จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 107
มวลเมฆหนา สายฟ้าวูบไหว หยางฮงปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาพลางจับจ้องฉินเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบ จอนผมทั้งสองข้างโบกกระพรือขณะพลังปราณทั่วร่างถูกเร่งเร้าออก
พลังงานมหาศาลโถมท่วมบริเวณ
นับตั้งแต่ที่หยางฮงปรากฏตัว ฉินเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่กดทับลงมาและทําให้ลมหายใจของเขาเร่งร้อนขึ้น ทว่านั่นไม่ใช่เพราะรู้สึกกดดัน แต่เป็นความปิติยินดีที่ส่งออกมาจากทั่วทุกส่วนของร่าง
บอส เป็นโครตอภิมหาบอสที่ส่องแสงสีทองจนเสียดแทงตา เป็นบอสที่กักเก็บสมบัตินับไม่ถ้วนอยู่กับตัว! ไม่มีความกลัวแม้แต่เศษเสี้ยวยามที่เผชิญหน้ากับหยางฮง มีเพียงความตื่นเต้น หิวกระหายและโกรธแค้น
“มาได้สักทีนะ” กลิ่นอายของฉันเทียนเริ่มเปลี่ยนไป ในใจตะโกนเปิดใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์บ้าคลั่งและพลังมังกรพิสุทธิ์อย่างกระตือรือร้น พลังสุดแกร่งสองขุมหมุนวนผสานกัน แต่แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาอีกสี่เท่า ฉินเทียนก็ไม่คิดที่จะประมาทหยางฮง
สําหรับความแข็งแกร่งของระดับเก้าขั้นกลั่นวิญญาณนั้น ฉินเทียนใช้ร่างกายของเขาทดสอบมาแล้ว และทราบถึงความน่าพรั่นพรึงของมัน
“ฉินเทียน!”
หยางฮงโกรธสุดขีด ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มขณะที่คํารามออกมาอย่างสะกดไว้ไม่อยู่ จิตสังหารที่พรั่งพรูออกมาบ่งบอกว่าจะไม่มีการประนีประนอมอย่างเด็ดขาด
“โจรเฒ่าหยางฮง เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ส่งอวิ๋นม่านคืนมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตบุตรชายของเจ้า” ฉินเทียนกล่าวพลางจับศีรษะหยางเปียวที่คืนสู่ร่างเดิมแล้วยกขึ้นมา แววตาเผยประกายฆ่าฟันขึ้นวูบหนึ่ง
หยางฮงกวาดตามองมองหยางเปียวคราหนึ่งขณะในใจเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด เขาโกรธความจริงที่ว่าเขาไม่อาจฉีกร่างฉินเทียนเป็นชิ้นๆ เขาโบกมือขวาคราหนึ่งขณะที่รวบรวมพลังปราณ “ฉินเทียน มอบชีวิตมา!”
“อา… ” หยางเปียวหลับตาลงอย่างสิ้นหวังและส่งเสียงครางอย่างไม่ยินยอม ใจเขาผิดหวังถึงขีดสุด หัวใจของเขาแหลกสลายแล้ว
โทสะพุ่งทะยานสูง หยางฮงไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป เขาพลันกู่ร้องสุดเสียงราวกับคนเสียสติ ความแข็งแกร่งที่ปรากฏนั้นอยู่ห่างจากขั้นสู่สวรรค์เพียงเส้นกั้นบางๆ!
“เทียนน้อย ระวังด้วย” ฉินเหลียนกล่าวก่อนที่จะกลายเป็นแสงสีขาวสายหนึ่ง นิ้วมือของนางขยุกขยิกเป็นท่ามือ บังเกิดดอกบัวขนาดใหญ่แปดกลีบบินเข้าไปห้อมล้อมฉินเทียนไว้
“ทักษะระดับหยก?”
” ทําลายให้กับข้า…”
ปราณเพลิงทมิฬถูกยิงออกชักนําพลังฟ้าดินสุดแกร่งกร้าวมา
หลังจากฝึกวิชาลับปราณมังกร ทักษะของเขาก็ทรงพลังขึ้น และกลิ่นอายของเขาก็ดุร้ายยิ่งกว่าเก่า ตัวเขาตอนนี้คล้ายกลายเป็นเจตจํานงแห่งเทพ เป็นเจตจํานงที่จะกวาดล้างสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
ฉินเหลียนกระตุ้นให้ดอกบัวขยับเคลื่อนไหว นางขมวดคิ้วขณะรอให้ขุมพลังสุดแกร่งนั้นปะทะเข้ามา หากแต่ฉินเทียนกลับลงมือแล้ว
เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชนขึ้น
“จักรพรรดึงนหรือ?”
“เจตจํานงแห่งเทพงั้นหรือ?”
“บิดาไม่สนว่าเจ้าจะเป็นจักรพรรดิหรือเจตจํานงเทพอะไรทั้งนั้น จงพังทลาย!”
“โหมดปีศาจ!”
ทันใดนั้นฉินเทียนก็กลายเป็นปีศาจสวรรค์ ทั่วร่างของเขาพลันปลดปล่อยพลังงานชั่วร้ายออกมา เป็นพลังสุดสะพรึงราวกับปีศาจที่ปืนขึ้นมาจากขุมนรก
พร้อมกับที่เปลวเพลิงสีม่วงถูกปลดปล่อยออก พลังงานอันมหาศาลที่รวบรวมอยู่ในนิ้วทั้งห้าของฉินเทียนพลันทิ่มแทงเข้าสู่กะโหลกศีรษะของหยางเปียว โลหิตฉีกทุ่ง และกลิ่นของโลหิตนี้ก็ได้กระตุ้นสันดานอันโหดเหี้ยมของปีศาจสวรรค์ขึ้นมา ฉินเทียนแลบลิ้นเลียโลหิตที่หยดลงบนใบหน้าพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ในวินาทีนี้ ฉินเทียนกลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์
เป็นปีศาจสวรรค์ที่ดิบเถื่อนถึงขีดสุด
แม้แต่นรกก็ยังต้องสั่นเทิ้มเบื้องหน้าพญามัจจุราชผู้นี้
“ปีศาจ?” หยางฮงหน้าแปรเปลี่ยน เขาคิดไม่ถึงอย่างเด็ดขาดว่าฉันเทียนจะประสบพบโชควาสนาหลังจากไม่พบหน้าเพียงแค่ไม่กี่วันจนกลายเป็นปีศาจ ทั้งยังในปีศาจบรรพกาลปีศาจสวรรค์
ตอนนี้หยางฮงก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ ฉินเทียนในตอนนี้นับว่ามีคุณสมบัติเป็นศัตรูของเขาแล้ว
สายตาที่จับจ้องฉินเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “หลายล้านปีมานี้ ไม่เคยอัจฉริยะเช่นเจ้าปรากฏขึ้นมาก่อน น่าเสียดาย น่าเสียดายที่เจ้ากล้ามาตอแยข้า น่าเสียดายที่เจ้ากล้ามาตอแยตระกูลหยาง!…”
“วันนี้ บิดาจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
การตายของหยางเปียวทําให้หยางฮงไม่สนสิ่งใดนอกจากฆ่าฉินเทียน พลังปราณของเขาพลุ่งพล่านปั่นป่วน ความโกรธได้ผลักดันเขาจนกลายเป็นเช่นนี้ ผืนทะลวงระดับล้มเหลวทําให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หากเพราะไม่ใช่มีพลังปราณลึกล้ําไพศาล เกรงว่าตัวเขาตอนนี้คงถูกจิตมารควบคุมสติไปแล้ว
เมื่อมีเป้าให้ระบายแค้น พลังปราณของเขาก็ไหลเวียนอย่างเป็นระบบจนทําให้จิตใจของเขาเยือกเย็นลง
มือของหยางฮงขยับเคลื่อนไหวและเปลวเพลิงกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนฝามือ เมื่อเปลวเพลิงกลุ่มนี้ขยับไปที่ใด อากาศบริวเณนั้นก็ปั่นปวนขึ้นมา
เป็นปราณที่รุนแรงนัก
เมื่อฉินเทียนที่อยู่ในร่างปีศาจสวรรค์สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเพลิงกลุ่มนี้ เขาก็ตกตะลึง ภายในจุดตันเถียนของเขา มังกรฟ้าร้อง คชสารเหยียบออก ลึกๆในใจเขาทราบดี การโจมตีครั้งต่อไปจะเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างที่สุด ส่วนจะต้านรับไว้ได้หรือไม่ ตัวเขาก็ยังไม่มั่นใจ
” ท่านนา รีบถอย ยิ่งไกลยิ่งดี”
ฉินเหลียนหน้าเปลี่ยนสี หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็รีบถอยออกไป ดอกบัวสามดอกถูกกลั่นขึ้นรูปในมือของนาง
นี้เป็นสิ่งของที่มีคุณสมบัติรักษาเยียวยา
ฉินเทียนกระโจนขึ้นสู่อากาศ เมื่อถึงระดับความสูงเดียวกับหยางฮง เขาก็คํารามออกมา “เคล็ดเงาโลหิต…”
ในขณะเดียวกัน ด้านหยางฮงเองก็ลงมือแล้ว ” ค่ายกลเจ็ดสังหาร!”
เงาโลหิตนับพันลอยเกลื่อนฟ้า
กระบี่บินหลายพันเล่มพุ่งทะยานออกจากหลังของหยางฮงจนปกคลุมเหนือน่านฟ้าของเมืองขอบนภา
” ช่างเป็นพลังปราณที่เข้มข้นนัก”
“เจ้าหนูตระกูลฉินย่ําแย่แล้ว”
“เขาเพียงอยู่ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ ขณะที่หยางฮงย่างเหยียบเข้าขั้นสวรรค์ได้เล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของหยางฮงก็ใช่ว่าจะได้สิ้นสุด”
หลูตงไห่และจ้าวฉางชิงเอ่ยวิจารณ์เสียงเรียบ หากแต่แผ่นหลังของทั้งสองกลับมีเหงื่อกาฬ ผุดไหลไม่หยุด ทั้งสองหันไปมองหลี่กงที่เงียบงันไม่พูดไม่จาพร้อมกัน
“ระเบิด!”
“ทลาย!”
เงาโลหิตนับพันพุ่งกระหน้าอย่างบ้าคลั่งอาบย้อมท้องฟ้าฟากหนึ่งกลายเป็นสีโลหิตเหมือนกับท้องฟ้าในแดนปีศาจ
เปลวเพลิงกลุ่มใหญ่ที่บินฉวัดเฉวียนท่ามกลางพยุหะกระบี่เองก็บรรจุไว้ด้วยพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ครืน…….
โลกสั่นสะเทือน บ้านเรือนนับไม่ถ้วนเริ่มรับพลังงานไม่ไหวจนพังทลายลง
เงาโลหิตถูกมวลกระบี่ตัดผ่าร่าง แก่นโลหิตของฉันเทียนเกิดความปั่นปวนขึ้นมา ทําให้ฉินเทียนต้องเร่งส่งพลังไร้ลักษณ์เข้าไปปกป้องเส้นลมปราณไม่หยุด เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชนขึ้นอีกครั้งก่อนที่หอกสีม่วงเล่มหนึ่งจะพุ่งพรวดออกมาบินกร่างทั่วฟ้า
“ไม่เจียมตัว!”
หยางฮงส่งเสียงลอดไรฟันออกมา สายฟ้าเส้นใหญ่พลันผ่าลงไปยังร่างของฉินเทียนด้วยความเร็วสุดสะพรึง
เปรี้ยง!
ฉินเทียนไม่อาจต้านทานแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจนกระอักโลหิตออกมา ร่างของเขาหมุนคว้างในอากาศที่สูงหลายร้อยเมตรก่อนจะพุ่งกระแทกใส่บ้านหลังหนึ่งจนบ้านหลังนั้นพังทลายลงมา
“บัวศักดิ์สิทธิ์เยียวยา!”
ดอกบัวแปดกลีบลอยขึ้นฟ้าก่อนจะพุ่งไปยังตําแหน่งที่ฉินเทียนตกกระแทกพื้น
ฉินเทียนรับรู้ถึงร่างกายและเรี่ยวแรงที่ฟื้นฟูกลับมา เขาก็ไม่รีรอและพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง
“รนหาที่ตาย!”
ผู้ที่หยางฮงกล่าวคํานี้ด้วยไม่ใช่ฉินเทียน แต่เป็นฉินเหลียน
หยางฮงจ้องฉินเหลียนพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารที่ลึกล้ําราวกับมหาสมุทรออกมา….