทียมกัน ซาโรห์ทำได้เพียงอดทน
“เอาล่ะ ลุกขึ้นให้หมด” หลุยส์โบกมือ นั่งลงที่บัลลังก์ด้านบนอีกตัวหนึ่ง
บิลกับพวกไรอันพอได้ยินแบบนี้ก็แอบตกใจ “ขอบคุณท่านสังฆราช”
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซาโรห์ก็ไม่มีอารมณ์แล้ว สีหน้าบึ้งตึง
กลับเป็นหลุยส์ที่เอาแต่ถาม
แต่ใครก็มองออกว่าเขาสนใจแค่อิ๋งจื่อจินคนเดียว
แม้อิ๋งจื่อจินจะทำเย็นชาและห่างเหินใส่ แต่หลุยส์ก็ยังคงใจเย็น
สมองของบิลเกิดความคิดเหลือเชื่อขึ้น และยังมีความหวาดกลัวแบบที่ยากจะบรรยาย
คงไม่ใช่ว่า ท่านสังฆราชชอบอิ๋งจื่อจินหรอกนะ
บ้าไปแล้วเหรอ
อิ๋งจื่อจินคู่ควรเหรอ
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน” ถามไม่ได้ความอะไร หลุยส์รู้สึกเสียดายมาก “ช่วงสองสามวันนี้ซาโรห์ไม่ค่อยสบาย พวกเธออย่ารบกวนต่อดีกว่า”
หยุดเล็กน้อยแล้วกำชับ “เดินทางกลับปลอดภัยนะ”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หันตัวเดินออก
บิลแทบไม่อยากเชื่อ
เธอเดินออกจากห้องโถง รู้สึกเพียงเลือดในกายเย็นเฉียบ
“ดูเอาแล้วกัน นี่แหละความแตกต่างระหว่างมนุษย์ด้วยกัน” ไม่รู้ว่าไชโลห์มาตั้งแต่เมื่อไร เธอส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “เข้าไปด้วยกัน ทำไมเธอถึงไม่ได้รับความสนใจจากท่านสังฆราชนะ”
“หุบปาก!” ในที่สุดบิลก็หมดความอดทน “นั่นถือว่าได้รับความสนใจอะไรที่ไหน ดูที่หน้าตาชัดๆ!”
ไชโลห์ถอนหายใจอีกรอบ “หน้าตาก็เป็นต้นทุนนะ ท่านสังฆราชอยู่มานานขนาดไหนแล้ว เคยเจอคนสวยมาไม่รู้ตั้งกี่หมื่นกี่แสน ทำไมมีแค่อิ๋งจื่อจินที่เข้าตาเขาล่ะ”
บิลกัดฟันกรอด ไม่สนไชโลห์อีก รีบเดินเข้าลิฟต์
ด้านหลังดูน่าสมเพชมาก เหมือนคนที่หนีอย่างสะบักสะบอม
“คุณไชโลห์ครับ” คนดูแลเดินเข้ามาพูดด้วยความนอบน้อม “วันนี้คุณจะค้างที่สำนักผู้วิเศษหรือกลับตระกูลเรนเกลดีครับ”
“กลับบ้าน” ไชโลห์มองตามหลังบิล ยิ้มพลางพูด “เดือนหน้าจะต้องชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแล้ว ต้องไปปรับตัวหน่อย อย่าให้ท่านจักรพรรดินีผิดหวัง”
…
ภายในห้องโถงเหลือเพียงผู้วิเศษสองคน
ถูกหลุยส์หักหน้าต่อหน้าคนอื่น ซาโรห์แอบขุ่นเคืองใจ
เธอแสยะยิ้ม “ดูท่าวงล้อแห่งโชคชะตาจะไม่ได้สำคัญสำหรับคุณเท่าไรนะ เปลี่ยนไปชอบคนอื่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
พอพูดถึงฉายานี้ หลุยส์ก็สีหน้าเปลี่ยน
เขาพูดเสียงขรึม “ซาโรห์ ระวังคำพูดกับการกระทำของตัวเองด้วย”
“ทำไม ฉันพูดผิดเหรอ” ซาโรห์นั่งพิงบัลลังก์ สายตาดุดันขั้นสุด “คุณรู้ว่าเธอดับสูญไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้สมหวังกับเธอแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายเร็วอย่างนั้นเหรอ”
เธอแสยะยิ้มอีกรอบ “ฉันล่ะเสียใจแทนวงล้อแห่งโชคชะตาจริงๆ”
ผู้วิเศษลำดับที่สิบเอ็ดจากยี่สิบสองคน วงล้อแห่งโชคชะตา
หยั่งรู้ลิขิตสวรรค์ กุมพรหมลิขิต ตัดสินอดีต พิพากษาอนาคต
ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่รู้
พลังพิเศษของวงล้อแห่งโชคชะตาเรียกได้ว่าโกงสุดในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน
ตราบใดที่มีเธออยู่ก็เตรียมชนะได้เลย
พยากรณ์หยั่งรู้โลก น่ากลัวขั้นสุด
แต่ในขณะเดียวกันพลังต่อสู้ของวงล้อแห่งโชคชะตาก็มีไม่มาก
แม้เธอจะไม่ได้ร่วมสงคราม แต่ก็ดับสูญในสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนั้น
การปรากฏตัวของเทพพยากรณ์ในตอนนั้นทำสะเทือนไปทั้งสำนักผู้วิเศษ
เพราะความสามารถของเทพพยากรณ์เหมือนวงล้อแห่งโชคชะตาไม่มีผิด
หลุยส์ออกจากเมืองแห่งโลกด้วยตัวเองเพราะเรื่องนี้ เพื่อไปหาเทพพยากรณ์
ต่อมาก็ยอมแพ้
ข้อแรกเป็นเพราะเทพพยากรณ์ลึกลับเกินไป แถมยังต่อสู้เก่งมาก
ข้อสอง น่าเสียดายที่เทพพยากรณ์ไม่ใช่คนที่นี่แบบพวกเขา แต่เป็นคนที่ข้ามห้วงอวกาศมาจากอีกจักรวาลหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวงล้อแห่งโชคชะตา
ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ผู้วิเศษที่ดับสูญไปอย่างสิ้นเชิง มีคนไหนบ้างที่กลับมาอีก
ผู้วิเศษผู้โง่เขลากับผู้วิเศษเทวทูตก็ล้วนดับสูญไปในภัยพิบัติระดับโลกสองครั้งที่เพียงพอให้ทำลายล้างโลกได้เลยทีเดียว
หลุยส์ขมวดคิ้ว “เรื่องส่วนตัวของผม อยากจะยุ่งด้วยเหรอ”
“ฉันก็แค่เตือนคุณ ในเมื่อคุณชอบเธอ งั้นเธอก็ห้ามสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเป็นอันขาด” ซาโรห์พูด “ตอนเลือก ควรเลือกใคร คงไม่ต้องให้ฉันเตือนนะ”
หลุยส์ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “รู้แล้ว”
เขาลุกขึ้น เดินออกจากห้องโถง
ซาโรห์จับศีรษะ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา สีหน้ายังคงแย่มาก
ช่างเถอะ ก็แค่คนธรรมดา ไม่มีค่าให้เข้ามาในสายตาเธอ
เธอจะไปถือสาหาความเอาอะไร
…
ตอนเย็น
พวกนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์เฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของวันนี้ เหมาร้านปิ้งย่างที่อยู่ข้างสำนักวิจัยโดยเฉพาะ
“เทพอิ๋ง พวกผู้วิเศษคุยอะไรกับเธอบ้างเหรอ” เยี่ยซือชิงสงสัย “ฉันเห็นสีหน้าของไรอันกับบิลไม่สู้ดี บิลร้องไห้เลยนะ”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “ไปเอาคำเรียกแบบนี้มาจากไหนเหรอคะ”
“ในเน็ตไง” เยี่ยซือชิงพูดสบายๆ “ชาวเน็ตหลายคนเรียกเธอแบบนี้นะ”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ดูท่าความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีไม่ได้ทำให้ชาวเน็ตมีวิวัฒนาการตามไปด้วย
“ไม่ได้คุยอะไรมากค่ะ” อิ๋งจื่อจินหยิบเอ็นหนึ่งไม้ขึ้นมาจากเตาย่าง “ถามว่าฉันมีแฟนหรือยัง”
เยี่ยซือชิง “?”
เธองงหนักมาก ทำได้เพียงปิ้งกินต่อไป
ขณะที่อิ๋งจื่อจินหยิบเอ็นไม้ที่สอง ทันใดนั้นดวงตาก็หรี่ลง
หูของเธอขยับ ยกมือขึ้นโอบเยี่ยซือชิงเข้ามา
เยี่ยซือชิงไม่ทันตั้งตัว ถูกจับกดลงใต้โต๊ะ วินาทีถัดมาพวกของปิ้งย่างที่อยู่บนเตาก็ไหม้เกรียม
เปลวไฟลุกโชน
คนที่อยู่รอบๆ ต่างส่งเสียงกรีดร้อง
เยี่ยซือชิงตกใจมาก “เทพอิ๋ง?”
เธอเงยหน้าอย่างยากลำบาก เห็นอิ๋งจื่อจินยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้
หว่างนิ้วเรียวยาวหนีบลูกกระสุนไว้หนึ่งนัด