สิ้นเสียงหญิงชรา ห้องที่ตกอยู่ในความเงียบเมื่อครู่ก็เกิดเสียงเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาอีกครั้ง!
“กรรมการหนุ่มแห่งสมาคมสกุลป๋อ?!”
“ก็ใช่น่ะสิ เขาทำงานให้กับบริษัทต่างประเทศตั้งหลายปี ตอนนี้บริษัทเหล่านั้นมีเสถียรภาพหมดแล้ว และตอนนี้เข้าก็กำลังจะเข้ามารับช่วงต่อสมาคมสกุลป๋ออย่างเต็มตัว”
“จริงด้วย ฉันได้ยินมาว่าเขากลับมาได้สองวันแล้ว!”
“ได้ยินว่าเขายังอายุไม่เกินยี่สิบแปดปี ก็ได้รับตำแหน่งประธานสูงสุดของสมาคมสกุลป๋อทั่วโลก! โหดสุดๆ ไปเลย!”
เสียงเอ่ยขึ้นอย่างหลงใหลดังมาเป็นระลอกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าคำพูดของใครเชื่อถือได้มากกว่ากัน
“อายุยังน้อยๆ อยู่เลยทำไมถึงเก่งได้ขนาดนี้ ไม่รู้เนอะว่าน่าตาเขาจะเป็นยังไงวิ่งเต้นเพื่อสมาคมเป็นปีๆ ขนาดนั้น ป่านนี้ผมไม่ล้านหมดหัวไปแล้วเหรอนั่น…”
“ก็จริงนะ งานเข้าสังคมก็น่าจะไม่ใช่น้อยๆ …ถ้าเกิดว่าเป็นพวกมีพุงเป็นห่วงยางแบบนั้นก็น่าเสียได้แย่!”
“พอได้ยินพวกเธอพูดอย่างนั้นแล้วเนี่ย…ก็นึกถึงสมัยพ่อฉันยังหนุ่มๆ นะ ตอนนั้นนะคุณพ่อก็หล่อไม่เบาเลย แต่พอเริ่มมีบริษัทเป็นของตัวเองก็ เอิ่ม…”
เสียงในห้องเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง อารมณ์พุ่งสูงขึ้นพออีกเสียงหนึ่งหยุด อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นต่อ
สุดท้ายทั้งห้องก็ลงความเห็นกันว่า หัวหน้ากรรมการหนุ่มแห่งสมาคมสกุลป๋อน่าจะเป็นพวกคุณลุงพุงห่วงยาง
“แต่ก็ดีเหมือนกันน้า งานเลี้ยงสมาคมสกุลป๋อไม่ใช่ว่าใครก็เข้าร่วมได้ เชียนโหรว คุณย่าของเธอนี่ท่านดีกับเธอมากๆ เลยนะ!”
“จริงสิ กลับไปลองไปคุยกับคุณพ่อดูดีกว่าว่าจะพาฉันไปด้วยได้ไหม!”
“ฉันก็จะไปถามดูเหมือนกัน!”
“ฉันก็ด้วย…”
มองดูท่าทีของสาวๆ เหล่านั้นที่กำลังร้อนอกร้อนใจ เฉินเชียนโหรวก็แอบหัวเราะดูถูกในใจ
แต่ใบหน้ายังคงความน่าซื่อตาใสเอาไว้ แล้วพยักหน้าเบาๆ เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างน่าเอ็นดู:
“เข้าใจแล้วค่ะคุณย่า”
เห็นเฉินเชียนหลงเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เจียหรงหรงก็รู้สึกพอใจ
หลังจากนั้นเธอจึงหันไปมองซูเหิงที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่ยอมพูดจา แล้วจึงบอกกับเขา:
“ซูเหิง วันนั้นเธอก็ไปกับเชียนโหรวสิ”
ใบหน้าเล็กๆ บอบบางน่าทะนุถนอมแสร้งทำเป็นเหนียมอาย เธอขบริมฝีปากเบาๆ ชายตามองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังก้มหัวปลกๆ อย่างรีบร้อน
ท่าทีน่าทะนุถนอมแบบนั้นทำคุณชายทั้งหลายที่อยู่ในห้องพากันจ้องเธอตาไม่กะพริบ
มุมปากบึ้งตึงค่อยๆ คลายลงแล้วตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ได้แน่นอนครับ”
เจียหรงหรงพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วหันไปมองเฉินเชียนโหรวที่แสนบอบบางด้วยดวงตาที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเชียนโหรวก็พักผ่อนให้มากๆ ฉันจะไปดูห้องข้างๆ นี่เสียหน่อย!”
ได้ยินดังนั้นใบหน้าบอบบางก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าวิงวอนในทันที เธอแหงนหน้าร้องขอต่อเจียหรงหรง:
“คุณย่าคะ พี่เขาจมน้ำนานกว่าหนู กว่าจะฟื้นก็หลายวัน คุณย่าอย่าไปว่าอะไรพี่เขานะคะ…”
“รู้แล้วน่า! เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยว! ฉันจัดการของฉันเอง!”
สิ้นประโยคเธอก็สะบัดหน้าเดินออกไป
เฉินเชียนโหรวใบหน้าเศร้าซึม ตอนที่เฉินเต๋อฝานและหยางลี่เวยเดินเข้ามาหยุดข้างๆ เธอ เธอก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“พ่อคะ แม่คะ อย่าปล่อยให้คุณย่าโมโหเกินไปสิคะ”
“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าเด็กโง่!”
หยางลี่เวยมองลูกสาวด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินตามสามีที่สีหน้าไม่สบอารมณ์พอๆ กันตามเจียหรงหรงออกไป
–
ในห้องของเฉินฝานซิงที่ไม่ได้สติไปสามวัน ตอนนี้เธอไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย กระเพาะที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาเป็นเวลานานเริ่มจะประท้วงอย่างหนัก
เพียงแค่คิดว่าจะลงจากเตียงเพื่อไปหาอะไรใส่ท้องเท่านั้น เสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้น