ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 379 คนของฉัน ไม่ควรถูกเหยียดหยาม

“คุณพ่อของหนูฝากของไว้ให้ฉัน?” หลินอิ่งมองไปยังหยังสู้สู้ด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

เป็นอย่างที่ตัวเองคิดจริงๆด้วย หยังสวนเจิง ยังเหลือทางอื่นไว้อยู่

เมื่อถึงระดับของหยังสวนเจิง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนที่แก๊งมังกรเปลี่ยนไปได้ แต่ว่าหลังจากนั้น ยังสามารถใช้ความคิดที่ดี ซ่อนวางแผนไว้

“ใช่ค่ะ พ่อของหนูบอกว่า จะต้องมอบให้คุณลุงอิ่งกับมือ” หยังสู้สู้พูดอย่างจริงจัง มือทั้งสองข้างจับก้อนกรวดสีดำที่ธรรมดาเอาไว้

หลินอิ่งมองดูท่าทางที่แน่วแน่ของหยังสู้สู้ เขาขยับหน้า และรับหินสีดำนี้มาอย่างจริงจัง วางไว้ตรงฝ่ามือ

หลังจากที่หายใจสามครั้ง ก้อนกรวดสีดำที่อยู่ในมือจองหลินอิ่ง ก็กลายเป็นผงขี้เถ้า และไหลลงมาที่ปลายนิ้ว

ก้อนกรวดสีดำ ชะล้างผงขี้เถ้าออก ข้างในเป็นหยกขาวกลมๆที่ใสแจ๋ว

หลินอิ่งบิดหยกขาวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ แบ่งออกเป็นสองส่วน และดึงม้วนจดหมายที่ทำจากวัสดุที่พิเศษออกมา

นี่เป็นวิธีส่งข่าวสารข้อมูลพิเศษของแก๊งมังกร หินดำซ่อนจดหมาย

ถ้าหากว่าใช้กำลังทุบหินก้อนนี้เพื่อเปิดมัน เชื้อเพลิงในหยกก็จะทำการเผาไหม้โดยอัตโนมัติ และเผาจดหมายไปด้วย ทำลายข้อมูลทิ้ง

และการเปิดหินที่ถูกต้องนั้น มีเพียงหลินอิ่งคนเดียวถึงจะรู้

“นี่คือ……”

“นี่เขากำลังเล่นมายากลอยู่ใช่ไหม?”

“เป็นไปได้มั้ย? ว่านี่คือสิ่งของมีค่าอะไรที่หยังสวนเจิงไดทิ้งเอาไว้ให้?”

พวกแม่สวีมองหลินอิ่งด้วยแววตาที่เหลือเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่เข้าใจ หลินอิ่งทำได้ยังไง สามารถทำให้หินสีดำที่อยู่ในมือของหยังสู้สู้ให้กลายเป็นผงขี้เถ้า แล้วเปลี่ยนเป็นหยกขาว?

อย่างบอกนะว่า หินที่หยังสู้สู้เด็กโง่นั้นถืออยู่ทุกวัน นั้นจะเป็นของมีค่าจริงๆ?

หลินอิ่งหยิบจดหมายมาอ่านอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ค่อยๆหลับลง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

หลังจากนั้นไม่นาน หลินอิ่งค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปยังหยังสู้สู้แล้วพูดว่า “พ่อของหนูมีความตั้งใจมาก”

“นี่? นายเป็นเพื่อนของหยังสวนเจิงจริงๆหรอ? ในมือของนายถืออะไรไว้? นั้นคือสิ่งที่หยังสวนเจิงทิ้งไว้ให้ครอบครัวของเรานะ” แม่สวีพูดอย่างไม่พอใจและจัองไปที่หลินอิ่ง “นี่คือของของครอบครัวฉัน นายเอามันมาให้ฉัน!”

“ใช่แล้ว! นายมีสิทธิ์อะไรมาบุกรุกบ้านของคนอื่น? ยังมาหยิบของตามใจชอบ?”

“นายคิดว่านายเป็นใคร? ของนั้นเป็นของนายหรือไง ถือมันเอาไว้ในมือ? นายคิดว่าสามารถพึ่งพาบอดี้การ์ดที่เก่งของนาย อยากจะแย่งของอะไรก็ได้?”

ในความคิดของพวกเขา การที่หลินอิ่งมาหาหยังสวนเจิงโดยเฉพาะ ก็เพื่อก้อนหินก้อนนั้น ถ้าอย่างนั้นแสดงให้เห็นว่าก้อนหินก้อนนี้มีความลับที่ยิ่งใหญ่! อาจจะเกี่ยวข้องกับมรดกที่หยังสวนเจิงทิ้งเอาไว้ให้

จะต้องไม่ปล่อยให้บุคคลนอกมาเอาไป!

หลินอิ่งมองไปยังผู้คน และพูดอย่างเฉยเมย “พวกนายเป็นอะไรกับหยังสวนเจิงอีก?”

“ ฉันคือภรรยาของหยังสวนเจิง สวีชิงเยว่ มีอะไรหรอ?” สวีชิงเยว่พูด “ เนื่องจากเป็นของที่หยังสวนเจิงได้ทิ้งเอาไว้ ก็ควรที่จะมอบให้ฉัน! นายไม่มีสิทธิ์มาเอาไว้!”

“ภรรยาของหยังสวนเจิง? คุณคู่ควรไหม?” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา “ หยังสวนเจิงมอบหมายให้คุณดูแลลูกสาวของเขา แต่คุณปฏิบัติกับเธอยังไง?”

“ ฉันจะปฏิบัติกับเธออย่างไร นั่นมันก็เป็นเรื่องของครอบครัวของฉัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างนาย?” สวีชิงเยว่พูดอย่างประชดประชัน “ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีบอดี้การ์ดที่เก่งก็มาทำเป็นอวดเก่ง? ยังมายุ่งเรื่องของครอบครัวสวีอีก?

หลินอิ่งส่ายหัว แล้วเหลือบมองหยังสู้สู้ที่ท่าทางน่าสงสาร บนใบหน้ายังมีรอยนิ้วมือที่ชัดเจน นอกจากนี้บนมือและขายังมีร่องรอยของแผลเป็นแถวๆจากการถูกแส้ฟาดมาเป็นเวลานาน

โดยเฉพาะ สีผิวที่เหลืองที่ราวกับว่าร่างกายขาดสารอาหาร สวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ดูเหมือนเด็กเร่ร่อนพเนจร เป็นเพราะว่าถูกขังอยู่ในวิลล่ามาเป็นเวลานาน ห้ามไม่ให้ไปโรงเรียน ดูเหมือนว่าสมองก็มีปัญหานิดหน่อย มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กออทิสติก

ต้องรู้ว่า หยังสวนเจิงก็เหลือวิลล่าหลังใหญ่ไว้หลังหนึ่ง ที่ดินหนึ่งผืนในเมืองก่าง ไม่ต้องพูดเยอะ ทรัพย์สินอย่างน้อยพันล้านที่เหลือเอาไว้

สุดท้าย สวีชิงเยว่ได้รับมรดกส่วนนี้ของหยังสวนเจิง แต่กลับปฏิบัติกับหยังสู้สู้อย่างโหดร้าย? ไม่ได้สนใจแม้แต่เสื้อผ้าและอาหารการกินของเด็ก?

หลินอิ่งรู้สึกปวดใจ

ตอนที่หยังสวนเจิงอยู่นับว่าเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงผู้ลึกลับ เป็นหัวหน้าในสำนักมังกรดำแห่งแก๊งมังกร ศิลปะการต่อสู้กล่าวได้ว่าเหนือโลก ความร่ำรวยในโลกคือสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย หลังจากที่ตายไป ทายาทเพียงคนเดียว กลับต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้?

หยังสวนเจินทั้งชีวิตนี้ทำงานให้กับแก๊งมังกรด้วยความซื่อสัตย์ หลังจากที่ตายไป ก็ไม่เคยลืม ให้คนรุ่นหลังปกป้องข้อมูลและรอให้เขามารับของเอง

เรื่องของลูกสาวหยังสวนเจิง เขาหลินอิ่ง ไม่สามารถที่จะนั่งเฉยๆทำเป็นไม่สนใจไม่ได้!

“ไอ้โง่นี่นายหูหนวกหรือไง? ฉันให้นายเอาของคืนมา และก็ปล่อยหยังสู้สู้กลับมา! ฉันได้โทรเรียกคนมาแล้วนะ!” สวีชิงเยว่ตะโกน “ อย่าคิดว่าครอบครัวของเรารังแกง่าย ตระกูลสวีของพวกเรายังเป็นครอบครัวใหญ่ในเมืองก่างอีกด้วย!”

เมื่อเห็นว่าทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ สีหน้าของสวีชิงเยว่ดูไม่พอใจและพูดว่า “ หยังสู้สู้ ไอ้เด็กบ้านี่ ยังไม่เอาของนั้นแล้วใส่หัวกลับมา! แกลืมไปแล้วหรอ ว่าใครเป็นคนเลี้ยงแกมา? แกกินข้าวของบ้านใคร หรืว่าแกไม่รู้อะไรเลย?”

“หนู หนูกำลังคุยเรื่องบางอย่างกับคุณลุงอยู่ รออีกเดี๋ยวเดียวหนูกลับไป……” หยังสู้สู้พูดอย่างเชื่อฟัง เห็นได้ชัดว่าในใจของเธอกลัวสวีชิงเยว่มาก

“ แม้แต่คำพูดของฉันก็ไม่ฟังแล้ว? แกมันให้เด็กบ้า! ถ้าไม่เห็นว่าแกมีประโยชน์ ฉันฆ่าแกไปนานแล้ว! ถ้าเป็นห่วงเรื่องของพ่อที่ไม่ได้เรื่องของแกมากนัก ทำไมไม่ตายไปกับพ่อที่ไม่ได้เรื่องของแกตั้งแต่แรก?” สวีชิงเยว่พูดสาปแช่ง

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอยากรู้ว่าหยังสวนเจิงจะทิ้งมรดกอะไรไว้ให้กับหยังสู้สู้บ้าง ฉันก็ฆ่าเด็กนี่ไปนานแล้ว! ตอนนี้ยังกล้าที่จะสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก?

ท่าทางแบบนี้ หยังสู้สู้กำลังบอกความลับที่หยังสวนเจิงทิ้งเอาไว้ให้กับคนนอกอย่างชัดเจน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของสวีชิงเยว่ปรากฏความอิจฉาและความเกลียดชังขึ้นมา

“นายคนที่นามสกุลหลิน ฉันจะบอกอะไรนายให้ นายมันก็แค่คนนอกคนหนึ่ง อย่ามาทำเป็นโลภมากกับมรดกที่หยังสวนเจิงทิ้งเอาไว้ให้ ฉันเป็นภรรยาของเขา มรดกที่เขาได้เหลือเอาไว้ นายไม่มีสิทธิ์มาแย่งเอามันไปได้!” สวีชิงเยว่ตะโกน “ รีบเอาของนั้นมาให้ฉัน! ระวังฉันจะไปฟ้องร้องนาย!”

“ หุบปาก!”

หลินอิ่งมองสวีชิงเยว่ด้วยสายตาที่เย็นชา และพูดอย่างเคร่งขรึม

“ นี่นายกำลังขู่ฉันใช่ไหม? นี่คือบ้านของฉัน!” สวีชิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ นายบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต รอฉันไปหาคนของตระกูลสวี จับนายส่งเข้าคุก!”

“เชื่อฉัน จะไม่อับอาย” หลินอิ่งพูดอย่างเฉยเมย

“ นายหมายความว่ายังไง?” สวีชิงเยว่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ ความหมายของนายคือต้องการออกหน้าช่วยหยังสู้สู้? คิดว่าพวกเราดูถูกเธอ? หึ ช่างน่าตลกสิ้นดี”

“ ไม่เชื่อนาย จะทำให้อับอาย? คนที่นามสกุลหลิน นายคิดว่านายเป็นเทวดาหรือไง? หยังสู้สู้คือลูกสาวของฉัน ฉันอยากจะดูถูกเธอตามต้องการยังไงก็ได้ ฉันขายเธอให้กับซ่องโสเภณีแล้วจะยังไง? มีความเกี่ยวกับกับนายสักนิดไหม?”

สวีชิงเยว่เอามือท้าวเอว พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ท่าทางราวกับว่าตัวเองถูกต้องที่สุด

หลินอิ่งไม่ได้พูดอะไรอีก เขาไม่ต้องการพูดมากกับผู้หญิงที่ร้ายกาจคนนี้ และไม่อยากจะพูดโต้แย้งอะไร

เหตุผล คือการพูดให้กับคนที่ฟังเข้าใจ

ผิดถูก คือการแยกแยะให้กับคนเข้าใจ

คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่คู่ควร

“ฮาเดส ฆ่าพวกเขาให้หมด”

หลินอิ่งทิ้งไว้ประโยคหนึ่งด้วยความเฉยเมย

หลังจากนั้น หันหลังแล้วพาหยังสู้สู้ เดินออกไปจากวิลล่าแห่งนี้

ฮาเดสยิ้มอย่างเย็นชา บนใบหน้าของเขาปรากฏความโหดร้าย ได้รับคำสั่งของหลินอิ่ง เขาก็เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ออกมาจากกรง ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด

“อึก!”

“อึก!”

“อึก!”

เสียงกรี๊ดด้วยความเจ็บปวดดังมาจากข้างในของวิลล่า

ทันใดนั้นสวีชิงเยว่คุกเข่าลงตรงหน้าฮาเดส ตัวสั่งไปทั้งตัว ก้มคำนับขอความเมตตา

“ไม่! อย่าฆ่าฉันนะ ฉันเป็นภรรยาของหยังสวนเจิง! ได้โปรดเห็นแก่หน้าของหยังสวนเจิงเถอะ!”

“ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรทรมานหยังสู้สู้ ให้โอกาสฉันหนึ่งครั้งเถอะ ต่อไปฉันจะดูแลเธออย่างดี”

แครก!

ฮาเดสคว้าคอของสวีชิงเยว่ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เย็นชาราวกับหุ่นยนตร์

ประธานหลินพูดว่าฆ่าทิ้งให้หมด เขาก็จะมาปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset