ทั้งคู่ทานกันได้ไม่มากนัก ตะเกียบก็วางลง
“คุณอิ่มแล้วจริงๆ เหรอ หรือว่าคุณไม่ชอบอาหารพวกนี้”
เฉินฝานซิงถามเพราะคิดว่าผู้ชายร่างกายสูงใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าจะทานได้น้อยขนาดนี้
“อิ่มแล้ว”
“โอเคค่ะ คุณไปนั่งรอที่โซฟาก่อนเดี๋ยวฉันจะเก็บโต๊ะเอง”
“อืม”
–
ตะเกียบและถ้วยของทั้งคู่ ใช้เวลาในการเก็บไม่นาน แค่สิบกว่านาทีห้องครัวได้ถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดหมดจด
ตอนที่เธอเดินออกมานั้น ป๋อจิ่งชวนก็กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังดูอะไรอยู่หว่างคิ้วเขาถึงได้ขมวดเข้าหากันอย่างเยือกเย็นจนเห็นได้ชัดแบบนั้น
เธอเดินเข้าไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งเห็นรายการโทรทัศน์สีหน้าของเธอก็ค่อยๆ เย็นชาขึ้นมา
ในโทรทัศน์กำลังฉายถ่ายทอดสด ภาพเบื้องหลังคือหน้าประตูของอาคารใหญ่แห่งสกุลซู สื่อมวลชนจากหลายสำนักมารวมตัวกันที่หน้าประตู ห้อมล้อมเจ้าของรอยยิ้มอันงดงามอย่างเฉินเชียนโหรวและข้างๆ กันนั้นคือประธานกลุ่มสกุลซูอย่างซูเหิงที่อยู่ในเสื้อสูทรองเท้าหนังและใบหน้าเรียบเฉย
“เชียนโหรว ได้ข่าวว่าคุณคือ Rosanna ที่คว้ารางวัลที่สี่มาได้จากการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติครั้งใหญ่ที่กรุงฝรั่งเศสใช่ไหม”
“ไม่ได้ยืนบทแท่นรางวัล ก็แค่ที่สี่เอง ได้รับความสนใจจากพวกคุณแบบนี้ฉันไม่กล้ารับไว้หรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินคำยอมรับจากเฉินฝานซิง สื่อต่างๆ ก็พากันตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอสอบถามหน่อยค่ะประธานซู คุณเพิ่งเลื่อนขั้นให้คุณหนูเฉินเป็นหัวหน้าแผนกนักปรุงน้ำหอมแบบนี้แล้วคุณเฉินฝานซิงก่อนหน้านี้ล่ะคะ ถูกปลดจากหน้าที่แบบนี้เธอจะคิดยังไง”
“ข่าวว่าเธอได้ลาออกจากสกุลซูไปแล้วจริงไหม”
“ยังรู้มาอีกว่าระหว่างคุณเฉินฝานซิงและคุณเฉินเชียนโหรวมีเรื่องไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ มีคนบอกว่าข่าวลือเรื่องคุณเฉินฝานซิงถูกคัดชื่อออกเพราะขโมยสูตรน้ำหอมในการแข่งขันออกแบบแฟชั่นในประเทศปีนั้นถูกเปิดโปง จนกระทั่งถูกถอนคุณวุฒิและถูกสถานศึกษาถอนชื่อออกจากบัญชีอย่างถาวรนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ใช่หรือไม่ว่าการกระทำของคุณในตอนนี้เป็นการตอกย้ำว่าการขโมยไอเดียของคุณเฉินฝานซิงนั้นเป็นเรื่องจริง”
เผชิญกับคำถามของสื่อมวลชนที่ยิ่งถามยิ่งบาดลึก สีหน้าของซูเหิงก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าสีหน้าที่ทำให้คนต้องขวัญผวายิ่งกว่าซูเหิงนั่นก็คือคนที่นั่งอยู่บนโซฟาของเฉินฝานซิงหน้าโทรทัศน์
ใบหน้าคมคายนั้นเคร่งขรึมกว่าครั้งไหนๆ เขาหันมองเฉินฝางซิง คิ้วยังฉายแววเยือกเย็น
“สรุปว่าวันนี้คุณไปลาออกหรือถูกเขาแย่งตำแหน่งจนรีบออกมากันแน่”
เธอขมวดคิ้ว “…ฉันต้องไปลาออกอยู่แล้ว”
ก็แค่นึกไม่ถึงว่าซูเหิงจะตัดสินใจทำเรื่องแบบนั้น
เขารั้งคิ้วตึง เงียบไปสักพักแล้วลุกขึ้นเดินมาหยุดข้างๆ เธอ แล้วหลุบตามองลงมา
“งั้นก็ดี ว่าแต่…เรื่องที่นักข่าวถามเมื่อกี้หมายความว่าไง? ที่บอกว่าปีนั้นคุณไปขโมยสูตรน้ำหอมของดาราต๊อกต๋อยคนนั้น”
ดาราต๊อกต๋อย?
ทุกวันนี้เฉินเชียนโหรวเป็นถึงตัวตั้งตัวตีของสื่อบันเทิงหลานอวิ้นเชียวนะ!
เขากลับเรียกเธอว่าดาราต๊อกต๋อย?
แต่นี้ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะคำพูดเมื่อครู่ของป๋อจิ่งชวนได้สร้างความเหน็บหนาวขึ้นในหัวใจของเธอ
ฝ่ามือที่แนบกายอยู่คู่นั้นกำเข้าหากันแน่น ดวงตาสุกใสจ้องมองเขาอยู่เนิ่นนานก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า
“…ฉันบอกว่าไม่จริง คุณจะเชื่อไหม”
“แค่คุณพูดผมก็เชื่อ” เขาตอบกลับอย่างไม่ลังเล ทำให้นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“…ฉันไม่ได้ขโมยไอเดียของเธอ”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล แล้วก้าวเดินออกไป
เฉินฝานซิงรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบหันไปคว้ามือเขาเอาไว้