ตอนที่ 201 ทำไมเธอถึงได้แสบขนาดนี้
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เฉินฝานซิงที่กำลังหยิบกาแฟขึ้นมาดื่มจึงต้องชะงักมือไว้ก่อนแล้วเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ปราดหนึ่ง จากนั้นจึงวางแก้วกาแฟลงแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“เฮ้!”
เพียงคำแรกก็ได้ยินเสียงแข็งกร้าว น้ำเสียงทรงพลัง หนักแน่นดั่งเสียงกลอง
“อื้ม” เฉินฝานซิงตอบเรียบๆ
“อื้มอะไรกัน ในเน็ตเขาล้อเลียนเธอเป็นอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้ว เธอยังจะมาอื้มอีก ใช้ได้เลยนี่ เธอน่ะ กลายเป็นประเด็นร้อนแซงหน้าดาราแถวหน้าไปแล้วนะเนี่ย”
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าฟอดใหญ่ น้ำเสียงจริงจังกว่าปกติ “ผู้ช่วยของนายล่ะ”
“จะหาเขาไปทำไม”
“นายเอาโทรศัพท์ให้เขาตอนนี้เลย ถ้าเขาไม่ได้อยู่ข้างนาย ฉันจะได้รีบวางสายแล้วโทรหาเขาเอง!”
“…”
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดก็มีเสียงของคนราวกับกำลังจะร้องไห้ดังออกมา “พี่ซิง”
“เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นที่อยู่รอบตัวของฉู่อี้ไว้ให้หมด”
“เก็บเรียบร้อยหมดแล้วครับพี่ซิง แต่ว่าพี่ไม่เป็นไรแน่นะ ผมเห็นในเน็ตด่าพี่แรงมากเลย แล้วยังมีหลายคนที่ขุดคุ้ยเรื่องเมื่อหลายปีก่อนของพี่ออกมาด้วย พูดจาแรงสุดๆ ไปเลย…”
เฉินฝานซิงแสยะยิ้มมุมปาก “เริ่มขุดคุ้ยกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“หา?” เสี่ยวจ้าวอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าพี่ซิงจะดูดีใจที่เรื่องเป็นแบบนี้นะ
“ไม่เป็นไร นายบอกฉู่อี้ว่าให้เขาใจเย็นๆ หน่อย ตอนนี้เขาเพิ่งกลับเข้าประเทศมา ยังไมได้อิสระในการแสดงความคิดเห็นอะไรลงบนอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น จับตาดูไว้ให้ดี โดยเฉพาะในที่ที่เป็นเหมือนระเบิดเวลาอย่างเวยป๋อน่ะ [1] ”
“วางใจได้เลยครับ ผมเปลี่ยนพาสเวิร์ดเวยป๋อเขาเรียบร้อยแล้ว”
เฉินฝานซิงยกมุมปาก นิ้วเรียวยาวที่จับช้อนอยู่ค่อยๆ คนกาแฟในแก้วช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาจดจ้องอยู่ที่กาแฟที่ถูกคนจนหมุนเป็นน้ำวน แต่ก็คล้ายว่าจะกำลังมองทะลุผ่านวังวนนั้นไปยังจุดอื่น แววตาและสีหน้าลึกล้ำแบบนั้น เผยให้เห็นสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า สติปัญญา
“เสี่ยวจ้าว…”
เธอค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมาหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ สวี่ชิงจือที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ตรงข้ามเหลือบตามองเธอ
ในขณะที่มองเฉินฝานซิง ก็พลันมองเห็นความร้ายกาจแผ่ซ่านออกมาจากตัวเธอ
นี่…ใช่เฉินฝานซิงจริงเหรอ
หลายปีมานี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สวี่ชิงจือจ้องมองเธอด้วยความสงสัย แต่กลับวางกาแฟลงโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เห็น
จากนั้นเฉินฝานซิงพูดขึ้นมานิ่งๆ อีกครั้ง “นายบอกฉู่อี้ทีว่าพรุ่งนี้จะเริ่มถ่ายภาพนิ่งพรีเซนเตอร์ได้เลย”
คิ้วของสวี่ชิงจือกระตุกเล็กน้อย
เฉินฝานซิงวางช้อนลงกระทบกับแก้วกาแฟเสียงดังกังวาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดูนาฬิกาข้อมือพลางเลิกคิ้วขึ้น “ข่าวเรื่งฉู่อี้เป็นพรีเซนเตอร์ให้จือชิ่น อืม…ปล่อยตอนเที่ยงตรงให้ทั่วทุกเครือข่ายได้เลย อย่าลืมย้ำด้วยว่า เป็นพรีเซนเตอร์เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ตอนบ่ายเริ่มถ่ายได้เลย”
“…ครับ” เสี่ยวจ้าวตอบสนองไม่ทันเล็กน้อย แต่ก็ต้องเออออตอบรับไปอยู่ดี
ยังไงซะตอนนี้ผู้จัดการของฉู่อี้ก็คือพี่ซิง
อันที่จริง ก่อนหน้านี้ตัวเขาไม่ได้ชอบเธอมากนัก แต่เมื่อมารู้ภายหลังว่า เจ้าพ่อจอเงินที่ใครๆ ต่างก็ต้องการตัวอย่างฉู่อี้ มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เอาเขาอยู่
ขอแค่บอสใหญ่ไม่วีนเหวี่ยง ไม่สร้างปัญหาตามอำเภอใจ ให้เขาเรียกพี่ซิงว่าบรรพชนเขาก็เต็มใจ
หลังจากวางสาย เฉินฝานซิงวางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างด้วยท่าทางสบายใจ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบหนึ่งคำ ช่างกลมกล่อมดีจริงๆ
สวี่ชิงจือพิงพนักเก้าอี้พลางมองเธอด้วยรอยิ้ม “ทำไมถึงตัดสินใจปุบปับแบบนี้ล่ะ”
“เธอไม่รู้สึกว่าถือโอกาสนี้เปิดตัวนั้นเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะพอดิบพอดีเหรอ”
สวี่ชิงจือหยุดคิดไปวูบหนึ่ง ก่อนจะพูดยิ้มๆ “ทำไมเธอถึงได้ร้ายขนาดนี้”
เฉินฝานซิงอดถามไม่ได้ “ฉันร้ายยังไง”
คำคุณศัพท์คำนี้ เหมาะกับเธองั้นเหรอ
ตอนที่ 202 ฉันเป็นคนปล่อยออกไปเอง
สวี่ชิงจือถลึงตาใส่เธอไปหนึ่งที “เธอไม่ร้าย? แต่กลับเลือกเอาช่วงเที่ยงตรงเป็นเวลาเปิดตัวเนี่ยนะ”
เฉินฝานซิงยิ้มๆ พลางยักไหล่ ไม่พูดอะไรต่อ
–
บ้านสกุลเฉิน
ซูเหิงดูรูปในโทรศัพท์ของเฉินเชียนโหรว สีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอ กลับพบเพียงแววตาแห่งความมืดหม่น
เฉินเชียนโหรวไม่เคยเห็นซูเหิงมองตัวเองด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน
เธอรีบเข้าไปกอดแขนเขาไว้ แล้วจูงเขาเข้าห้องนอนไป
“พี่เหิง ฉันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ …”
เฉินเชียนโหรวกอดเอวของซูเหิงไว้แน่น น้ำตาไหลพราก ท่าทางน้อยอกน้อยใจ
“เป็นเพราะพี่…เมื่อคืนก่อนพี่เขาทำเกินไปจริงๆ …”
ดวงตาของซูเหิงฉายประกายความมืดดำขึ้นมาทันที เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อขึ้น เฉินฝานซิงก็ทำเกินไปจริงๆ
เธอไม่เห็นแก่หน้าสกุลเฉินและสกุลซูเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาและเชียนโหรวต้องเสียหน้ากลางผู้คนมากมายขนาดนั้น
แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็ต้องขอโทษเธออยู่เหมือนกัน ถึงแม้เรื่องจะเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่โกรธเธอเลย
ในเมื่อสิ่งที่เธอพูดเมื่อวานก็ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น
พอเรื่องกลายเป็นแบบนั้น ประธานเจียงก็เกิดได้คืบจะเอาศอกขึ้นมาเสียให้ได้
เมื่อเห็นซูเหิงเริ่มมีทีท่าสั่นคลอน เฉินเชียนโหรวก็รีบพูดต่อ
“พี่เหิงคะ ฉันเป็นศิลปินนะ หลันอวิ้นยังคงต้องพึ่งพาฉัน คุณย่าฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฉัน ถ้าปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปในทิศทางก่อนหน้านี้ต่อไป ฉันก็มีแต่จะถูกแบน แล้วถ้าเป็นแบบนั้น หลันอวิ้นต้องพังแน่ อีกอย่าง ซูซื่อก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน ยังไงซะ พี่เขาก็เป็นบุคคลสาธารณะ ข่าวพวกนี้ไม่นานเดี๋ยวก็โดนกลบไปอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วก็แค่นั้น พอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ชีวิตของพี่ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม จริงไหมคะ”
“พี่เหิง ฉันคำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก ก็จริงอยู่ที่บางทีพี่อาจจะคิดว่าฉันมันเห็นแก่ตัว แต่ถ้าฉันกลับใจกว้างในเวลาแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็จบเห่กันพอดี รวมไปถึงสกุลเฉิน สกุลซู แล้วก็พี่ แล้วยังมีเรื่องของพวกเราอีกด้วย…”
ดวงตาของซูเหิงสั่นไหวอย่างรุนแรง ระหว่างที่กำลังก้มมองรูปในโทรศัพท์ แววตาของเขาส่อให้เห็นประกายแห่งความสับสนอย่างหนักหน่วง
เขายื่นโทรศัพท์คืนให้กับเฉินเชียนโหรว ก่อนจะผลักเฉินเชียนโหรวออกจากอ้อมแขนไป
ส่วนตัวเขาเองก็มุ่งหน้าเดินไปที่ประตู
“พี่เหิง พี่จะไปไหนคะ”
เฉินเชียนโหรวร้อนรน รีบตามออกไป
“พี่ยังมีเรื่องต้องไปจัดการ เธอพักผ่อนเถอะ”
เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปาก ใบหน้าซีดเซียว ในขณะที่มองดูแผ่นหลังของซูเหิงกำลังห่างออกไปเรื่อยๆ สีหน้าของเธอก็ค่อยๆ หมองหม่นลง
–
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ลมหนาวฤดูใบไม้ผลิตอนนี้อาจไม่หนาวเข้ากระดูก แต่ก็ทำให้รู้สึกหนาวเย็นอยู่ไม่น้อย
เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือเพิ่งเดินลงมาด้านล่างบริษัท โทรศัพท์ก็ดังขึ้นกะทันหัน
เธอหยุดยืนอยู่กับที่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองดูสายเรียกเข้า รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไปในที่สุด ก่อนจะกลายเป็นความเยือกเย็น
จ้องอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับโทรศัพท์
“มีธุระเหรอ”
“ฝานซิง…ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉัน…ฉันอยากเจอเธอหน่อย”
“แต่ฉันไม่อยากเจอนาย”
น้ำเสียงเย็นชาของเฉินฝานซิงเพิ่งจบลง ทันใดนั้นเองก็มีรถยนต์สีดำแล่นมาจอดข้างเธอ
จากนั้น กระจกรถค่อยๆ ลดลงช้าๆ
ใบหน้าของซูเหิงหันมาทางเธอ เขามองมายังที่เธอแล้วเม้มริมฝีปากเบาๆ “ฝานซิง…”
“ซูเหิง นาย…”
สวี่ชิงจือกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกเฉินฝานซิงรั้งเอาไว้ “เธอขึ้นไปก่อนเถอะ ฉันไม่เป็นไร…”
สวี่ชิงจือนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมโอนอ่อนแต่โดยดี “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ระวังตัวหน่อยละกัน”
“อื้ม”
–
อากาศเริ่มอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ลมหนาวกลางฤดูใบไม้ผลิพัดมาปะทะกับเสื้อเชิ้ตผ้าไหมบนตัวเฉินฝานซิงจนร่างกายสั่นสะท้าน แต่กลับดูสวยแปลกตากว่าที่เคย
ซูเหิงมองเธอ ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ด้านข้างแล้วพูดกับเธอ
“ขึ้นรถสิ…”
เฉินฝานซิงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเฉยชา “ต้องการจะพูดอะไร”
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงไม่มีท่าทีว่าจะขึ้นรถ ซูเหิงจึงจำต้องลงจากรถมาเอง จากนั้นก็หยิบเช็คเงินสดออกมาหนึ่งใบยื่นให้กับเธอ
เฉินฝานซิงก้มลมมองของในมือของซูเหิงปราดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “หมายความว่ายังไง”
ซูเหิงมองเธอด้วยสีหน้าสับสน “ฉันตั้งใจมาขอโทษเธอ รูปที่อยู่ในเน็ตพวกนั้น…ฉันเป็นคนปล่อยออกไปเอง…”
เฉินฝานซิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “นายเป็นคนปล่อยงั้นเหรอ”
——
[1] เวยป๋อ โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ได้รับความนิยมในประเทศจีน