ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 94 ติดสินบนเจ้าหน้าที่

ตอนที่94 ติดสินบนเจ้าหน้าที่
ไม่นานเรือโดยสารก็เดินทางมาถึงซ่งต้าว ทุกคนรีบเร่งลงจากเรือโดยไว แปลกที่ฝนตกแค่ในเขตเมือง แต่บนเกาะซ่งต้าวกลับมีแดดจัด
ฟางนี่ปรบมือเรียกทุกคนให้มารวมพลกันและกล่าวว่า
“ไปที่โรงแรมกันก่อนเลย เข้าเช็กอินห้องพักเก็บกระเป๋า จากนั้นเราจะไปทานข้าวกันช่วงบ่าย อย่าลืมกันนะว่าเรายังจัดกิจกรรมให้ทุกคนร่วมสนุกกันตอนเย็น ดังนั้นตอนกินข้าวจัดเต็มให้อยู่ท้อง เดี๋ยวไม่มีแรงเล่นเอานะ!”
พนักงานโรงแรมเองก็โค้งต้อนรับทุกคนอย่างยิ้มแย้ม ส่วนทางด้านจางหยางก็ได้จองห้องพักผ่านทางออนไลน์ไว้แล้ว
จ้าวเฉียนถือกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัด ภายในมีแค่ของใช้จำเป็นและเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเท่านั้น แทบจะไม่ได้แบกของหนักอะไรเลย ดังนั้นเขาไม่ต้องรีบร้อนขึ้นไปเก็บกระเป๋าก็ได้ ระหว่างเช็กอิน เขาจึงออกไปเดินเล่นรอบโรงแรม
แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าจางหยางกำลังมีปากเสียงกับพนักงานโรมแรมเสียแล้ว
จ้าวเฉียนรีบเดินเข้าไปหาและเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงทะเลาะกันได้
“ผู้จัดการจางจองห้องพักออนไลน์ แต่ทางโรงแรมบอกว่าเหลือห้องไม่มากแล้ว เป็นเตียงเดี่ยวแค่ห้าห้อง”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม เป็นปกติเวลาจองแบบออนไลน์ เราจะไม่สามารถกำหนดตัวห้องได้ในบางกรณี แต่ถ้าเหลือเท่าไหร่ก็ให้ไปเข้าพักโรงแรมอื่นก็ได้หนิ? บนเกาะนี้มีตั้งหลายที่ แถมยังอยู่ใกล้กันอีกด้วย ทำไมต้องกังวลกันขนาดนั้น?”
“ก็มีแค่สองแห่งที่ราคาจับต้องได้ แถมที่หนึ่งห้องเต็มไปนานแล้ว เลยเหลือแค่โรงแรมแห่งนี้เท่านั้น แต่ดันมาเกิดปัญหาอีก”
“นั้นสิ อีแบบนี้จะทำยังไง?”
“แต่จ้าวเฉียนก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาจะต้องช่วยเราได้แน่นอน”
“นี่พวกนายเอาแต่หวังพึ่งเขาเกินไปรึเปล่า? อีกอย่างโรงแรมไม่มีห้องว่าง แล้วเขาจะช่วยอะไรได้?”
“เจ้าโง่! ยังไม่ถึงเที่ยงเลยด้วยซ้ำ ห้องพักจะเต็มได้ยังไง? พวกนี้มักจะเก็บห้องว่างไว้และรอลูกค้าวอคอิน [1] เข้ามาในตอนดึก ทำแบบนี้ทางโรงแรมจะสามารถอัพราคาห้องให้สูงขึ้นได้”
“ถ้างั้นจ้าวเฉียนก็แก้ปัญหาได้แน่นอน เขานี่แหละมีปากมหาเสน่ห์ แม้แต่ผู้จัดการโรงแรมก็ต้องยอมศิโรราบ!”
จางหยางในขณะนี้รู้สึกอึดอัดมากเข้าไปทุกที ตั้งแต่เริ่มต้นทริปเขายังไม่ได้รับคำชมจากบรรดาลูกน้องในบริษัทเลยสักคน แถมทันทีที่จ้าวเฉียนเดินเข้ามา ทุกคนกลับตั้งความหวังไว้แต่กับเขา แต่ไม่มีใครคาดหวังในตัวจางหยางเลยสักคน
จ้าวเฉียนไม่อยากไปแทรกกิจของจางหยางเท่าไหร่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเฝ้าดูอยู่เฉยๆ ไปก่อน ปล่อยให้จางหยางกับฟางนี่จัดการกันเอง ถ้าปัญหานี้สามารถคลี่คลายได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องออกโรง
ทว่าอย่างไร ท่าทีของผู้จัดการโรงแรมยังคงแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน ยืนกรานว่าไม่เหลือห้องพักอื่นแล้ว
ซึ่งการจองโรงแรมออนไลน์จะมีข้อเสี่ยงอยู่ตรงนี้ จะได้ห้องส่วนไหนหรือแบบใดจะขึ้นอยู่กับทางโรมแรม แต่นี่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีแก้เลยสักทีเดียว ก็แค่โทรติดต่อไปกำชับกับทางโรงแรมอีกทีหนึ่งและแจ้งไปว่าต้องการห้องแบบใด มุมไหน แต่จางหยางกลับไม่ได้โทรไปยืนยันกับทางโรงแรม ดังนั้นก็ไม่สามารถโทษทางโรงแรมได้เช่นกัน
ถ้าให้พูดกันตามตรง ปัญหานี้เกิดจากความสะเพร่าของจางหยวง เพราะเขาไม่ได้โทรไปยืนยันล่วงหน้า ระบุแบบห้องที่ต้องการ และโรงแรมก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ให้เช่นกันถ้ามาขอหน้างานแบบนี้
แต่อย่างไรจางหยางกลับเพิกเฉยและปัดไปว่านี่ไม่ใช่ความผิดตน ตราบใดที่เขากดจองห้องพักไปแล้ว ไม่ว่ายังไงทางโรงแรมก็ต้องตอบสนองตามความต้องการ มิฉะนั้นจะเข้าค่ายฉ่อโกงและสามารถร้องเรียนกับทางโรงแรมได้
ผู้จัดการโรงแรมยิ้มตอบว่า
“ทางเราต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ ครับ แต่ทางเราก็ได้แจ้งออกไปอย่างชัดเจนแล้วว่า การจองห้องพักผ่านระบบออนไลน์ ทางลูกค้าจะต้องโทรเข้ามากำลับเพื่อยืนยันแบบห้องที่ต้องการว่ามีหรือเปล่า บางช่วงจะมีนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้ห้องพักไม่เพียงพอต่อความต้องการ ถ้าไม่ได้โทรเข้ามายืนยันล่วงหน้า ทางเรามีสิทธิ์มอบห้องพักให้แก่ลูกค้าที่ชำระเงินเต็มจำนวนก่อนครับ”
จางหยางเดือดดาลจัด ตะคอกใส่ว่า
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเปิดจองห้องแบบออนไลน์ทำไม! ก็ขายแค่แบบวอคอินเท่านั้นสิ!”
ผู้จัดการยังคงยิ้มตอบ แต่พิอนิจท่าทีดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
“ที่เขาว่ามาก็มีเหตุผลนะ เราไม่ได้โทรยืนยันล่วงหน้าจริงๆ ที่รักถ้าไม่มีจริงๆ เราก็แค่ไปหาโรงแรมอื่นดู”
“เธอหัวอ่อนยอมมันง่ายเกินไป! คิดจะไล่พวกผมออกไปงั้นเหรอ? ไม่มีทาง! ผมจะโทรแจ้งตำรวจ ขอดูหน่อยว่ากฎหมายจะเข้าข้างใคร!”
หลังจากพูดจบจางหยางก็ควักมือถือออกมาและโทรแจ้งตำรวจทันที ฟางนี่ยกมือกุมศีรษะอย่างอดไม่ได้ เธอพยายามกล่าวโน้มน้าวไปแล้ว แต่เขาก็ยังจะโทรแจ้งตำรวจให้ได้
สีหน้าการแสดงออกของผู้จัดการโรงแรมยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน เขายิ้มกล่าวว่า
“ไม่ว่าทางลูกค้าจะต้องการโทรแจ้งตำรวจหรือใคร ก็สามารถร้องเรียนได้ตลอดครับ นี่ถือเป็นสิทธิ์ของทางลูกค้า”
จ้าวเฉียนที่เฝ้าดูสถานการณ์พลันถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ถึงกับเดินไปหาที่นั่งพักและกุมขมับอยู่สักพัก จางหยางใช้แต่อารมณ์มากเกินไป เขายังขาดประสบการณ์การเจรจาพูดคุยทางสังคมอยู่ไม่น้อย การแจ้งความในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้กับทางตำรวจ มันจะไปคาดหวังอะไรได้? แถมกลับเป็นฝ่ายจางหยางนั้นแหละที่ผิดเต็มประตู
หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็เดินทางเข้ามาหาและสอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากจางหยาง เขารีบอธิบายโดยละเอียด ทั้งยังทิ้งท้ายอีกว่า ขอให้ทางตำรวจเล่นงานทางโรงแรมให้หนัก แต่พอทางตำรวจไปสอบถามกับทางโรมแรม ฝ่ายผู้จัดการโรมแรมก็พูดมีเหตุผลเช่นกัน ท้ายที่สุดนี้ตำรวจมาที่นี่เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเที่ยงตรง และกลับเป็นฝ่ายจางหยางเองก็สะเพร่าไม่ทำตามข้อกำหนดที่ทางโรงแรมแจ้งไว้ จึงไม่สามารถเอาผิดอะไรได้
แต่ทันทีที่จางหยางทราบดังนั้นก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เขาขอสู้ตายเพื่อสิทธิ์ของตัวเอง
“คุณตำรวจจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ! ผมจองห้องผ่านระบบออนไลน์ไปแล้วก่อนหน้า แต่พอมาถึงโรงแรมกลับไม่มีห้องตามต้องการ นี่มันเข้าค่ายหลอกลวงผู้บริโภค! นี่เป็นความผิดของทางโรงแรมเห็นๆ แล้วทำไมพวกเราถึงต้องรับผลที่ตามมาแทน?”
“ก็เขาระบุบนเว็บไซต์ไว้ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอครับ? หลังจากที่จองผ่านระบบออนไลน์ จำเป็นต้องโทรยืนยันล่วงหน้าอีกทีหหนึ่ง ลูกค้าคนอื่นๆ เองก็ทราบและปฏิบัติตามกฎ พวกเขาก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย ดังนั้นจะเข้าค่ายหลอกลวงผู้บริโภคได้ยังไง?”
“พวกคุณสมรู้ร่วมคิดกันใช่ไหม? แอบติดสินบนเจ้าหน้าที่งั้นเหรอ! ผมจะแฉเรื่องนี้กับทางสื่อ!”
จางหยางต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ว่า ตัวเขามีความสามารถมากพอที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนในบริษัทคงนินทาเขาตายว่าไร้ประโยชน์ หรือไม่ก็เกาะเมียกิน
แต่ในความเป็นจริง นี่กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเข้าไปใหญ่ การใช้อารมณ์แก้ปัญหากลับไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก
ตำรวจนายนั้นโกรธมากที่ได้ยินจางหยางใส่ร้ายแบบไร้เหตุผล พูดจาไร้สาระโดยไม่คิดอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจทั่วประเทศได้เลย
“คุณครับ ช่วยระมัดระวังคำพูดของตัวเองด้วย ถ้ามีหลักฐานว่าคุณเคยโทรยืนยันล่วงหน้าแล้ว โปรดแสดงให้ผมตรวจสอบหน่อยครับ ถึงจะสามารถเอาผิดกับทางโรงแรมได้ แต่ถ้ายังไม่หยุดพูดจาหมิ่นประมาทแบบนี้ ผมคงต้องจับคุณไปสอบสวนต่อที่โรงพัก”
จางหยางยังคงไม่สนใจ ตะคอกใส่เสียงดังลั่นยว่า
“เอาดิ! มึงเอาตัวกูไปโรงพักเลย! กูจะไปฟ้องนายมึงว่า โรงแรมติดสินบนมึง!”
ตำรวจนายดังกล่าวไม่อาจทนกับคำพูดไร้สาระของจางหยางได้อีกต่อไป เขาตรงเข้าไปล็อกตัวจางหยางทันที
“ช่วยด้วย! ตำรวจทำร้ายประชาชน! ตำรวจทำร้ายประชาชน!”
จางหยางแหกปากตะโกนโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด ราวกับคนเสียสติ
ด้วยความตกใจตำรวจนายนั้นจึงรีบคลายมือออกจากร่างอีกฝ่ายไป
“ผมขอเตือนคุณครั้งสุดท้ายนะครับ อย่าสร้างปัญหาอีก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องจับตัวคุณไปจริงๆ!”
เมื่อเห็นว่าตำรวจนายนั้นเริ่มกลัว จางหยางก็กล้าขึ้นมาทันตา
“มาเลย! มาเลย! มาจับกูเลย! มึงรับเงินใต้โต๊ะทางโรงแรม ผิดทางวินัยเต็มๆ! อย่าคิดว่ากูไม่รู้อะไรนะ ตอนที่กูเรียนอยู่ที่อเมริกา สื่อแทบทุกที่ประโคมข่าว แฉเรื่องตำรวจจีนติดสินบนไว้เต็มไปหมด! โถ่…ไอ้ตำรวจไร้น้ำยา! มีดีแต่เลียแข้งเลียขาคนใหญ่คนโต! เพราะมีตำรวจแบบพวกมึงไง ประเทศเลยไม่เจริญสักที!”
“จ่า! ล็อกมือ!”
ตำรวจอีกนายที่เฝ้าสถานการณ์ดูด้านหลังอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ตะโกนลั่นสั่งให้ตำรวจนายนั้นล็อกกุญแจมือจางหยางทันที
ฟางนี่รีบออกหน้าตรงเข้าไปขอร้อง แต่ก็ไม่เป็นผล ตำรวจยังคงยืนกรานที่จะนำตัวจางหยางไปที่โรงพัก
จางหยาวนจะเป็นยังไง จ้าวเฉียนไม่เคยนสนใจอยู่แล้ว แต่ก็ทราบดีถ้าจางหยางถูกนำตัวไปขึ้นโรงพัก ทุกคนที่เหลือคงไม่มีอารมณ์เที่ยวต่อแน่นอน คงไม่ใช่เรื่องดีที่เรื่องแค่นี้จะมาทำลายทริปผ่อนคลายของทุกคน
บริษัทที่รับผิดชอบโครงการพัฒนาจุดท่องเที่ยวในเกาซ่งต้าว มีชื่อว่า หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น จำกัดมหาชน และจ้าวฝู่ก็มีส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ถึง60%โดยผ่านบริษัท ซัน คอกดักชั่นซึ่งเป็นบริษัทในเครืออีกทีหนึ่ง กล่าวอีกนัยได้ว่า 60%ของธุรกิจในเกาซ่งต้าวอยู่ในมือจ้าวเฉียนแล้ว และเขามีสิทธิ์ในการบริหารจัดการได้ตามอิสระ
เนื่องจากที่แห่งนี้ถือเป็นของตระกูลจ้าว จ้าวเฉียนยังมีอภิสิทธิ์ไปถึงการบริหารโรงแรมในเกาะแห่งนี้และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในเกาะ
จ้าวเฉียนรีบพิมพ์ข้อความอธิบายทั้งหมดให้หวังฉีได้รับทราบผ่านWeChat และขอให้เขาโทรแจ้งผู้บริหารบอร์ดของโรงแรมดังกล่าวให้รีบออกมาจัดการเรื่องนี้เป็นการด่วนที่สุด
หวังฉีรับโทรแจ้งผู้บริหารบอร์ดโรงแรมทันที และขอให้เธอออกมาเคลียร์ปัญหาของจ้าวเฉียนโดยเร็ว
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฉียนก็เดินไปหาผู้จัดการโรงแรมคนนั้น และกล่าวขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ รบกวนติดต่อไปหาผู้บริหารบอร์ดของที่นี่ที ผมมีเรื่องจะพูดกับเขาหน่อย”
ผู้จัดการหันมามองจ้าวเฉียนพลางยิ้มและส่ายหัวเป็นคำตอบ ทั้งยังบอกอีกว่า ตอนนี้ผู้บริหารบอร์ดของโรงแรมไม่อยู่ มีอะไรสามารถแจ้งผ่านเขาได้เลย
“อืมม…ผมบอกคุณไม่ได้เช่นกันครับ เรื่องนี้ต้องแจ้งกับทางนั้นโดยตรง”
“งั้นต้องขออภัยจริงๆ ครับ ตอนนี้ผู้บริหารบอร์ดของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรสามารถแจ้งกับผมได้เลยครับ”
ผู้จัดการยังคงยิ้มแย้มตอบ แต่รอยยิ้มของเขากลับเร้นซ่อนความเย้ยหยันเล็กน้อย พร้อมสายตาที่เหลือบมองจ้าวเฉียนด้วยท่าทีรังเกียจเจือผสม
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ทันใดนั้นผู้บริหารบอร์ดคนหนึ่งก็เดินออกมา ตรงไปหาทางตำรวจพร้อมสีหน้าจริงจัง เอ่ยถามไปอย่างไม่พอใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้จัดการโรงแรมคนนั้นไม่สนจ้าวเฉียน รีบวิ่งไปหาผู้บริหารบอร์ดดังกล่าวและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังโดยเร็ว ทั้งยังโยนความผิดทั้งหมดไปให้จางหยางอีก
ผู้บริหารบอร์ดพยักหน้าและหันไปพูดกับจางหยางทันทีว่า
“คุณลูกค้าครับ ไม่ได้อ่านข้อมูลที่ทางเราได้ระบุไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้นก็ต้องทำใจรับผลที่ตามมา คุณตำรวจครับ กุมตัวเขาไปโรงพักเถอะครับ ปล่อยเขาอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีแต่รบกวนลูกค้าคนอื่นเปล่าๆ”

[1] เข้ามาพักโดยไม่ได้จองไว้ก่อน

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset