ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 119 ชั่วโมงต้องมนต์ / ตอนที่ 120 เมินเฉย

ตอนที่ 119 ชั่วโมงต้องมนต์

 

 

“คุณพระ…เธอคือใครน่ะ เธอช่าง…ช่าง…”

 

 

เจ้าของเสียงอุทาน จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาคำบรรยายมานิยามหญิงสาวที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นมาตรงทางเข้าห้องจัดเลี้ยงได้

 

 

ควรจะบรรยายว่าไงดี

 

 

สวย? ก็ธรรมดาไป

 

 

งดงาม? ก็ยังไม่ลึกซึ้งพอ

 

 

หญิงสาวคนนั้นค่อยๆ ปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนด้วยท่าทีไม่รีบร้อนราวกับก้าวเดินอยู่บนสายลม

 

 

“ขอโทษนะคะ มีข้อความจากคนที่ชื่อสวี่ชิงจือไหม”

 

 

เฉินฝานซิงหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูแล้วเอ่ยถามต่อบริกรที่ยืนอยู่ตรงนั้น

 

 

บริกรคนนั้นมองเธออย่างนิ่งอึ้งอยู่นาน ทางเฉินฝานซิงเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเขาจะรีบตอบอย่างร้อนรน

 

 

“สวี่ชิงจือ? มีครับ! คุณคือคุณหนูเฉินฝานซิงใช่รึเปล่า”

 

 

เธอพยักหน้าน้อยๆ

 

 

“คุณหนูสวี่อยู่ทางฝั่งซ้ายของโซนอาหารครับ สั่งว่าหากคุณหนูมาแล้วให้ไปหาเธอเลย!”

 

 

“ขอบคุณนะคะ”

 

 

เธอเอ่ยขอบคุณแล้วกวาดตามองไปรอบๆ จากจุดเดิม ผลสุดท้ายก็พบกับสวี่ชิงจือกำลังโบกมือเรียกเธออยู่จากมุมซ้ายของโซนอาหาร

 

 

เธอพยักหน้ารับแล้วยกชายกระโปรงขึ้นเดินลงจากขั้นบันไดไป

 

 

เดรสยาวสีแป้งพัลส์

 

 

นี่เป็นเสื้อผ้าสีที่เฉินฝานซิงไม่เคยสวมใส่มาก่อน

 

 

มันถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายอ่อนหวาน มองแวบแรกดูคล้ายเกาะอก แต่เมื่อมองดีๆ แล้ว จะเห็นเส้นด้ายโปร่งแสงถักทอเชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อเป็นซับแนบอกเอาไว้

 

 

ไหปลาร้าสวยปรากฏอยู่ท่ามกลางเส้นด้ายบางๆ คอปกตั้งตรงรูปตัววีเล็กสไตล์จีนย้อนยุคโอบคอขาวงดงามราวกับลำคอของหงส์ฟ้าของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง

 

 

ตรงหน้าอกตกแต่งด้วยลายดอกยิปโซฟิลล่าปักมือกระจายอยู่ทั่ว เป็นงานฝีมือที่ขั้นตอนซับซ้อน แต่เมื่อมองดูด้วยสายตาแล้วกลับไม่ได้ดูรกตาเลยแม้แต่น้อย

 

 

เนื้อผ้าราคาแพงของชายกระโปรงยาวทิ้งตัวลงกับพื้น ยามที่เธอก้าวเดินรองเท้าส้นสูงคริสตัลสีเงินขาวคู่หนึ่งก็ปรากฏออกมา

 

 

รูปทรงและลวดลายที่เรียบง่ายรับกับรูปร่างที่สูงสง่าของหญิงสาว

 

 

ใบหน้าของเธองดงามมาก มองแวบเดียวก็ต้องตกตะลึงในความสวย ยิ่งมองก็ยิ่งงดงามละเอียดลออ

 

 

ในตอนนี้เธอแต่งแต้มใบหน้าเล็กน้อย ขับให้รูปหน้าที่งดงามนั้นสวยสดยิ่งขึ้น

 

 

ผมยาวถูกยกเกล้าขึ้นสูง ปอยผมทั้งสองข้างถูกดัดให้เป็นลอนปรกอยู่ที่ทั้งสองแก้ม เพิ่มความมีชีวิตชีวา

 

 

ใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องมนต์สะกด เสื้อผ้าที่ทำให้ผู้คนทึ่งในความงดงาม แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปกว่านั้นคือความสุขุมเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของเธอ

 

 

นั่นเป็นบุคลิกที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเลียนแบบได้

 

 

เธอไม่ได้มีความน่ารักและความอ่อนโยนอย่างที่หญิงสาวส่วนใหญ่มี

 

 

เธอเยือกเย็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เย็นชามาตั้งแต่ไหนแต่ไรและใบหน้าสวยเองก็ไร้ชีวิตชีวามาตั้งแต่ไหนแต่ไร

 

 

ทว่าคนที่เยือกเย็นขนาดนี้กลับสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้ได้

 

 

เธอไม่ต้องพูดอะไรใดๆ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น กวาดสายตาเยือกเย็นนั้นไปรอบๆ ใครต่อใครก็ต่างถูกเธอสะกดจนถอนตัวไม่ขึ้น

 

 

ไม่มีใครกล้าไปคิดเพ้อเจ้อกับเธอ

 

 

แม้จะอยากเห็นผิวพรรณที่โผล่ออกมาจากด้ายบางๆ นั้นบ้างสักหน่อย ก็จะดูเป็นการล่วงเกิน

 

 

เธอไม่ใช่เจ้าหญิง

 

 

แต่เธอมีความกล้าหาญเพียงพอที่จะสยบเจ้าหญิงได้

 

 

ใช่แล้ว ก็แค่ผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ!

 

 

สง่าผ่าเผย งดงามอย่างมีระดับ สูงค่าและเย็นชา

 

 

ความกังวลทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเฉินฝานซิงนั้นดูมากเกินไป

 

 

สิ่งเดียวที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้คือ ราชินีที่ดันสวมกระโปรงเจ้าหญิงหรือแอปเปิลที่ดันงอกในเถาองุ่น

 

 

เพียงเพราะป๋อจิ่งชวนผู้ชายที่น่าทึ่งคนนั้น หาชุดราตรีที่ทำให้เธอประหลาดใจมาให้

 

 

เลยทำให้เธอไม่ได้ตื่นเต้นถึงขนาดนั้น

 

 

สิ่งที่โดดเด่นในค่ำคืนนี้ไม่ใช่ชุดราตรีที่เฉินฝานซิงสวมอยู่แต่เป็นเฉินฝานซิงที่สวมชุดราตรีนั้นอยู่ต่างหาก

 

 

นอกจากเธอแล้วใครก็ไม่มีสิทธิ์!

 

 

“นั่นเฉินฝานซิง?!”

 

 

เสียงอุทานที่ดังขึ้นทำให้ซูเหิงที่กำลังมอบรอยยิ้มอ่อนโยนและเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับเฉินเชียนโหรวอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมา…

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 120 เมินเฉย

 

 

เมื่อเห็นหญิงสาวที่ค่อยๆ หันมองมาทางเขาอย่างเชื่องช้า เขาก็ถึงกับตาค้าง มือที่ถือแก้วเหล้าอยู่นั้นเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขามองไปที่เธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา!

 

 

เฉินเชียนโหรวเองก็แทบจะเงยหน้าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ยามที่ได้เห็นเฉินฝานซิง รอยยิ้มเหนียมอายบนใบหน้าพลันแห้งเ**่ยว

 

 

เฉินฝานซิง?!

 

 

“เธอเป็นใครกันน่ะ สวย…สวยจังเลย!”

 

 

“อื้ม บุคลิกเธอดูดีมากเลยนะ!”

 

 

“เห็นชุดที่เธอใส่รึเปล่า สีนั่นเห็นได้ยากมากเลยถูกไหม สวยจริงๆ เลยนะ!”

 

 

เธอไม่ได้สนใจกับเสียงกระซิบกระซาบรอบๆ ตัว พร้อมมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยท่าทีเย็นชา

 

 

แต่เมื่อคำชมเหล่านั้นได้ลอยเข้าหูแล้วเฉินเชียนโหรวแล้วก็ไม่อาจจะปล่อยผ่านไปได้

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มข้างกายแต่กลับพบว่าเขากำลังมองเฉินฝานซิงอย่างนิ่งอึ้ง ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตานั้นอย่างปิดไม่มิด

 

 

เมื่อหันไปสนใจทุกสายตาของคนที่ยืนรวมตัวอยู่ตรงหน้าเธอ บัดนี้ทุกคนวางสายตาไปยังเฉินฝานซิงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

 

 

เธอกัดกลีบปากของตัวเองแน่น แทบจะบีบแก้วยาวที่ถืออยู่ให้แหลกคามือ

 

 

เมื่อเห็นเฉินฝานซิงเดินเข้ามาทางนี้ เฉินเชียนโหรวจึงข่มความคุกรุ่นในหัวใจลง ก่อนจะฝืนยิ้มอย่างมีความสุข

 

 

“พี่คะ มาสักทีนะ”

 

 

เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เอื้อมมือหมายจะคว้าแขนของพี่สาวเอาไว้ ทว่าเฉินฝานซิงกลับเบี่ยงหลบอย่างเฉยชา

 

 

มือของเฉินเชียนโหรวชะงักค้างอยู่ที่เดิม ความอึดอัดผุดขึ้นบนใบหน้าสวย

 

 

นัยน์ตาสีดำขลับของเฉินฝานซิงค่อยๆ เคลื่อนมาหยุดตรงหางตาแล้วปรายตามองเธอแค่เพียงครู่

 

 

ความเย็นเยียบจากสายตาเย็นชานั้นแทบกัดกินไปถึงกระดูกดำ

 

 

ซูเหิงดึงสติกลับมาได้ก็เดินตามเข้ามา ภายใต้อาการทึ่งในความงามนั้นเต็มไปด้วยความสับสน

 

 

การบริหารธุรกิจมาตลอดหลายปี ผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาก็ไม่น้อย แต่นาทีที่ได้เห็นเฉินฝานซิงเมื่อกี้กลับทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างมาก

 

 

เขารู้มาเสมอว่าเฉินฝานซิงเป็นคนสวย เพียงแต่หลายปีนี้กลับค่อยๆ ถูกเขามองข้ามไป

 

 

“ฝานซิง เธอมาแล้ว…”

 

 

เขาเอ่ยปากแล้วเอื้อมมือไปคว้าเธอ

 

 

กลิ่นหอมจางๆ ที่ฟุ้งอยู่ข้างกายนั้นลอยผ่านเข้ามา อายแชโดว์สีพีชตรงหน้ามองผ่านเขาด้วยความเย็นชา

 

 

ร่างสูงสง่าของเขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าหล่อค้างเติ่ง

 

 

เฉินฝานซิงไม่แม้จะชายตามองเขาเลยตั้งแต่เริ่ม เธอเดินเฉียดไหล่เขาไปอย่างเยือกเย็น

 

 

วินาทีนั้น หัวใจของเขารู้สึกวูบโหวง ความรู้สึกหวั่นกลัวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

 

 

เฉินฝานซิงก้าวเดินไปยังโซนอาหาร ทุกที่ที่เธอก้าวไปผู้คนต่างก็พากันหลีกทางให้เธอผ่านไปได้อย่างอัตโนมัติ

 

 

สวี่ชิงจือยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร เธอมองเฉินฝานซิงที่กำลังใกล้เข้ามาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

 

 

สวี่ชิงจือเป็นคนที่สวยตั้งแต่เล็กจนโต ฐานะดี ทว่ากลับไม่ได้เป็นดอกไม้งามหวานหยาดเยิ้มที่ต้องการการประคบประหงมอย่างเช่นลูกคุณหนูคนอื่นๆ

 

 

เช่นดั่งกาเข้าฝูงกา สิ่งที่เธอมีเหมือนกับเฉินฝานซิงนั่นก็คือความเข้มแข็งและความเป็นเวิร์กกิงวูแมนที่เผยอยู่รอบตัวอย่างเห็นได้ชัด

 

 

แต่สิ่งที่แตกต่างจากเฉินฝานซิงนั้นก็คือ ท่าทางของเธอนั้นมีทั้งมุมที่สุขและมุมที่เศร้า นอกจากนี้ยังมีสไตล์ความเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นเอกลักษณ์

 

 

เมื่อเห็นเฉินฝานซิงเข้ามาใกล้เธอก็ขำออกมาเบาๆ

 

 

“อย่าว่าแต่คนพวกนั้นเลย วันนี้แม้แต่ฉันเองก็ต้องตกใจเพราะเธอ”

 

 

เสียงหยอกล้อของเพื่อนรักทำเอาเธอหลุดขำออกมาอย่างไม่มีเสียง

 

 

“อย่ายกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโอเคไหม เดี๋ยวฉันก็เดินไม่ได้กันพอดี”

 

 

“โอเค! ไม่พูดแล้ว กินอะไรสักหน่อยก่อนสิ เดี๋ยวดื่มเหล้าเข้าไปจะได้ไม่กัดกระเพาะ”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยกันไปพลางเลือกอาหารกันไปพลาง

 

 

“พี่เหิง วันนี้พี่เขาสวยจังเลยเนอะ ว่าไหมคะ”

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้ เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้ ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด! “การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset