ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 155 ไม่ยอม / ตอนที่ 156 บังเอิญเจอกัน

ตอนที่ 155 ไม่ยอม

 

 

เขาหันมองเธอแล้วเผยรอยยิ้มออกมาเงียบๆ

 

 

ป๋อจิ่งชวนเดินเข้าไปใกล้ห้องแต่งตัว สายตาสอดส่องไปมาก่อนจะเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง

 

 

“สวมชุดนี้”

 

 

“ค่ะ” เธอรับมันมาอย่างไม่อิดออดแล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อไป

 

 

ไม่นาน หลังจากที่เธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมา

 

 

ชุดสูทตัวเล็กยาวคลุมเข่าสีน้ำเงินเข้มกางเกงขาม้า สง่า สบาย และภูมิฐาน

 

 

เธอล่ะชอบความตาถึงของเขาเสียจริงๆ ทุกอย่างที่เขาสรรหามาให้เธอล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเธอ ไม่เพียงแต่จะไม่บังคับให้เธอต้องแต่งตัวในแบบที่ใช่ แต่กลับปล่อยให้เธอแต่งตัวในสไตล์ที่ต้องการ

 

 

ชุดๆ หนึ่งที่เหมาะกับตัวเอง มักจะทำให้ผู้คนต่างก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ

 

 

“สายตาคุณ…ควรได้รับคำสรรเสริญจริงๆ ” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำชื่นชม

 

 

เขามองท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา

 

 

“ถูกต้อง เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้เลือกคุณ”

 

 

เธอพยักหน้าหงึกหงัก “ทานมื้อเช้ารึยัง”

 

 

“ยัง”

 

 

“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ฉันจะไปต้มบะหมี่ให้”

 

 

“อืม”

 

 

 

 

เมื่อทั้งสองทานมื้อเช้าเสร็จก็เดินเคียงคู่กันลงมาชั้นล่าง

 

 

อวี๋ซงเห็นทั้งคู่มาแต่ไกล พวกเขาอยู่ในสูทที่น้ำเงินเข้มแบบเดียวกัน

 

 

ชายหนุ่มอยู่ในลุคสูงศักดิ์ หญิงสาวดูเปี่ยมไปด้วยความสามารถ

 

 

แต่กลับดูเป็นคู่ที่แปลกเป็นพิเศษ

 

 

ป๋อจิ่งชวนไปส่งเฉินฝานซิงก่อน ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกไปจากรถนั้น จู่ๆ เขากลับเอื้อมไปจับมือของเธอเอาไว้แล้วรั้งเธอกลับเข้ามา

 

 

“มีอะไร”

 

 

เขาโน้มตัวลง ก่อนที่จะประทับจูบลงบนปากของเธออย่างนุ่มนวล

 

 

เธอถูกจูบ ขณะที่กำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น

 

 

“คุณเป็นอะไร”

 

 

เขากดหน้าผากของเธอพลางลูบไล้แก้มนุ่มด้วยนิ้วของเขา น้ำเสียงแหบพร่าดูมีเสน่ห์แต่กลับฟังดูเศร้าหมอง

 

 

“อีกเดี๋ยวผมต้องไปดูงาน”

 

 

เธอหรี่ตามอง “ทำไมเพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้”

 

 

“ไม่อยากบอก ตอนนี้ก็ไม่อยากบอก” เขากระชับเอวเธอแน่น หน้าผากที่กดลงไปผละออกอย่างอ้อยอิ่ง

 

 

ใครก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจกันทั้งนั้นเธอเข้าใจดี

 

 

“ไปไหน ไปกี่วัน”

 

 

“ยุโรป ประมาณหนึ่งอาทิตย์”

 

 

ไร้เสียงตอบรับ

 

 

เฉินฝานซิงลดสายตาลงพร้อมกับหัวใจที่หล่นวูบ อัดแน่นไปด้วยความไม่ยินยอม

 

 

เธอเข้าใจดีว่าความรู้สึกเช่นนี้มันรุนแรงแค่ไหน

 

 

เพราะก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยสัมผัสมันมาแล้ว

 

 

ระยะเวลาที่คบกับซูเหิง เธอและซูเหิงต้องไปทำงานต่างที่บ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดาแต่ไม่เคยลังเลขนาดนี้มาก่อน

 

 

อีกอย่างเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆ เธอเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจู่ๆ การอยู่ด้วยกันกับเขาจะซึมซับลงไปได้มากเพียงนี้

 

 

“งั้้น…ฉันจะรอคุณกลับมานะ”

 

 

เสียงทุ้มนุ่มทำเอาคนฟังตกตะลึงจนไม่อาจหาคำบรรยาย

 

 

เพราะต้องพรากจาก

 

 

“ไปเถอะ”

 

 

สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็เป็นคนเอ่ยพูดขึ้น เพราะเกรงว่าหากเธอยังไม่ไปเขาคงจะฉุดเธอไปสนามบินพาออกนอกประเทศไปพร้อมกัน

 

 

“อื้ม…คุณดูแลตัวเองนะ”

 

 

“ครับ” เขาฉีกยิ้มพลางลูบลงบนเส้นผมของเธอ

 

 

ก่อนจะมองดูเธอที่่เปิดประตูลงจากรถไป

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 156 บังเอิญเจอกัน

 

 

ตั้งแต่ที่ได้รับข้อความว่าป๋อจิ่งชวนขึ้นเครื่องไปเมื่อเก้าโมง อารมณ์ที่หดหู่อยู่แล้วของเฉินฝานซิงกลับดิ่งลงยิ่งกว่าเก่า

 

 

สวี่ชิงจือเองก็แวบไปแวบมาทั้งวันอย่างกับเทพมังกร ถ้าไม่ใช่เพราะต้องพบปะผู้คนก็เพราะมัวแต่ทำงานในออฟฟิศอย่างบ้าดีเดือด

 

 

เฉินฝานซิงในชุดกาวน์สีขาว กำลังทดลองผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าภายในห้องปฏิบัติการวิจัย

 

 

เธอออกจากห้องทดลองไปก่อนจะถึงเวลาเที่ยงวัน เธอเพิ่งจะกลับเข้าไปในออฟฟิศ จู่ๆ สวี่ชิงจือก็บุกพรวดเข้ามา

 

 

“ไปกัน! ฝานซิง ชดเชยมื้อเที่ยงของเมื่อวาน”

 

 

แม้แต่คำพูดยังรัวเหมือนปืนกล รวดเร็วจนทำเอาคนฟังไม่มีโอกาสได้พูดสักแอะ

 

 

“ก็แค่มื้อเที่ยง เธอต้องกังวลขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

 

“ต่อให้ฉันจะยุ่งอีกสักแค่ไหนฉันก็ต้องได้กินมื้อเที่ยง ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์นะ มีร้านอาหารเปิดใหม่บรรยากาศดีอยู่ที่เฉิงตง พวกเราลองไปดูกันเถอะ”

 

 

สวี่ชิงจือขับรถพลางสนทนากับเธอไปด้วย

 

 

“เธอเห็นไหม ในที่สุดเราสองคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก นี่ขนาดอยู่บริษัทเดียวกันนะ วันๆ หนึ่งได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง จริงๆ เล๊ย…เฮ้อ…”

 

 

เสียงทอดถอนหายใจดังออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

 

หัวใจของเธอเองก็รู้สึกหน่วงๆ ไม่แพ้กัน

 

 

“แหงล่ะ ก็โตๆ กันหมดแล้วนี่นะ แถมทุกคนต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะมันเป็นวัยที่ต้องหาเลี้ยงตัวเอง”

 

 

“อ้อ…ฉันนึกออกแล้ว เร็วๆ นี้ก็จะครบรอบร้อยปีการสถาปนาวิทยาลัยของทีเกา พวกเราไปด้วยกันเถอะ ไม่ได้เจอกันนาน ไปดูกันว่าทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง! ดูสิว่าเจ้าชายในฝันของฉันจะขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นบ้างไหม!”

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดที่แฝงเลศนัยอย่างเห็นได้ชัดของสวี่ชิงจือ….

 

 

ทีเกา…

 

 

เป็นที่รู้ทั่วกันว่าวิทยาลัยทีเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศ

 

 

ด้วยระบบการศึกษาที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลากรทางด้านการศึกษาที่เข้มแข็ง การจัดระบบวิชาการอันเป็นที่เลื่องลือแถมยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ของบรรดาลูกท่านหลานเธอจำนวนไม่น้อย

 

 

ครบรอบหนึ่งร้อยปีแห่งการสถาปนาสถาบันของทีเกา คงเลี่ยงไม่เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันส่วนหนึ่งไม่ได้

 

 

สวี่ชิงจือเองก็จงใจเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น แต่มีหรือที่เฉินฝานซิงจะฟังไม่ออก

 

 

เฉินฝานซิงนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน สวี่ชิงจือเองก็มองเธอด้วยดวงตาหม่นหมอง

 

 

“ฝานซิง พวกเราล้วนเติบโตมาในผิงเฉิง แวดวงสังคมทั้งหมดก็อยู่ในโรงเรียนนั้นด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมต้องหลีกเลี่ยงด้วยล่ะ!”

 

 

“เปล่า ฉันขอคิดแป๊บหนึ่ง”

 

 

“ไม่เห็นจะต้องคิดเลย…”

 

 

เสียงพึมพำของเพื่อนรัก ทำเอาเธอต้องเผยยิ้มออกมา “ว่าแต่พอพูดถึงพ่อเทพบุตรของเธอ…ชิงจือ เธอหมายถึง…หลีม่อเหรอ”

 

 

สวี่ชิงจือเม้มปากเงียบ

 

 

“เขาอยู่ที่หรงเฉิงใช่ไหม จะมาได้เหรอ?”

 

 

“มาได้สิ! เพราะในงานสถาปนาวิทยาลัยมักจะมีพวกที่ไม่น่าปรากฏตัวมาปรากฏตัว!”

 

 

คำว่าคนที่ไม่น่ามาในประโยคนี้คงไม่ได้หมายถึงคนคนเดียว!

 

 

ร้านอาหารที่เฉิงตงที่เพิ่งเปิดกิจการ การประชาสัมพันธ์ของร้านดีพอสมควร แถมคนก็ไม่ใช่น้อยๆ

 

 

สวี่ชิงจือจองที่เอาไว้แล้ว ทั้งสองจึงตรงเข้าไปนั่งในที่ที่จับจองเอาไว้

 

 

แต่หลังจากที่พวกเธอเริ่มทานอาหารไปได้ไม่นาน ร่างเพรียวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวข้างๆ พวกเธอ

 

 

“พี่คะ พี่เองก็มากินข้าวที่นี่เหรอ?”

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมอง เฉินเชียนโหรวกำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

 

ท่าทีเสแสร้งแบบนี้ …

 

 

เฉินฝานซิงเลื่อนสายตามองเบื้องหน้าก็พบกับซูเหิงในชุดสูท สองเท้าของในรองเท้าหนัง กำลังก้าวเข้ามาทางนี้

 

 

เธอมองซูเหิงที่ค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประชดประชัน

 

 

“ฝานซิง…” ซูเหิงเองก็ประหลาดใจไม่น้อย เพราะเขานึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเฉินฝานซิงที่นี่

 

 

เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงไม่คิดจะเสวนาพาทีกับพวกเธอ เฉินเชียนโหรวจึงส่งสายตาน้อยใจไปให้ซูเหิงพร้อมกัดริมฝีปาก

 

 

“พี่คะ มะรืนนี้บ้านเราจองห้องอาหารข้างนอกเอาไว้ คุณย่าเองก็อยากให้พี่ไปด้วย…”

 

 

เฉินเชียนโหรวนิ่งไปก่อน เพราะกลัวว่าจะถูกพี่สาวปฏิเสธจึงรีบเสริมขึ้น

 

 

“อาจจะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับงานครบรอบของบริษัท พี่คะ คุณปู่ก็แบ่งหุ้นส่วนให้พี่ไปไม่น้อย เรื่องของบริษัทท่านก็หวังว่าพี่จะเก็บเอามาใส่ใจให้มากๆ …”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้ เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้ ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด! “การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset