จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 357 กลิ่นอายแห่งความตาย

“งั้นนายช่วยหม่าเต๋อฝู แล้วจะเป็นศัตรูกับฉันอย่างนั้นเหรอ”

หลี่โม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ฉิงจี้เย่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “เปล่าๆ ฉันไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับนาย นายจัดการเหล่าหูได้เร็วขนาดนี้ แสดงว่านายต้องเก่งมาก ฉันอยากร่วมมือกับนายต่างหากล่ะ”

“ร่วมมือ นายอยากให้ฉันร่วมมือทำอะไรกับนาย”

หลี่โม่ประหลาดใจกับสิ่งที่ฉิงจี้เย่พูดว่าอยากร่วมมือ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเขามีอะไรต้องร่วมมือกับฉิงจี้เย่

“เรื่องนี้ต้องคุยตอนเจอกัน เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะให้ลูกน้องไปรับเหล่าหู นายมาพร้อมกับพวกเขาเลยก็ได้ เรามาคุยเรื่องความร่วมมือกัน”

“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายจะไม่ลอบทำร้ายฉัน บางทีนายอาจจะล่อเสือออกจากถ้ำก็ได้”

หลี่โม่หรี่ตาลงแล้วเอ่ยขึ้น

“ฮ่าๆ นายควรจะไว้ใจฉันนะ ฉันไม่พูดถึงเรื่องอื่นแล้วกัน แต่เรื่องความไว้ใจน่ะเชื่อใจฉันได้เลย”

หลี่โม่เดินไปที่หน้าต่างและมองไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม จากนั้นจึงทำสัญญาณมือ

ฝั่งตรงข้ามมีผู้คุ้มกันคอยเฝ้าดูอยู่ เมื่อเห็นสัญญาณจากหลี่โม่ พวกเขารู้ทันทีว่าหลี่โม่ต้องการให้คุ้มกันครอบครัวของกู้หยุนหลัน

เมื่อเห็นผู้คุ้มกันส่งสัญญาณกลับมา หลี่โม่จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นนายก็ส่งคนมา ฉันอยากเจอหน้านายแล้ว”

ฉิงจี้เย่วางสาย จากนั้นจึงหลับตาครุ่นคิด “ให้เสี่ยวอู่ไปรับเหล่าหู ไปรอหลี่โม่ที่เดิม เตรียมตัวให้พร้อม ระวังไม่ให้หลี่โม่ทำร้ายคนได้”

“คุณชายสบายใจได้เลยครับ ฝีมือของเหล่าหูแค่ธรรมดาเท่านั้น ถึงหลี่โม่จะชนะเหล่าหูได้ อาจจะไม่ได้เก่งอะไรมากมาย พวกลูกน้องของเราจะต้องปกป้องคุณชายได้อย่างแน่นอน”

“หากหุนหันพลันแล่นจะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย หลี่โม่เคยรับมือกับพวกนักเลงหลายคน ยังไงก็ต้องระมัดระวังให้ดี ไปจัดการซะ”

เสี่ยวอู่ขับรถออกมาคนเดียว ส่วนรถคันที่เหลือวนกลับไปที่โรงงานร้างที่อยู่ชานเมือง

โรงงานร้างแห่งนั้นถูกฉิงจี้เย่ซื้อไว้ตั้งนานแล้ว เขาใช้มันเป็นที่กบดานของพวกทหารรับจ้างและนักฆ่าที่มาทำงานในเมืองฮ่าน วันนี้ฉิงจี้เย่จะไปเจอหลี่โม่ที่นั่น

เสี่ยวอู่มาถึงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว เขาเคาะประตูแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนที่คุณชายฉิงส่งมารับเหล่าหู”

หลี่โม่เปิดประตูมองเสี่ยวอู่ที่ยืนอยู่ข้างนอก

เสี่ยวอู่มองหลี่โม่อย่างประเมิน เขาดูไม่ออกว่าหลี่โม่มีอะไรพิเศษ เขารู้สึกไม่พอใจหลี่โม่ขึ้นมาในใจ

“นายคือหลี่โม่เหรอ ฝีมือดีนิ สามารถจัดการเหล่าหูได้สบายๆ แต่ว่าเหล่าหูแก่แล้ว ฝีมือของเขาแย่กว่าแต่ก่อนมาก”

เสี่ยวอู่พูดออกไปตามอารมณ์

เหล่าหูได้ยินก็รู้สึกกระอักกระอ่วน เขาอยากพูดว่าถึงตัวเองจะแก่ แต่ประสบการณ์ของเขามีมากมาย ฝีมือของเขาดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ

แต่ว่าตอนนี้โดนหลี่โม่ทำลายจนแขนขาบาดเจ็บสาหัส เขาจึงลำบากใจที่จะเถียงออกไป เขาจึงทำได้เพียงก่นด่าในใจอยู่เงียบๆ

หลี่โม่ยิ้มบางๆ และเปิดประตูให้เสี่ยวอู่เข้ามา

เสี่ยวอู่มองเหล่าหูที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายนี่โชคดีจริงๆ คุณชายมีน้ำใจบอกให้ฉันมารับนาย คนแก่ไร้ประโยชน์อย่างนายต่อไปก็คงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว”

“ขอบคุณคุณชายฉิงที่ส่งคนมารับผม”

เหล่าหูพูดพร้อมกับรอยยิ้ม เขาไม่กล้าขัดแย้งกับเสี่ยวอู่

เสี่ยวอู่ก้มลงไปอุ้มเหล่าหู จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “รถจอดอยู่ข้างล่าง นายเดินตามฉันมาละกัน คุณชายต้องการพบนาย”

“นายลงไปก่อน ฉันขอคุยกับคนที่บ้านแป๊บหนึ่ง”

หลี่โม่ตอบกลับ

“ให้ตายเถอะ วุ่นวายชะมัด รีบๆ หน่อยแล้วกัน อย่าให้คุณชายรอนาน”

เสี่ยวอู่บ่นแล้วเดินออกไป

หลี่โม่ผลักประตูห้องของสองสามีภรรยาเข้าไป กู้หยุนหลันนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงเธอจึงหันมามองหลี่โม่

“ผมจะออกไปแป๊บหนึ่ง ผมจะไปหาต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ คุณรออยู่ที่บ้านนะ”

“นายระวังตัวด้วย จะไม่มีใครมาที่บ้านอีกใช่ไหม”

กู้หยุนหลันพูดอย่างเป็นกังวล

“ไม่มีแล้ว ผมโทรหาเพื่อนแล้ว พวกเขาจะเฝ้าอยู่ข้างล่าง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”

“อืม งั้นนายระวังตัวด้วย ฉันจะรอนายกลับมา”

กู้หยุนหลันเดินไปข้างหลี่โม่ เธอกอดเขาเอาไว้แน่นแล้วเขย่งเท้าจูบไปบนริมฝีปากของหลี่โม่

หลี่โม่สัมผัสได้ถึงการพึ่งพาและความกังวลจากกู้หยุนหลัน เขาตอบรับเธออย่างหนักแน่น

หลังจากผ่านไปนาน ทั้งสองจึงผละออกจากกัน เธอขอพรเพื่อหลี่โม่อยู่ในใจ ขอให้เทวดาช่วยคุ้มครองให้หลี่โม่ปลอดภัย

หลี่โม่เดินออกมา คนที่ยืนอยู่ข้างรถอย่างเสี่ยวอู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไมช้าแบบนี้ นายนี่คิดไม่ได้จริงๆ”

“ฉิงจี้เย่ยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ นายแน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้”

หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ให้ตายเถอะ นายกล้าขู่ฉันเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายต้องการพบนาย ฉันยิงนายตายไปนานแล้ว”

เสี่ยวอู่เลิกปลายเสื้อขึ้นมา ทำให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอว

เหล่าหูมองเสี่ยวอู่ที่กำลังเหิมเกริมใส่หลี่โม่ เขาอดส่ายหัวไม่ได้ แววตาของเขาฉายแววความสะใจออกมา

การอยู่คนเดียวมันช่างโดดเดี่ยว ถ้ามีใครคอยเคียงข้างน่าจะดี เหล่าหูคิดในใจเงียบๆ

“มีปืนแล้วเก่งเหรอ นั่นมันเป็นของเด็กเล่นเท่านั้น”

หลี่โม่ไม่เห็นปืนอยู่ในสายตา

เสี่ยวอู่โกรธจนเส้นเลือดที่หน้าผากกระตุก เขาเอาปืนออกมาจ่อที่หน้าผากของหลี่โม่

“นี่ของเล่นงั้นเหรอ ตาแกบอดหรือไง นี่ปืนจริงของฉัน ได้กลิ่นอายของความตายแล้วหรือยัง แค่ฉันลั่นไกปืนออกไป แกก็จะไปเจอยมบาลแล้ว”

เสี่ยวอู่เหิมเกริมเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าการที่มีปืนอยู่ในมือแล้วจะทำอะไรก็ได้

หลี่โม่ส่ายนิ้วไปมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลิ่นอายของความตายไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย ฉันสามารถทำให้นายสัมผัสกลิ่นอายของความตายได้นะ”

“แกนี่พูดไร้สาระจริงๆ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำให้ฉันสัมผัสถึงกลิ่นอายของความตาย แกบินได้หรือแกสามารถแปลงร่างได้อย่างนั้นเหรอ ดูหนังมากไปแล้วมั้ง”

เสี่ยวอู่เอาปืนจ่อหน้าผากของหลี่โม่ เขาทำแกล้งทำเป็นจะลั่นไกปืน

หลี่โม่แสยะยิ้มออกมา เขายื่นมือขวาไปออกมาบีบคอเสี่ยวอู่อย่างรวดเร็ว

นิ้วบีบอยู่ระหว่างลำคอและกระดูก เสี่ยวอู่รู้สึกว่าลำคอกับระบบหายใจของตัวเองกำลังจะขาด

สมองของเสี่ยวอู่เหมือนขาดอากาศ เขาอ้าปากกว้างเพื่อสูดอากาศ แต่ทว่าเขาไม่สามารถหายใจได้ เพราะระบบหายใจของเขาถูกปิดกั้นเอาไว้

เขาใช้แรงทั้งหมดในร่างกาย เอาปืนในมือทุบไปที่หัวของหลี่โม่ ตอนนี้เสี่ยวอู่เสียใจที่ตัวเองเหิมเกริม เขาไม่ได้ลั่นไกปืน จนทำให้ตอนนี้ตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงจู่โจมกลับ

“ยังกล้าขัดขืนอีกเหรอ ดูเหมือนว่านายยังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของความตายสินะ”

ขณะที่พูดหลี่โม่ใช้มือซ้ายแย่งปืนมา จากนั้นจึงบีบข้อมือขวาของเสี่ยวอู่จนแหลกละเอียด

ความเจ็บและหายใจไม่ออกจู่โจมเข้ามา ทำให้ภาพตรงหน้าของเสี่ยวอู่พร่าเลือน และรู้สึกว่าตัวเองกำลังเห็นดินแดนแห่งความตาย

เขาจะต้องตายอย่างนี้จริงๆ เหรอ

เพราะว่าขาดอากาศ ทำให้สีหน้าของเสี่ยวอู่เป็นสีม่วงคล้ำ สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มหายไป

Comment

Options

not work with dark mode
Reset