บทที่ 252 ตกตะลึง
ฉู่ชวิ๋นตกใจมาก นอกจากจักรพรรดิอ๋าวฮวงแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นเซียนคนที่สองที่เขาเจอ
สาวผมเงินคนนี้ยังคงใจเย็น เธอเองก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นก็เป็นเซียนเช่นเดียวกัน
ปัง!
อากาศแรงสั่นสะเทือนอย่างแรง พื้นดินสั่นไหว นิ้วยักษ์ปรากฏขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นราวกับโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังเขาตกใจจนยืนนิ่งไม่ขยับ
นี้มัน วิชาดัชนีสังหาร! สาวผมเงินใช้วิชาเดียวกับเขา
วิชาดัชนีสังหาร! – กระบวนท่าดัชนีสามอุสรา
ตู้ม!
ฉู่ชวิ๋นถูกนิ้วยักษ์ของอีกฝ่ายไล่ต้อนเขาได้แต่ใช้พลังของตัวเองหนีออกมาเลือดสดๆ ไหลออกมาจากมุมปากของเขา ถ้าเขารู้สึกตัวไม่ทันคงจะหลับยาวไปแล้ว
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมใช้กระบวนท่าดัชนีสามอุสราได้?” ฉู่ชวิ๋นถามอย่างร้อนรน สถานการณ์แบบนี้ยากเขาจะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
เพราะวิชาดัชนีสังหาร เขาสอนแค่จิงหงคนเดียวเท่านั้น
หญิงสาวผมเงินมองฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาที่เฉยเมย “นายรู้จักวิชาดัชนีสังหารด้วยเหรอ?”
“วิชาดัชนีสังหาร ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ทำไมฉันจะไม่รู้จักมัน” ฉู่ชวิ๋นตอบทันที
ดวงตาสาวผมเงินแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอแกล้งตกใจแล้วโพล่งออกมาว่า “ถ้ามันถูกสร้างขึ้นโดยนาย แล้วทำไมฉันถึงใช้มันได้?”
ฉู่ชวิ๋นพูดแย้งทันที “ฉันควรเป็นฝ่ายเธอมากกว่า วิชาดัชนีสังหารฉันสอนให้กับคนๆ เดียวเท่านั้น…”
ก่อนที่เขาพูดจบ ร่างของเขาก็สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและบ่นพึมพัมกับตัวเอง “เป็นไปไม่ได้…เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง…”
“นายกำลังพยายามจะสื่อถึงอะไร?” สาวผมเงินยิ้มเบาๆแล้วถามกลับมา
ฉู่ชวิ๋นตกใจมากเมื่อเทียบความคล้ายเคียงแล้ว เขายิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ความรู้สึกต่างๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“จริงเหรอเนี้ย?” เสียงของฉู่ชวิ๋นเบาราวกระซิบ วิชาดัชนีสังหารนั้นหมายถึงจักรพรรดิเซียน เทพธิดาที่ดุด่าว่าเขาและทำให้เขาใจอ่อน คำตอบที่อยู่ในใจทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว
“จิงหง…จิงหง” ฉู่ชวิ๋นมองไปยังผู้หญิงผมเงินคนนั้นด้วยแววตาที่ไม่เหมือนเดิม
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกอยู่พักนึงก่อนที่จะกลับไปเย็นชาเหมือนเดิม
“อะไรที่ทำให้นายตกใจได้ขนาดนั้น?”
หัวใจของฉู่ชวิ๋นเปราะบางมากในตอนนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมัว “เธอไม่รู้สึก….ไม่รู้สึกตกใจบ้างเหรอ?”
“นายจำคนผิดแล้ว” เธอตอบง่ายๆ อย่างไม่ลังเล ฉู่ชวิ๋นได้แต่เงียบและยิ้มอย่างขมขื่น
“เธอช่วยเอาผ้าปิดหน้าออกได้ไหม?” ในใจของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาอยากตรวจสอบให้แน่ใจ
“นายจะทำอะไร?” ผู้หญิงคนนี้ดูตื่นกลัวและรู้สึกรังเกียจ
ฉู่ชวิ๋นใช้พลังตรวจสอบแล้วแต่เขาก็ไม่เห็นใบหน้าของเธออยู่ดี มันช่างมืดมน แต่เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่จิงหงอย่างแน่นอน จิงหงไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้
แต่จะอธิบายเรื่องวิชาดัชนีสังหารได้ยังไงล่ะ?
“เธอมาจากโลกเซียนได้ยังไง?” ฉู่ชวิ๋นถามไปตรงๆ
“นั้นมันคำถามอะไรกัน?”
“เธอรู้จัก เทพธิดาจิงหง หรือจักรพรรดิฉู่ไหม?”
แววตาเธอสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “ฉันไม่รู้”
“ถ้างั้นเธอใช้วิชาดัชนีสังหารได้ยังไง?”
“ฉันไม่รู้”
“เธอมาที่โลกนี้ได้ยังไง?”
“ฉันไม่รู้”
“ชื่อของเธอละ?”
“ไม่รู้”
“ยังไงก็ช่างเถอะ เธอช่วยถอดผ้าปิดหน้าหน่อยได้ไหม?”
ทันใดนั้น หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาและพูดว่า “อย่าตามฉันมา ไม่งั้นนายตายแน่”
พูดจบเธอก็กลายเป็นลำแสงหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่ชวิ๋นรีบมองไปยังร่างของหญิงสาวที่หายไปอย่างเงียบๆ เขารู้สึกสับสนในใจ
เธอตกใจเหรอ? ฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความสงสัย เขาต้องรู้ให้ได้
ฟิ้ว!
ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นสายฟ้าอีกครั้ง
ไม่นานนักหลังจากจังหวะเร่งความเร็ว เขาก็ตามผู้หญิงคนนี้ได้ทันอีกครั้ง เธอจู่โจมสวนกลับไปทันที
แต่เขาก็หลบได้ทัน
“ฉันไม่ได้มาร้ายนะ แค่อยากรู้ว่าเธอใช่คนที่ฉันคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นพยายามจะอธิบาย
แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือโซ่ที่พุ่งเข้ามา มันคือโซ่ที่แปลงมาจากเส้นไหมวิญญาณ ซึ่งออกมาจากข้อมือของหญิงสาวผมเงิน
ฉู่ชวิ๋นกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
หลุมใหญ่ปรากฏขึ้นในจุดที่เขายืนก่อนหน้านั้น แล้วแผ่นดินก็พังทลายลงมา
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
โซ่สีขาวสองเส้นวิ่งไปมาในแนวนอนพร้อมเสียงอากาศที่ฉีกขาด มันกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่กลางอากาศและระเบิดออกเป็นแสงสีขาวพราวโผล่อยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋น
ครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่หลบและถูกตาข่ายสีขาวขนาดใหญ่ทับร่างไว้จากนั้นมุมปากของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยเลือดอีกครั้ง
“ทำไมถึงไม่ยอมสู้!” สาวผมเงินถาม และจ้อมเขม็งมาที่เขา
ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปอย่างชัดเจน “ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นคนที่ฉันคิดอยู่หรือเปล่า?”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ใช่จิงหงที่นายตามหา” หญิงสาวพูดอย่างเย็นชา เธอสะบัดมือของเธอ ตาข่ายอันยิ่งใหญ่ที่ผูกไว้ก็คลายลงเธอปล่อยฉู่ชวิ๋น ให้ออกมา
“งั้นเธอก็ช่วยถอดผ้านั้นออกหน่อยได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่งไม่ทำอะไร
“อย่าให้มันมากนัก ถ้านายยังขออีกอย่าหาว่าฉันโหดร้ายนะ”
“ถ้าเธออยากฆ่าฉันก็เอาเลย” ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปใกล้ เขาอยากเห็นจริงๆ ว่าเธอจะทำยังไง
“รนหาที่ตายจริงๆ สินะ” เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามาเพื่อถอดผ้าปิดหน้าเธอออก หญิงสาวก็โกรธมาก ลมปราณของเธอแปรปวนราวน้ำขึ้นน้ำลง
มือบางๆ ของหญิงสาวเปล่งประกาย เธอทำท่าทางตราประทับบางอย่าง
ฟิ้ว!
สายลมพลุ่งพล่าน ดอกพลัมบานอยู่ในอากาศ ดอกแต่ละดอกมีขนาดเท่าฝ่ามือและผลิบานอย่างช้าๆ ซึ่งมันงดงามเหลือเกิน
ตู้ม!
ในช่วงเวลาต่อมา ดอกพลัมเหล่านี้ก็พองตัว พวกมันเคลื่อนตัวไปทางฉู่ชวิ๋นและระเบิดอย่างรุนแรง
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นแคบลงร่างของเขากลายเป็นสายฟ้าผ่าที่ส่องประกายถอยออกไปหลายกิโลเมตร
ตู้ม!
แรงระเบิดทำให้แผ่นดินสั่นไหวเกิดรอยแตกอย่างรุนแรง บนพื้นดินและเนินเขาที่ ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่ก่อนหน้านั้นถูกทำลายทันที
“ฉันไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับเธอ ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอใช่จินหงหรือเปล่า”
ฉู่ชวิ๋นพูด
“นายมันก็แค่คนทรยศ ทุกคนบอกว่านั้นเป็นความผิดของนาย นายเลยหนีไป เพราะนายมันอ่อนแอ อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่านาย” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกลียดชัง และแววตาเย็นชา
“ไม่ใช่เพราะฉันอ่อนแอ แต่ฉันมีสิ่งสำคัญที่จะต้องกลับมายังโลกเธอก็รู้ดี” ฉู่ชวิ๋นอธิบาย
“อย่ามาเล่นลิ้น แล้ววิญญาณดวงนี้คืออะไร? จิงหง รอนายมานานกว่า 1,000 ปี แล้วนายไปตกหลุมรักคนอื่นเนี้ยนะ ไอ้คนหลายใจ ยังกล้าพูดอีกเหรอว่านายมันมีหัวใจ ไอ้คนสารเลว?”
คำพูดของหญิงสาวชัดเจนมากจนฉู่ชวิ๋นไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป
“เธอไม่ต้องการจดจำฉันเพราะเรื่องนี้เองเหรอ? ฉัน….ฉันอธิบายได้นะ”
ฉู่ชวิ๋นกล่าวอย่างสับสน เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
หญิงสาวผมเงินหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “ฉันขอย้ำอีกครั้ง ฉันไม่ใช่คนที่นายตามหา”
โดยที่ไม่รอให้ฉู่ชวิ๋นอธิบาย เธอก็พูดต่อเลย “ถ้านายยังดื้อดึงอีก ฉันไม่รับประกันทั้งชีวิตของนายและสวัสดิภาพของวิญญาณดวงนี้หรอกนะ”
“เธอไม่กล้าหรอก” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับอย่างมีน้ำโห
“จะลองไหมหละ จะได้รู้ว่าฉันกล้าหรือไม่กล้า?” หญิงสาวเย้ยหยัน เธอหันหลังกลับและกลายเป็นลมปราณสีขาวพุ่งออกไป
ฉู่ชวิ๋นยืนนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าขยับตัวตามไป ถ้าวิญญาณนั้นถูกทำลาย ฮวาชิงหวู่ก็จะหลับไหลไปตลอดกาล
ผู้หญิงผมเงินวิ่งไปได้ 1000 ลี้ก็หยุดลง ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็วูบวาบด้วยความสับสนและพูดพึมพำว่า “ฉันเป็นใครกันแน่”
เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามีความรู้สึกบางอย่างปรากฏในใจของเธอ ตอนที่เธอเจอหน้าฉู่ชวิ๋น
…
…
ฉู่ชวิ๋นเดินไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งและหยุดพัก แต่ความคิดของเขาก็ยังคงวิ่งต่อไปโดยไม่หยุดจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนสี
ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แม้จะผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว
วิญญาณของฮวาชิงหวู่อยู่กับสาวผมเงิน เขาไม่กล้าที่จะบีบบังคับเธอและเขารู้สึกว่าการที่วิญญาณชิงหวู่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นยังไงก็ปลอดภัยแน่นอน ซึ่งมันทำให้เขาประหลาดใจ ทำไมเขาเชื่อใจอีกฝ่ายขนาดนี้ทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้าและไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเธอเป็นใครกันแน่
แต่ตอนนี้เขาต้องไปแก้ปัญหาเรื่องสำนักภูผาทมิฬเสียก่อน แล้วค่อยมาคิดเรื่องนี้ต่อ
ฉู่ชวิ๋นไม่เดินเข้าไปในเมืองผิงฉุนแล้ว เขามุ่งหน้าไปยังภูเขาหวูจินต่อทันที
เมื่อมาถึงเขาก็พบกับป่าลึกในหุบเขา
ฟิ้ว!
ลิงวานรสีดำปาหินใส่เข้าจากด้านบนของต้นไม้
ฉั่ว!
เสือดาวเขี้ยวเงินยาวกว่า 5 เมตรก็วิ่งเข้ามาตะบี้ตะบันเขาทันที เขาจัดการ พวกมันได้ไม่ยากเมื่อใจเย็นลง
สัตว์ร้ายมากหน้าหลายตานอนตายตามเส้นทางที่ฉู่ชวิ๋นผ่าน ราวกับเป็นที่ระบายอารมณ์
ณ ตอนนี้แสงสว่างก็หายไปดวงจันทร์ก็เข้ามาแทนที่ ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับบนฟากฟ้า
ฉู่ชวิ๋นเดินอยู่คนเดียวท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงสัตว์ป่าดังอยู่ตลอดสองข้างทางของป่า
ไฟสองดวงส่องเข้ามาจากด้านหลังของฉู่ชวิ๋นพร้อมกับเสียงของเครื่องยนต์
Land Rover สีดำ แต่ตัวรถนั้นมีรูปร่างผิดปกติเล็กน้อยเหมือนชนเข้ากับอะไรอย่างรุนแรงมาก่อน
เขาไม่คิดว่าจะมีใครกำลังเดินอยู่คนเดียวบนถนนในตอนกลางคืน เมื่อสัตว์ร้ายกำลังโกรธ และรอบๆ มีทั้งภูเขาและป่าลึก
รถชะลอตัวลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หยุดและขับผ่านฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองไปที่มัน และเขารู้ว่าผู้ชายทุกคนในรถล้วนเป็นจอมยุทธ์ ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน
10 นาทีต่อมา แสงสะท้อนจากถนนก็ส่องมาอีกครั้ง พร้อมเสียงเครื่องยนต์เสียงดังก้อง
รอบนี้มีรถอีก 3 คันตามมาด้วย ทั้งหมดเป็นรถ Land Rover ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกัน ทุกคันเสริมเหล็กหนา 2 เซ็นติเมตร ซึ่งด้านหน้าของรถนั้นยุบตัวและแผ่นเหล็กหนา 2 เซ็นติเมตรก็ผิดรูป
นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธ์ในรถหลายคนบางคนเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ และมีมากกว่า 1 คน
ฉู่ชวิ๋นรู้ว่านี้คือการไล่ล่า แต่มันก็ไม่ได้อะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ฉู่ชวิ๋นเดินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไร กว่า 10 กิโลเมตร อยู่ๆ เขาก็ลดความเร็วลง เพราะเขาเห็นรถที่คุ้นตาจอดอยู่ข้างทาง มันคือรถคันแรกที่ขับผ่านเขาไป
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนรถเลย
มีร่องรอยการต่อสู้ คนที่เป็นจอมยุทธ์ครึ่งก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิในรถคันแรกเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 3 คนและผลลัพธ์ก็คาดเดาได้ไม่ยากนั้นคือความตาย!
เขาเลือกที่จะขโมยรถคันนี้มาขับต่อ เพราะไม่อยากจะเดินต่อแล้ว
“สำนักดาบพิฆาต มือสมัครเล่นของพวกแกยังไม่ได้ครึ่งของสัตว์ป่าแถวนี้เลย ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไปต่อแน่ แม้ว่าฉันจะต้องกลายเป็นผีก็ตาม” เสียงคำรามของความโกรธดังมาจากป่าข้างๆ
มือของฉู่ชวิ๋นที่กำลังจะเปิดประตูหยุดกึก ดวงตาของเขาแคบลงต่อมาเขาก็เห็นผู้คนมากมายในป่า
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ เขากระโดดขึ้นไปอยู่บนต้นไม้โบราณและมองลงมา
เขาเห็นว่าคน 2 ใน 4 คนบนรถคันแรกถูกฆ่าตายไปแล้ว พวกเขาตายอย่างน่าอนาถ เหลือแค่ชายชราที่เป็นจอมยุทธ์ครึ่งก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิกับเด็กหนุ่มเท่านั้น
ชายชราดูบาดเจ็บสาหัสมาก ทั้งภาวะขาดเลือดและลมหายใจโรยริน
เด็กหนุ่มก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บและเสียเลือดเหมือนกัน พวกเขาถูกจับได้แล้ว
เด็กหนุ่มอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งน่าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ หิ้วเด็กหนุ่มเดินไปเดินมาราวกับว่าเขาเป็นหมากระเป๋า พร้อมกับควบมีดไปมาอีกด้วย เลือดของเด็กหนุ่มไหลลงมาบนพื้นเป็นทางยาว
มีจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนหนึ่งเดินตามชายร่างใหญ่เตาะแตะเพื่อเอาถังมาลองเลือดของชายหนุ่มเอาไว้
“สำนักดาบพิฆาตของพวกแกไม่กลัวสิ่งที่จะตามมาเลยรึไง?” ชายชราคำรามจนกระอักเลือดออกจากปากอย่างต่อเนื่อง
“อึดจริงๆ ว่าแต่พวกแกไปกินดีหมีหัวใจเสือมารึยังไง กล้าจะแย่งชิงของกับนายน้อยของเรา รนหาที่ตายจริงๆ” จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์เปื้อนเลือดดูถูกและพูดอย่างโหดเหี้ยม “นายน้อยของเรามีคำสั่ง ไอ้หนุ่มนี้ต้องได้รับบทเรียน ผลไม้ที่มันกินไปเป็นของนายน้อย เพราะงั้นฉันจะรีดเลือดมันออกมาให้หมด จากนั้นก็กลั่นมัน เพราะเป็นไปได้ที่พลังของผลกีวี่ทองคำจะยังคงมีอยู่”