EP 11: จอมใจ จอมอหังการ
เจ๊แว่นคนเดิมคอมเฟิร์มเสียงหนักแน่น ก็มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ หล่อนอยู่รับใช้ราฟาลมานานเป็นสิบๆ ปี ไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่เจ้านายสุดหล่อของหล่อนจะวอกแวกเรื่องผู้หญิงในเวลาทำงาน เรื่องงานคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของราฟาลก็ว่าได้
“เอาเรื่องนี้ไปนั่งถกกันนอกเวลาทำงานดีกว่าไหมครับ ตอนนี้ท่านประธานบอกเลิกประชุมแล้ว…”
คราวนี้ผู้ที่อดรนทนไม่ได้คือผู้อาวุโสที่สุดในห้องประชุม เขาเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียน ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของแล้วเดินตามราฟาลออกไปจากห้องประชุม สองสามคนที่กำลังถกเถียงกันอยู่จำต้องหุบปากสนิท แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสารของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องประชุมไปตามๆ กัน
เมอร์ซิเดสเบนซ์แบบสปอร์ตสีดำเงาวับแล่นผ่านรั้วประตูทองเหลืองเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าการ์รัสโซ่ พาราไดส์ด้วยความเร็วสูง ประตูฝั่งคนขับถูกผลักออกอย่างรุนแรงตามอารมณ์เดือดดาลของผู้เป็นเจ้าของ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทราคาแพงก้าวลงมาจากรถก่อนที่บอดี้การ์ดจะทันวิ่งมาเปิดประตูรถให้เสียอีก
ใบหน้าหล่อระเบิดบูดบึ้งด้วยความอึดอัดน่าสะอิดสะเอียนที่มันกำลังก่อกวนอยู่ภายในช่องท้อง ริมฝีปากหยักสวยขบเม้มเข้าหากันตลอดเวลาขณะก้าวเดินผ่านประตูห้องโถงใหญ่เข้ามา
“วันนี้ภูเขาไฟไม่ระเบิด ฟ้าก็คงจะต้องถล่มแน่ๆ” เดนิเรลที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่อุทานออกมาด้วยความแปลกใจปนไม่อยากเชื่อ
คนถูกเรียกหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปพูดเสียงเลือดเย็น “ก็แค่สองชั่วโมง มันไม่แปลกหรอกมั้ง”
ราฟาลตอบอย่างหัวเสีย กำลังจะเดินไปยังลิฟต์แก้วเพื่อมุ่งหน้าสู่ห้องพักของตัวเองแต่เจ้าน้องชายตัวแสบยังไม่ยอมหยุดพล่ามซะงั้น
“ปกตินาทีเดียวพี่ราฟยังไม่เคยนี่ครับ… ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ…”
เจ้าน้องชายตัวดีลุกขึ้นจากโซฟาหลุยราคาแพงยิ่งกว่ารถญี่ปุ่น แล้วเดินตรงมาหยุดตรงหน้าเขา จ้องหน้าราวกับกำลังจะจับผิดยังไงยังงั้น
ราฟาลขบกรามจนขึ้นสัน “ถ้าไม่อยากปากแตก เลิกจ้องหน้าพี่ซะ”
“โห… วันนี้มาดุยังกับ…”
เดนิเรลยังแหย่ไม่เลิก เพราะนานๆ ทีพี่ชายสุดหล่อของเขาจะของขึ้นสักที อยากจะรู้จริงๆ เลยว่าเรื่องอะไรกันนะถึงทำให้ราฟาลหลุดจากหน้ากากน้ำแข็งได้ง่ายดายแบบนี้
“ยังกับอะไร?” ราฟาลถามอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าหล่อลากไส้แดงก่ำด้วยโทสะ
“เสือยังไงครับ… เสือหนุ่มผู้เหี้ยมโหด…” ผู้เป็นน้องชายหัวเราะ แต่ราฟาลกลับยิ่งหน้าบูดสนิท
“ถ้าจะกวนโทสะกันเล่นๆ เอาไว้พรุ่งนี้นะ วันนี้พี่กำลังบ้า…” ราฟาลเตือนเสียงเหี้ยม ดวงตาคมกริบอัดแน่นไปด้วยกองไฟบรรลัยกัลป์
“และหากนายไม่หยุดแหย่ล่ะก็ นายอาจจะกินข้าวไม่ได้ไปอีกเป็นเดือนเชียวแหละ…” หนุ่มหล่อผู้พี่ทิ้งคำขู่สุดท้ายเอาไว้ ก่อนจะกระแทกเท้าเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เดนิเรลอดหัวเราะให้กับท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของพี่ชายไม่ได้ “สงสัยพนักงานทำงานไม่เข้าตาแหงๆ ถึงได้คลั่งแบบนี้…”
ชายหนุ่มมองจนพี่ชายหายเข้าไปในลิฟต์แก้วแล้ว จึงหันมาสนใจโทรศัพท์มือถือในมือของตัวเองต่ออีกครั้ง คลาวนี้สีหน้าขบขันของเดนิเรลเปลี่ยนเป็นเจือความกังวลขึ้นมาในทันที เขาตัดสินใจอยู่ไม่นานนักก็กดโทรออก จากนั้นก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหู
“มุนินหรือ?”
เอ่ยชื่อของผู้หญิงสาวแสนสวยลูกครึ่งไทย-ตุรกีที่ตัวเองกำลังให้ความสนใจออกมา แต่เสียงที่ดังตอบกลับมานั้นกลับไม่ใช่เสียงของมุนิน แต่เป็น…
“พี่นินเข้าห้องน้ำ มีอะไรก็พูดมาเลย…”
เสียงยายเด็กแสบดานีนน้องสาววัยเพียงสิบเจ็ดปีของมุนินดังโต้กลับมา และนั่นก็ทำให้อารมณ์ของเขาเดือดพล่านขึ้นมาทันที ยายเด็กบ้านี้ชอบกวนประสาทเขาเสมอเวลาที่พบหน้ากัน อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมมุนินถึงต้องหอบหิ้วยายเด็กบ้านี้มาด้วยทุกครั้งที่มีนัดกับเขา
“ฉันไม่นิยมพูดกับเด็กยังไม่อดนมแบบเธอหรอก”
“อีกสามเดือนฉันก็สิบแปดแล้วยะ แล้วจะบอกให้นะว่าฉันอดนมมาตั้งแต่สามขวบ ตาบ้า!”
เดนิเรลหัวเราะหยัน “เหรอ แต่เท่าที่ฉันเห็น… เธอไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกว่าจะสิบแปดในอีกสามเดือนเลยนะ โดยเฉพาะ…”
ดานีนหน้าแดงก่ำกับโทรศัพท์ของพี่สาว คำดูถูกของเดนิเรลพ่อคนที่หล่อเกินคำบรรยายได้สร้างความอับอายให้หล่อนอย่างใหญ่หลวงทีเดียว
“คนหยาบคาย!”
“เธอมันก็เด็กแก่แดดนั่นแหละ เอาล่ะ ฉันไม่มีเวลาจะมาเถียงเรื่องไร้สาระกับเด็กปัญญาอ่อนแบบเธอหรอกนะ มุนินออกมาหรือยัง”
สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ตุรกีหันไปมองที่ห้องน้ำแล้วก็เห็นพี่สาวของตัวเองเดินออกมาพอดี แต่ฝันไปเถอะว่าหล่อนจะยอมให้พ่อเทพบุตรปากเสียนี้ได้สมใจอยาก เพราะมองก็รู้แล้วว่าเดนิเรลไม่ได้คิดจะยกย่องมุนินพี่สาวของหล่อนหรอก แค่อยากได้ไว้บำเรอความใคร่เท่านั้นเอง
“ยัง…”
“ใครโทรมาหรือน้องดา…” มุนินเอ่ยถามด้วยความข้องใจ เพราะเห็นว่าโทรศัพท์ที่น้องสาวกำลังใช้งานอยู่มันเป็นของตัวเอง
เจ้าของชื่อรีบยกมือขึ้นจุ๊ปากทันที ก่อนจะรีบชิ่งเดินหนีออกมาจากห้องของพี่สาวทันที เมื่อเห็นว่าอยู่ตามลำพังแล้วดานีนจึงเริ่มต้นโต้ตอบอีกครั้ง
“และอย่าฝันเลยนะว่าวันนี้พี่นินจะไปงานบอลล์กับนาย เพราะพ่อของฉันเตรียมผู้ชายดีๆ รวยๆ และสุดแสนจะสุภาพไว้ให้พี่นินควงไปงานคืนนี้แล้ว นายอย่าได้หวัง…”
เดนิเรลไหวไหล่กว้างของตัวเองน้อยๆ อย่างไม่แยแสสักนิด ไม่มีเศษเสี้ยวความเสียใจ แค่เสียดายเพราะเขายังไม่ได้ลิ้มลองมุนินเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“อย่างนั้นหรือ งั้นก็ฝากบอกพ่อของเธอด้วยก็แล้วกันว่า ในอิสตันบูล หรือแม้แต่ภายในตุรกี ไม่มีใครหล่อ รวย และเพอร์เฟ็คเท่ากับพวกฉันอีกแล้วล่ะ ถ้ามีไอ้คนๆ นั้นคงจมอยู่ใต้พื้นดินนั้นแหละฉันถึงมองไม่เห็น…”
คำพูดของคู่สนทนาเต็มไปด้วยความเหย่อหยิ่งในชาติตระกูลจนคนฟังอย่างดานีนแสนจะหมั่นไส้ ผู้ชายอะไร ทั้งหยิ่ง ทั้งอวดดีที่สุด
“ช่าย… นายหล่อ นายรวย แล้วนายก็เพอร์เฟ็คมากๆ” สาวน้อยเน้นเสียงสูงลิบ ก่อนจะพูดต่อด้วยกระแสความหมั่นไส้ที่ไม่ได้ลดระดับลงเลย
“แต่พวกนายเป็นคนเถื่อน คนถ่อย ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสุภาพอยู่ในสามัญสำนึกเลย โดยเฉพาะนายเดนิเรล…”
แทนที่พ่อหล่อระเบิดจะเจ็บจะปวดบ้าง ตรงกันข้ามกับหัวเราะออกมาซะงั้น เล่นเอาคนพูดถึงกับอ่อนอกอ่อนใจไปเลยทีเดียว
“รู้เรื่องฉันละเอียดยิบเชียวนะดานีน… หวังว่าเธอคงไม่ได้หลงเสน่ห์ฉันจนถึงขนาดให้นักสืบตามสืบหรอกนะ”
“ไม่มีทาง!”
ดานีนร้องค้านเสียงสูงอีกครั้ง ใบหน้างามแดงก่ำ เพราะคำพูดของคนตัวโตไม่ผิดจากมีดแหลมๆ ที่วิ่งเข้ามาแทงหัวใจโครมใหญ่ หล่อนรู้สึกยังไงกับเดนิเรลกันนะ รู้สึกพิเศษกับเขาหรือเปล่า หญิงสาวร้องถามตัวเอง แล้วก็ได้คำตอบว่าไม่ หล่อนไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายหล่อลากไส้คนนี้ อ้าว… ถ้าไม่ได้คิดอะไรแล้วทำไมหล่อนจะต้องคอยกีดกั้นมุนินกับเดนิเรลด้วย แถมยังดีใจนักที่พี่สาวตกลงปลงใจจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่เดนิเรล นี่หล่อนเป็นบ้าอะไรไปแล้วกันแน่ ทำไมสมองเดียวแท้ๆ แต่ดันมีความคิดเป็นสองฝั่งสองฝ่าย
“นี้แหละคือสิ่งที่เธอควรจะคิด เพราะหากเธอคิดอะไรเกินเลยกับฉันเมื่อไหร่ เธอจะเป็นยิ่งกว่าเศษขยะในถังสกปรกเสียอีกดานีน…”
น้ำเสียงของเขาไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไปแล้ว มีแต่ความจริงจังที่ดานีนได้ยินแล้วถึงกับอึ้งไปในทันที หัวใจเจ็บแปล๊บอย่างประหลาดโดยหาสาเหตุไม่ได้
“เพราะฉันไม่มีวันแลเธอ…”
“อย่าหลงตัวเองนักเลย… ฉันเป็นผู้หญิงที่มีสมอง มีสายตาที่กว้างไกล ไม่มีทางที่ฉันจะชายตาแลผู้ชายเถื่อนถ่อยแบบนายหรอก แค่นี้นะ ฉันมีอะไรที่สำคัญกว่าการเสวนากับผู้ชายหยาบคายแบบนายอีกเยอะแยะ สวัสดี” แล้วดานีนก็ตัดสายสนทนาทิ้งในทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปหาพี่สาวภายในห้องนอน
“ยายเด็กบ้าเอ๋ย!”