5ทุ่ม 50นาที
อีกสิบนาทีจี้งผิงโจวน่าจะมาถึง
อีกสิบนาที เขาคงเดินเข้ามาในห้อง และคงถามว่า “ทำไมยังไม่นอนอีก?” จากนั้นคงค่อยๆถอดเนกไท และจัดการเรื่องของตัวเองต่อ
3ปีแล้ว
เขาไม่เปลี่ยนไปเลย
ทำให้ความอดทนของเหอเจิงก็ไม่เหลือแล้วเช่นกัน เธอเตรียมใบหย่าและเก็บไว้ และฝืนฉีกยิ้มให้กับตัวเองที่หน้ากระจก เฝ้ารอเวลาที่สามีกลับ
ชั่วครู่
ประตูก็ถูกผลักออก
จี้ผิงโจวมาถึงตรงเวลา จากนั้นเหอเจิงก็เดินเข้าไปเตรียมรองเท้าให้เขา และพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดั่งเคยว่า “กลับมาแล้ว ช่วงนี้ยุ่งไหม?”
จี้ผิงโจวแสร้งไม่ได้ยิน ราวกับเป็นคนหูหนวก
การกระทำแบบนี้ของเขา เธอชินตั้งนานแล้วแหละ..
เมื่อเธอยืนขึ้น
ก็เห็นจี้ผิงโจวเดินเข้าห้องไปแล้ว และกำลังจะถอดเนกไทออก เหอเจิงเข้าไปช่วยเขา และได้เห็นว่าบนคอเสื้อสีขาวนั่น มีรอยอายแชโดวอยู่บางๆ
ถ้าเธอไม่ได้มาช่วยเขาปลดกระดุมคอเสื้อ เธอคงมองไม่เห็น
เมื่อจี้ผิงโจวเห็นท่าทีนิ่งไปของเหอเจิง ก็สงสัยและถามว่า “มีอะไร?”
“ไม่มี” เหอเจิงยิ้มและส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ”
จี้ผิงโจวไม่ได้ถามต่อ และเดินเข้าห้องน้ำไป
น้ำร้อนเตรียมไว้รอเรียบร้อยแล้ว
ไม่ต้องถามอะไรมากมาย เพราะเหอเจิงจัดการไว้แล้ว
ในสายตาของคนอื่น เธอคือภรรยาที่แสนดี ใจกว้าง และไม่เคยโกรธเคืองหรือถือสาอะไรเลย เธอรักจี้ผิงโจวมากจนสามารถอดทนได้ทุกอย่าง
ด้วยเหตุนี้ จี้ผิงโจวจึงได้รับความรักของเธอ และเขาไม่เคยมอบความรักให้เธอกลับเลย เขาคงลืมไปแล้วว่า ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเขา เธอเป็นอย่างไร
“ผิง…” เธอหยุด และกลืนคำพูดลงคอไป เธอพยายามฝืนยิ้มและพูดต่อว่า “จี้ผิงโจว คุณลืมหรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
มีแค่ประตูที่กั้นกลางไว้
จี้ผิงโจวเปิดประตู และถามว่า “วันอะไร?”
“คุณจำไม่ได้ใช่ไหม?”
หรืออาจจะพูดได้ว่า เขาไม่เคยจำต่างหาก
“จะเอาของอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันสั่งให้เสียวเจี่ยนจัดการให้”
เขาไม่พูดว่าเขาจำไม่ได้ และก็ไม่ได้ใส่ใจจะถามว่าเป็นวันอะไร คงจะเดาว่าเป็นวันสำคัญอะไรสักอย่าง และต้องให้ของขวัญ
ผู้หญิงทั่วไปชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
แต่เหอเจิงกลับรู้สึกใจสลาย ตลอดสามปีที่เธอจริงใจและอดทนทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อจี้ผิงโจว ไม่มีค่าใดๆเลย
ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเขา เคยมีพวกผู้หญิงบอกกับเธอว่า จี้ผิงโจวเหมือนหิมะที่อยู่บนภูเขาสูง เขาทั้งเย่อหยิ่ง จองหองและเย็นชา
ยิ่งอยู่ใกล้เขา จะยิ่งทำให้หนาวเหน็บได้
แต่เหอเจิงไม่เชื่อ
และพาตัวเองเข้ามา จนต้องมาเจ็บแบบนี้
เหอเจิ้งเดินไปหยิบใบหย่าบนชั้นหนังสือมา จากนั้นนั่งตรงมุมสลัว ค่อยๆจรดปากกาเขียนชื่อตัวเอง
เธอพยายามข่มอารมณ์ความรู้สึก จากนั้นก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง และค่อยๆสวมใส่มัน
เสียงด้านนอกทำให้จี้ผิงโจวแปลกใจ
เขาจึงยื่นหน้าออกมาและมองไปทางภรรยา ก็เห็นเธอกำลังบรรจงใส่ชุดสีแดงระเรื่ออยู่
ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่เธอก็ยังสวมผ้าพันคอและถุงมือ เธอเงยหน้าขึ้น สายตาเธอดูเหนื่อยล้า
จากนั้นฟางเหอเจิงก็ยิ้มออกมา ดูแล้วสวยไม่มีที่ติ
จี้ผิงโจวรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก และลางสังหรณ์นี้ก็เหมือนจะเป็นจริง เมื่อเธอพูดว่า “จี้ผิงโจว เราหย่ากันเถอะ”