ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 17 ระรานว่าที่เถ้าแก่เนี้ยของเรา!

“ฉันจะลงไปดู!”  

 

 

หยางลี่เวยคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าชังที่สุด เธอทนไม่ไหวจนต้องขอลงจากรถไปดูเอง  

 

 

บริกรหน้าประตูเห็นเข้ากับคนที่กำลังเดินลงมาจากรถ หูฟังไร้สายที่เสียบอยู่ที่หูก็ได้ส่งเสียงขึ้น แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะจัดการปิดเครื่องแจกบัตรคิวลงต่อหน้าต่อตาของหยางลี่เวย  

 

 

หยางลี่เวยชะงักเท้าลงไฟโทสะพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด  

 

 

นี่มันจงใจเห็นๆ!  

 

 

เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเดินไปหยุดตรงหน้าของบริกรคนนั้นแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเย็น  

 

 

“ร้านของพวกนายทำแบบนี้หมายความว่าไง มีสิทธิ์อะไรมาเจาะจงพวกฉัน พวกนายทำธุรกิจยังจะเลือกลูกค้าอีกเหรอ”  

 

 

ใบหน้าที่ยิ้มอย่างสุภาพตามตามระเบียบ ตอบอย่างมีมารยาท  

 

 

“ครับคุณนาย เพียงแต่ว่าคุณคือแขกเพียงคนเดียวที่ร้านเราเลือกที่จะไม่บริการให้ครับ!”  

 

 

หยางลี่เวยถึงกับขาอ่อนจนแทบล้มลงไปกองกับพื้น!  

 

 

“แก…พวกแก…ฉัน…ฉันจะฟ้องพวกแก!”  

 

 

“เชิญตามสบายเลยครับ”  

 

 

รอยยิ้มสุภาพไม่มีช่องว่างให้โจมตียังคงปรากฏอยู่บนหน้าบริการ ไม่ใส่ใจต่อคู่สนทนาแม้แต่น้อย  

 

 

แต่การกระทำเช่นนี้กลับทำให้หยางลี่เวยเกิดของจิตสองใจและยิ่งไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม  

 

 

หรูอี้ซวนไม่ใช่สถานที่ธรรมดาๆ ยืนหยัดได้นานหลายปีขนาดนี้จะต้องมีเหตุผลอื่นด้วยแน่ๆ  

 

 

ขนาดเป็นแค่ร้านเล็กๆ ยังยโสโอหังได้ขนาดนี้ เดาไม่ถูกเลยว่าเจ้าของที่นี้เป็นใครกันแน่!  

 

 

แต่ว่า…  

 

 

“พวกฉันไม่เคยมาลักเล็กขโมยน้อยไม่เคยยื้อแย่งกันไม่เคยมาก่อความวุ่นวายอะไรที่นี่ พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาเลือกปฏิบัติ!”  

 

 

หยางลี่เวยสงบลงบ้างแล้ว แต่ในใจก็ยังโมโหไม่หาย!  

 

 

“ก็สิทธิ์ที่คุณไประรานว่าที่เถ้าแก่เนี้ยของพวกเราไงล่ะครับ”  

 

 

“…” หยางลี่เวยนิ่งอึ้ง!  

 

 

สีหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม!  

 

 

จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่หยางลี่เวย แม้แต่บริกรที่พูดคำนั้นออกมาเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน  

 

 

เพราะทุกอย่างทำไปตามคำสั่งของเสียงที่ดังมาจากหูฟัง!  

 

 

ว่าไปเธอรู้จักแค่ผู้จัดการของที่นี่ แต่ยังไม่รู้ว่าที่จริงเถ้าแก่ของที่นี่เป็นใครกันแน่  

 

 

ยิ่งว่าที่เถ้าแก่เนี้ยอะไรนั่นเธอก็ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่!  

 

 

ดังนั้นในหลังจากที่เธอนิ่งอึ้งไปเกือบค่อนวันขณะที่เธอกำลังคิดว่า  ว่าที่เท่าเถ้าแก่เนี้ยของพวกแกคือใคร  เธอก็คิดคำตอบออกมาได้หนึ่งประโยคนั่นก็คือ…พูดไม่ออก  

 

 

หยางลี่เวยโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ขบฟันกรอด ขณะเตรียมที่จะเดินจากไป เธอดันเลื่อนสายตาไปเห็นบริกรสองคนที่เดินตรงมาจากในร้าน บริกรคนหนึ่งกำลังลากสุนัขพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์ที่ขนาดตัวสูงกว่าเอวของตัวเอง ขนฟูสีดำแดงตลอดทั้งตัวก้าวเดินออกมาด้วยท่าทีขึงขัง  

 

 

เมื่อมันเห็นเข้ากับหยางลี่เวยที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็แยกเขี้ยวคำรามทันที มันกระโดดโลดเต้นราวกับว่าหากเผลอนิดเดียวละก็มันกระโจนเข้ามางับให้จมเขี้ยว!  

 

 

เธอก้าวถอยหลัง ‘ต๊อกๆ ต๊อก’ ไปสองสามก้าว ยกมือขึ้นกุมอกด้วยใบหน้าซีดเผือด!  

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้นสายตาก็ซัดไปเห็นบริกรอีกคนยกถ้วยโจ๊กมาตั้งไว้ตรงหน้าทิเบตันแมสติฟฟ์ตัวนั้น!  

 

 

มันทำจมูกฟุดฟิดก่อนก้มลงไปจัดการกับอาหารตรงหน้า  

 

 

หยามกันแบบสุดๆ!  

 

 

หยางลี่เวยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ยืนเอามือทาบอกอยู่ที่เดิมอยู่นานแสนด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดีก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ  

 

 

เรื่องน่าอายทั้งหมดอยู่ในสายตาของเจียงโหรวโหรวมาโดยตลอด เธอรอจนหยางลี่เวยเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น  

 

 

“ว่ายังไง?”  

 

 

“หนูไม่รู้ มาบอกว่าเราไประรานว่าที่เถ้าแก่เนี้ยของพวกมัน…แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าว่าที่เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นเป็นใคร”  

 

 

เจียงโหรวโหรวเลิกคิ้วขึ้นสูง  

 

 

“เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่า”  

 

 

พวกเธอจะไประรานใครได้ยังไง  

 

 

“อันนั้นหนูก็ไม่รู้ค่ะ!”  

 

 

ตอนนี้หยางลี่เวยทั้งช๊อกทั้งกลัวทั้งโมโห จะเอาอารมณ์ที่ไหนไปสนใจเรื่องพันนี้  

 

 

“เอาเถอะ ขึ้นรถได้แล้ว! ตอนนี้เหลือเวลาไม่มาก ไปซื้อของกินจากร้านอื่นแล้วส่งไปให้เชียนโรวซะ! เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ” เจียงโหรวโหรวพูดอย่างใช้เหตุผล  

 

 

พวกเขาจะหาเรื่องใครโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง  

 

 

แต่ถ้าเกิดจะมีจริงๆ ก็คงมีแค่เฉินฝานซิงที่หน้าบอกบุญไม่รับนั่น ไม่รู้ว่าไม่ทำอะไรใครไว้ตอนไหน  

 

 

หลายปีมานี้ เธอก่อเรื่องหนักใจกับขายหน้าให้ตระกูลเฉินมากี่ครั้งแล้ว!  

 

 

คิดๆ อยู่ความโกรธก็ประดั่งประดาขึ้นในหัวใจ  

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้ เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้ ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด! “การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset