ตอนที่ 217 ผมช่วยคุณตรวจสอบ
เฉินฝานซิงทอดมองชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางแกงสแล็คสีดำ ท่าทางดูสูงส่งและสง่างามที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
เขาอยู่เหนือทุกคน ไร้มลทินแปดเปื้อน อ่อนโยนและสุขุมนุ่มลึก คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้ก็พูดอะไรเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบนั้นออกมาได้เหมือนกัน
“ว่าไง พูดสิ”
สายตาของป๋อจิ่งชวนเลื่อนจากดวงตามายังริมฝีปากของเธอ นิ้วมือก็ค่อยๆ ลากไล้ไปตามส่วนโค้งของคางที่สวยงามรูป ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงคอเสื้อที่ปกปิดอย่างมิดชิด
จากนั้นดวงตาของเขาก็หมองหม่นลงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเข้าไปในดวงตาของเธออีกครั้ง “หรือว่า เป็นเพราะคุณรู้สึกอะไรบางอย่าง เมื่อกี้นี้ถึงได้ปฏิเสธผม”
เฉินฝานซิงถึงกับรู้สึกราวกับคำพูดจุกอยู่ในลำคอ “ไม่ใช่ จะเป็นไปได้ยังไง”
“งั้นเหรอ” มุมปากของป๋อจิ่งชวนโค้งขึ้น มือที่หยุดอยู่ที่ปกเสื้อของเธอเอื้อมออกไปกุมมือเธอเอาไว้เบาๆ จากนั้นก็เข้าไปใกล้เธอมากกว่าเดิม ลมหายใจร้อนผ่าวแผ่ซ่านอยู่ข้างริมฝีปากของเธอ
“ไม่รู้สึกอะไรยังตั้งใจดูขนาดนั้น?”
เฉินฝานซิงเงยหน้ามามองเขา “คุณไม่เชื่อฉันเหรอ”
ป๋อจิ่งชวนพยักหน้า “ปกติเวลาที่ผู้หญิงเจอเรื่องแบบนี้มักจะพูดโกหก แต่การตอบสนองทางร่างกายเป็นอะไรที่ซื่อสัตย์ที่สุด…”
ระหว่างพูด เสียงของเขาก็ค่อยๆ แผ่วลง ก่อนจะมองเธอด้วยสีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีนัยยะแฝงอย่างลึกซึ้ง แต่ขณะเดียวกัน เจตจำนงค์ของเขากลับแสดงออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง
เฉินฝานซิงหัวใจเต้นรัวกะทันหัน ในใจกำลังแอบคาดเดาอะไรบางอย่างอยู่ เธอหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าจนอยากจะกระโดดลงจากโต๊ะเพื่อหนีไปจากตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจแบบนี้ แต่มือที่รั้งเธอเอาไว้กลับกระชับแน่นกว่าเดิม
“จะหนีไปไหน” ป๋อจิ่งชวนอมยิ้ม พลางจับมือที่กุมคอเสื้อเอาไว้ของเธอไปไว้อีกด้าน ทำให้เห็นผิวหนังบริเวณต้นคอเธอได้ลางๆ ปกเสื้อเธอตอนนี้ถูกเจ้าตัวดึงจนยับยู่ยี่
“ให้ผมช่วยคุณตรวจสอบสักหน่อยดีไหม”
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ถลึงตาใส่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าที่ดูสูงสง่าและสง่างาม พลันพูดด้วยความโมโห
“ป๋อจิ่งชวน คุณจงใจใช่ไหม”
“จงใจอะไร”
คุณ…”
เมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวโกรธของเฉินฝานซิง ป๋อจิ่งชวนก็ค่อยๆ เก็บซ่อนรอยยิ้มในดวงตา สีหน้าเริ่มจริงจึงขึ้นมาในทันที
“เธอเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ เหรอ”
“ใช่” เฉินฝานซิงกัดฟันกรอด “บอกตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงช้าๆ ก่อนจะงับลงไปบนริมฝีปากของเธอหนึ่งที “ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน แล้วเธอไม่รู้เลยเหรอว่าคุณมีเจ้าของแล้ว หรือเธอคิดจะตีท้ายครัวผม”
ป๋อจิ่งชวนยิ่งพูด รังสีความอันตรายก็ยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
สุดท้ายเรื่องเลยเถิดไปถึงการตีท้ายครัว ทำให้เฉินฝานซิงเริ่มร้อนรนขึ้นมา
ถ้าพูดแบบนี้ งั้นชิงจือคงตกอยู่ในอันตรายแล้วสินะ
เธอรีบจับแขนของป๋อจิ่งชวน เม้มริมฝีปากก่อนจะพูดด้วยยิ้มแหยๆ
“ตีท้ายครัวอะไรกัน ไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย ที่จริงแล้วฉัน…”
“หืม?” ป๋อจิ่งชวนจ้องเธอเขม็ง เฝ้ารอประโยคต่อไปที่เธอจะพูดออกมา
“ฉันยังไม่ทันได้บอกเธอ…”
“เหอะ”
ป๋อจิ่งชวนจ้องเธออยู่นาน จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะเยือกเย็นของเขาทำให้เฉินฝานซิงแอบใจสั่น
เธอรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “รอให้มีเวลา…ฉันจะต้องแนะนำคุณให้เธอรู้จักอย่างแน่นอนโอเคไหม”
“เมื่อไหร่”
“เรื่องเวลา…”
ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ผมนัดเอง”
“…ได้”
ป๋อจิ่งชวนกระตุกยิ้มมุมปาก มือที่วางอยู่ระหว่างเอวของเธอในที่สุดก็เก็บกลับมา
เฉินฝานซิงถอนหายใจ กำลังจะเอียงตัวกระโดดลงจากโต๊ะ แต่จู่ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของป๋อจิ่งชวนกลับแนบเข้ามาอีกครั้ง
เฉินฝานซิงพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ “คุณยังมีธุระอะไรอีกเหรอคะ”
ตอนที่ 218 ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายยังไง
ป๋อจิ่งชวนชี้ไปที่บริเวณอกข้างซ้ายของเธอ “สักด้วยเหรอ”
หลังจากที่ได้ยิน เฉินฝานซิงตอบสนองโดยการยกมือขึ้นมาวางบนหน้าอกโดยไม่รู้ตัว “อืม…”
ป๋อจิ่งชวนพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถอยห่างเธอออกไปไม่กี่ก้าว “คิดไม่ถึงเลย”
ผู้หญิงที่ดูหัวโบราณอย่างเธอกลับกล้าสักด้วย
ฝานเฉินซิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ขมวดคิ้วมุ่น ยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในระหว่างนั้นเอง โทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างก็ดังขึ้น
เฉินฝานซิงหลุดจากภวังค์ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ พบว่าเป็นข้อความจากสวี่ชิงจือ
ทั้งยังเป็นข้อความเสียง
เฉินฝานซิงเหลือบไปมองป๋อจิ่งชวนปราดหนึ่ง
ป๋อจิ่งชวนกำลังจ้องเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ภายในดวงตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก
เธอจำต้องกดเปิดฟังข้อความเสียงอย่างฝืนใจ เสียงใสแจ๋วของสวี่ชิงจือลอยมาแต่ไกล
[ดูจบหรือยัง]
เฉินฝานซิงตอบกลับไปด้วยข้อความยาวเหยียดชุดใหญ่ “…” เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเองในเวลานี้
ชิงจือจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าคืนนี้เธอจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแค่ไหน
ผ่านไปครู่ใหญ่ สวี่ชิงจือถึงจะตอบกลับมา
[รู้สึกแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ]
[เธอบอกว่าตอนนั้นที่พวกเราอาบน้ำด้วยกัน แช่น้ำร้อนด้วยกัน แถมยังนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย…แต่หลังจากที่ดูหนังพวกนี้แล้ว ทำไมจู่ๆ ฉันถึงรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้]
[เพราะงั้น ฉันว่านะ ฝานซิง พวกเราต่างคนต่างอยู่ แล้วแต่งงานกับผู้ชายดีๆ ที่พึ่งพาได้สักคนจะดีกว่า]
คำพูดพวกนี้ของสวี่ชิงจือเป็นคำพูดที่มีประโยชน์มากที่สุดแล้วสำหรับวันนี้
เธอคิดว่าข้อความคงจบลงเพียงเท่านี้ แต่เสียงของสวี่ชิงจือกลับดังขึ้นมาอีก
[ถ้าจะให้ฉันไปฝึกลูบไล้ส่วนล่างของเธอเหมือนกับที่ผู้หญิงสองคนนั้นทำล่ะก็…]
เฉินฝานซิงใจเต้นตุบๆ รีบ ปิดเสียงโทรศัพท์ในทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นป๋อจิ่งชวนกำลังจ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ท่าทางเยือกเย็นจนรู้สึกขนหัวลุก
เฉินฝานซิงลูบผมเบาๆ แก้เขิน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง
“ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า”
ทั้งสองคนลงไปชั้นล่างด้วยกัน จากนั้นเฉินฝานซิงก็ยื่นคัฟลิงค์ ที่เขาลืมไว้ตอนเช้าคืนให้เขา
เธอยืนพิงอยู่หน้าประตูพลางมองเขาด้วยรอยยิ้ม “อย่าลืมของอีกล่ะ เมื่อคืนฉันตามคุณไปไม่ทันเลย”
ป๋อจิ่งชวนคิ้วกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็รับกระดุมข้อมือคืนมาหน้านิ่งๆ
“ไม่เห็นจำเป็นจะต้องรีบคืนเลย ยังไงพวกเราก็เจอหน้ากันทุกวัน”
“อืม ก็จริง”
ป๋อจิ่งชวนยืนมองเธออย่าเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก็ประทับจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากเธอหนึ่งที
“ฝันดี”
แพขนตาของเฉินฝานซิงกะพริบเบาๆ ความตั้งใจที่อยากจะแกล้งเย้าเขาตอนแรกหายไป โดยสิ้นเชิง
เธอเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ “ฝันดีค่ะ”
–
เฉินเชียนโหรวติดต่อซูเหิงไม่ได้ตลอดช่วงครึ่งวันบ่าย
วันนี้ที่ซูเหิงมาหาเธอ เขาก็มาพร้อมกับเรื่องหงุดหงิดใจมาตั้งแต่แรก เธอเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ผิด นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในเวลานี้แล้ว
ไม่เพียงแค่ดีต่อเธอ แต่ดีต่อเขา และสกุลซู ด้วย
เธอคิดว่าซูเหิงคงจะเข้าใจเหตุผลของเธอในไม่ช้า แต่พอถึงตอนค่ำ เธอก็ยังคงติดต่อเขาไม่ได้อยู่ดี
ลองพยายามโทรหาเขาอยู่หลายสาย แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์
แน่นอนว่าใจของเธอตอนนี้อยู่ไม่ สุขแล้ว
เธอหลับไปด้วยความง่วงงุนจนถึงเช้าอีกวัน หลังจากตื่นขึ้นมาก็หยิบโทรศัพท์แล้วลงข้างล่างทันที
ที่ห้องอาหาร เจียงหรงหรง เฉินเต๋อฝาน และหยางลี่เวยต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
ในมือของเจียงหรงหรงถือแท็บเล็ตอยู่หนึ่งเครื่อง ในระหว่างที่เธอเลื่อนดูข่าวสารบนหน้าอินเตอร์เน็ตก็พูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า
“เรื่องที่ฉู่อี้รับงานพรีเซ็นเตอร์เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรับงานของแบรนด์เล็กๆ อย่างจือชิ่นได้ แกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ เพิ่งจะปีนขึ้นมาหยุดในจุดที่สูงขนาดนี้ได้ แต่กลับทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยวิธีแบบนี้ กลัวก็แต่ว่าถึงตอนสุดท้ายแล้ว จะยังไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายยังไง…”