จอมมารแค่อยากเป็นคนดี – ตอนที่ 120 ดาร์ก เดม่อนไม่ต้องการอยู่บนเวที

บทที่ 120 ดาร์ก เดม่อนไม่ต้องการอยู่บนเวที
บทที่ 120 ดาร์ก เดม่อนไม่ต้องการอยู่บนเวที

เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง

แต่นักเรียนบางคนก็ทยอยเดินออกจากหอคอยทั้งสี่แล้ว

พวกเขาให้ความสำคัญกับการประชุมระดับสถาบันครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเรียนอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ที่ยังไม่ได้รับการอธิบาย

พวกเขาต้องการให้อาจารย์ใหญ่ชี้แจง

เมื่อดาร์กเปิดประตูและเดินออกมา ไดแอนนาและโรสก็รออยู่ที่ประตูแล้ว

เขายิ้มเล็กน้อยและเดินไปที่ปราสาทกับทั้งสองคน

ทันทีที่ออกจากหอคอย ไดแอนนาก็ถามว่า “ดาร์ก นายรู้ไหมว่าอาจารย์ใหญ่จะพูดอะไร?”

ดาร์กส่ายหัว “ไม่รู้สิ”

เขาไม่รู้จริง ๆ แต่พอจะเดาไว้บ้าง

เมื่อพิจารณาจากการกระทำของอาจารย์ใหญ่เมื่อคืนนี้ เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดจากศาสตราจารย์ดีดี้

อย่างไรก็ตาม มีนักเรียนจำนวนมากเกินไปที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หากเรื่องนี้เกิดจากศาสตราจารย์ของสถาบัน และสุดท้ายมีคนเปิดเผยเรื่องนี้ต่อโลกภายนอก จุดยืนของสถาบันเซนต์แมเรียนก็จะน่าอึดอัดมาก

ช่วงเวลาที่การเมืองในอาณาจักรค่อนข้างอ่อนไหวเช่นนี้ สถาบันเซนต์แมเรียนต้องปกป้องชื่อเสียงของตนไว้ และพวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ภาพลักษณ์ของสถาบันถูกทำลายด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้

ดังนั้นศาสตราจารย์ดีดี้สามารถลาออกได้ แต่ไม่สามารถต้องโทษได้

ในการวิเคราะห์สรุปผลของเรื่องนี้ มันอาจมาจากนักเรียนคนแรกที่ค้นพบทางลับ

นอกจากนี้ยังอาจเป็นเพราะจิตที่ตกค้างอยู่ของเทพธิดาแห่งจันทราก็เป็นได้

แต่ไม่สามารถเกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์ดีดี้ได้!

จากมุมมองของสถาบันซึ่งควรปกป้องนักเรียน อาจารย์ใหญ่อาร์เต้จะไม่ยอมให้นักเรียนคนนั้นรับผิดชอบ

และก็สามารถโทษได้แต่จิตที่ตกค้างอยู่ของเทพธิดาแห่งจันทราเท่านั้น

บางทีด้วยเหตุผลทางศาสนา ครูใหญ่อาจตั้งชื่ออื่นให้เทพธิดาแห่งจันทราด้วย

ตัวอย่างเช่น ‘เทพธิดาแห่งจันทราผู้ชั่วร้าย’ หรือ ‘อสูรร้ายแห่งดวงจันทร์’ เป็นต้น

ด้วยวิธีนี้สถาบันเซนต์แมเรียนก็จะกลายเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ และยังสามารถหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนได้

ส่วนชื่อของนักเรียนที่ถูกจับและถูกล้างสมองนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถเปิดเผยได้

เพราะพวกเขาเป็นเหยื่อจริง ๆ

การเปิดเผยชื่อรังแต่จะทำให้เกิดปัญหากับพวกเขา

พูดโดยคร่าว ๆ นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่ดาร์กคิดตามข้อมูลที่มีอยู่ของเขาเท่านั้น

ทว่าการคิดเช่นนี้ก็ยังมีปัญหา

หากสถาบันตัดสินใจอย่างนั้นจริง ๆ เขาที่อยู่ในฐานะคนวงในก็ควรได้รับหนังสือแจ้งจากอาจารย์ใหญ่ไปนานแล้ว

ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าไปในห้องโถง ดาร์กก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน

เช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น ๆ พวกเขาตั้งตารอคำตอบจากอาจารย์ใหญ่อาร์เต้

นักเรียนเซนต์แมเรียนถูกจัดกลุ่มตามบ้านเสมอ

ดาร์กนั่งลงในพื้นที่ที่มีเครื่องหมาย ‘มุงกุฎ’ ขณะสนทนากับไดแอนนาและคนอื่นเงียบ ๆ

ห้องโถงทั้งหมดค่อย ๆ มีเสียงดังเมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น

จนกระทั่งเหลืออีกห้านาทีก่อนจะบ่ายสาม ศาสตราจารย์และนักเรียนเกือบทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ห้องโถง จากนั้นศาสตราจารย์ซิลเวอร์ก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีและปรบมือให้เหล่านักเรียน

เพียงแค่การกระทำนี้ เหล่านักเรียนก็เงียบลงโดยไม่จำเป็นต้องให้ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ใช้คาถาเงียบสงัดเลย

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วเชิญอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ขึ้นมา

ร่างของเธอล้อมรอบไปด้วยสปิริตเก้าดวง อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ยังคงดูงดงามและสูงศักดิ์เช่นเคย

หลังจากขึ้นเวที เธอพูดสองสามคำเป็นคำปราศรัยเปิดงานประชุม จากนั้นก็ตรงเข้าหัวข้อหลัก “ฉันอยากจะประกาศเรื่องหนึ่งในวันนี้ นั่นคือศาสตราจารย์ดีดี้ แม็กซ์เวลได้ลาออกไปแล้วเมื่อคืนนี้”

ไม่มีคำพูดสวยหรู มันเป็นเพียงประโยคธรรมดา ๆ

ทว่าประโยคนี้กลับทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในหมู่นักเรียน

แม้ว่าการบรรยายของศาสตราจารย์ดีดี้จะน่าเบื่อมาก และเธอก็มักจะหักคะแนนของนักเรียนบ่อย ๆ แต่ในฐานะหัวหน้าอาจารย์ประจำบ้านคนเขลา เธอเป็นคนใจดีเมื่ออยู่นอกห้องเรียน ไม่มีใครเคยเห็นเธอโกรธเลยสักครั้ง

นอกจากนี้เธอยังเป็นศาสตราจารย์วิชาดาราศาสตร์อีกด้วย

มันแตกต่างจากประวัติศาสตร์เวทมนตร์ที่น่าเบื่อ เพราะวิชาดาราศาสตร์ของเธอน่าสนใจมาก

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งได้เรียนวิชาดาราศาสตร์เพียงคาบเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้มากนัก แต่รุ่นพี่ทุกคนต่างก็ชอบวิชาดาราศาสตร์มาก พวกเขายังตั้งชมรมสำหรับวิชาเรียนนี้ด้วย

และดูเหมือนว่านักเรียนรุ่นพี่จะคุ้นเคยกับการมีอยู่ของอาจารย์สูงอายุไปแล้ว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นศาสตราจารย์ดีดี้ที่คอยเฝ้าดูแลพวกเขาตลอดของช่วงชีวิตนักเรียน

ทว่าครั้งนี้…เป็นศาสตราจารย์ที่ทิ้งพวกเขาไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาไม่เศร้า

แต่แล้ว อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ก็แสดงให้นักเรียนเห็นถึงศาสตราจารย์ดีดี้ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าดาร์กจะได้ฟังบางส่วนมาจากศาสตราจารย์ลิลลี่แล้ว เขาก็ยังค่อนข้างแปลกใจ

สิ่งที่ค่อย ๆ ออกมาจากปากอาจารย์ใหญ่อาร์เต้คือดีดี้ แม็กซ์เวลจากมุมมองของเธอ

เอาแต่ใจ เย่อหยิ่ง ไร้เหตุผล และดื้อรั้น มีนักเรียนไม่มากที่เข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของอุปนิสัยของศาสตราจารย์ดีดี้

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้รู้จักศาสตราจารย์ดีดี้มานานแล้ว

โดยไม่มีการปกปิดใด ๆ เธอบรรยายถึงศาสตราจารย์ดีดี้ที่เธอรู้จัก

จากภูตตัวน้อย สู่การเป็นสมาชิกของทีมผจญภัยสี่คน สู่การถูกขังอยู่ในวิหารโบราณที่ต้องทนทุกข์กับคำสาปแห่งวัยชรา

นอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์เคเซอร์ที่เธอไม่ได้ลงรายละเอียดแล้ว อาจารย์ใหญ่ก็ได้บอกทุกอย่างที่เธอรู้กับนักเรียน

เธอพูดถึงสิ่งที่ศาสตราจารย์ดีดี้เขียนในจดหมายลาออก โดยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับความทุกข์ใจภายในของศาสตราจารย์ดีดี้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและเหตุการณ์ล่าสุด

มันต่างจากที่ดาร์กคิดไว้อย่างสิ้นเชิง

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ไม่ได้ดัดแปลงเนื้อหาใด ๆ เลย ยกเว้นเพียงปกปิดชื่อนักเรียน นอกนั้นเธอเล่าทั้งหมด

และนักเรียนก็ตั้งใจฟังมาก หน้าตาจริงจังยิ่งกว่าในชั้นเรียนด้วยซ้ำ

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ไม่ได้มีความลำเอียงใด ๆ และให้สิทธิ์ในการตัดสินพฤติกรรมของศาสตราจารย์ดีดี้กับนักเรียนด้วยตนเอง

มันอาจจะดีหรือไม่ดี

มันอาจจะถูกหรือผิด

นักเรียนสามารถใช้จุดยืนส่วนตัวปกป้องศาสตราจารย์ดีดี้ได้

หรือสามารถวิพากษ์วิจารณ์เธอจากมุมมองที่เป็นกลางได้ด้วย

และพวกเขาก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระด้วย

ในที่สุด

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ได้เชิญหนึ่งในผู้เข้าร่วมเหตุการณ์ นั่นคือเวอร์เธอร์ กาวด์ขึ้นมาเพื่อให้การเป็นพยานกับเหยื่อ

เห็นได้ชัดว่าเวอร์เธอร์ไม่ได้เตรียมตัว เขาดูงุนงงมากเมื่อถูกเรียกขึ้นไปบนเวที

สำหรับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการขึ้นพูดต่อสาธารณะ

เวอร์เธอร์ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ถึงทำเช่นนี้

แต่ด้วยกำลังใจจากสายตาของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ เวอร์เธอร์ก็ยังคงบอกกับทุกคนว่าเขาถูกพาตัวไปที่วิหารเพื่อเป็นเครื่องสังเวยอย่างไร หลังจากถูกโจมตีเมื่อคืนนี้อย่างละเอียด

คำพูดของบุตรแห่งวีรบุรุษนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ

ไม่มีใครตำหนินักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้ในเหตุการณ์นี้จริง ๆ พวกเขาแค่ผิดหวังเล็กน้อย

แต่หลังจากนั้น

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ได้เชิญผู้เข้าร่วมอีกคนในเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็คือดาร์ก เดม่อน

ดาร์กไม่ได้คิดว่าเขาจะถูกเรียกให้ขึ้นเวทีด้วย

แต่ภายใต้สายตาที่อ่อนโยนของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือ โดยบอกผู้คนว่าเขาพบการ์ดเวทมนตร์ที่เวอร์เธอร์ทำหล่นไว้ได้อย่างไร รวมไปถึงเขาติดตามร่องรอยและเข้าไปในทางลับอย่างไร เช่นเดียวกับสิ่งที่เขาทำในภายหลัง

แน่นอนว่ารายละเอียดบางอย่างถูกข้ามไปอย่างตั้งใจ

การต่อสู้กับเทพธิดาจบลงด้วยศาสตราจารย์ดีดี้ปิดฉากเทพธิดาและขัดเกลา ‘น้ำตาแห่งเทพธิดา’

ทั้งสองเป็นบุตรของดาบคู่แห่งอาณาจักร

แต่ผลงานของบุตรแห่งวัลคีรีนั้นตรงกันข้ามกับผลงานของบุตรแห่งวีรบุรุษอย่างมาก

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง จอมมารแค่อยากเป็นคนดีระหว่างทำพิธีคัดสรรเลือกบ้าน ในที่สุด 'ดาร์ก เดม่อน' ก็ได้รับความทรงจำของชีวิตก่อนกลับคืนมา ปรากฏว่าเขามาเกิดใหม่โลกของเกม ทั้งยังเป็นเกมที่ลอกเลียนแบบธีมภาพยนตร์และอนิเมะชื่อดังอีกด้วย! แต่เหมือนพระเจ้ายังไม่พอใจ เพราะบทบาทของ 'เขา' ในเกมนี้คือว่าที่ 'จอมวายร้าย' ที่ร้ายสุดในเกมนี้! ด้วยค่ามหาบาปทั้งเจ็ด [เกียจคร้าน ริษยา ราคะ ตะกละ โลภะ โทสะ และอัตตา] เมื่อค่าหนึ่งในเจ็ดบาปพวกนี้พุ่งทะลุหลอดตัวชี้วัด ดาร์กก็จะกลายร่างเป็น 'จอมมาร' ตลอดไป! หากเป็นยุคแห่งความโกลาหลก็คงไม่เป็นอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันใช่ยุคนั้นเสียที่ไหนเล่า! ในยุคสมัยของเซนต์แมเรียนที่สงบสุขเช่นนี้ และจอมมารก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ไปนานแล้ว เขาที่กำลังโดนระบบจอมมารปั่นหัวให้กลายวายร้ายจะต้องทำเช่นไรล่ะทีนี้!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset