เมื่อพวกเขาไปแล้ว บรรยากาศในห้องก็เงียบกริบ
20นาทีผ่านไป เป๋ยเจี่ยนเพิ่งจะถึง เขายืนรักษาระยะห่างจากจี้ผิงโจว เพราะไม่กล้าเข้าใกล้ตอนนี้
“พวกเขาไปแล้ว”
เมื่อครู่นี้เอง
เหอเจิงคลุมเสื้อของฟางลู่เป่ยอยู่ ในมือยังถือบุหรี่อีกด้วย
และตอนที่เดินออกไป ไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด
“ฟางลู่เป่ยพูดอะไรบ้างไหม?” จี้ผิงโจวถามเสียงเรียบ
เป่ยเจี่ยนส่ายหน้า “เมื่อกี้ตอนจะออกไป เหมือนจะตบคุณฟางครับ แต่ว่าอดไว้ได้ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และกลับไปพร้อมกัน แต่คุณฟางยังพูดอีกว่า…”
“พูดอะไร?”
“พูดว่าต้องฉลองที่เธอได้อิสรภาพกลับมาครับ”
จี้ผิงโจวได้ยินดังนั้น ก็โกรธมาก จากนั้นก็ปาแก้วที่อยู่ในมือ จนเสียงสนั่นหวั่นไหว ทำเอาเป๋ยเจี่ยนถึงกับตกใจ
ครั้งล่าสุดที่จี้ผิงโจวโกรธเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนี้ ก็คือตอนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ
“เสียวเจี่ยน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขุ่นเคือง จากนั้นค่อยๆยกมือขึ้นมาลูบแผลบริเวณคอของเขา
นี่เป็นของขวัญที่เหอเจิงให้เขาไว้ ก่อนจะจากไป
“ฉันเหมือนโดนพี่น้องสองคนนี้หลอกเข้าให้แล้ว นายว่าไหม?”
เป๋ยเจี่ยนรีบหลบตา ไม่ได้ตอบอะไรออกมา
สวนซางอยู่ทางใต้ของเมืองเหยียนจิง และอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองและมีราคาแพงมาก
กลับกันบ้านหลังเก่าของตระกูลฟางอยู่ทางเหนือ ถ้านั่งรถไปต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าได้เจอการจราจรติดขัด อาจจะต้องใช้เวลาเยอะกว่านั้น รถออกได้ไม่นาน เหอเจิงก็เหนื่อยจนผล็อยหลับไป
เธอสลึมสะลือรู้สึกว่ามีคนตบเบาๆที่หัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงฟางลู่เป่ยพูดว่า “ถึงแล้ว ลงรถ”
จากนั้นเหอเจิงก็ลงจากรถ และเดินตามฟางลู่เป่ยไป
ตอนเธอยังเด็ก เธอจะได้กลับบ้านตระกูลฟางแค่ในช่วงตรุษจีนเท่านั้น
ที่เธอจำได้ที่นี่จะมีตึกสูง ภายในมีห้องโปร่งโล่งและสวยงาม อีกทั้งยังมีผ้าม่านลายลูกไม้และตุ๊กตาวางอยู่อีกด้วย และตอนที่ทานข้าวต้อนรับปีใหม่ บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่ แต่เธอก็มักจะได้ไปนั่งบริเวณมุมโต๊ะ จึงทำให้เธอกล้าทานแต่ผัดผักที่วางอยู่ด้านหน้าเท่านั้น
กลับมาดูวันนี้
รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ดูเก่าและล้าสมัย แถมตั้งอยู่ในบรรกาศทะมึนๆ อึมครึมแบบนี้อีก ยิ่งให้ความรู้สึกราวกับเป็นบ้านผีสิง
“อยู่ที่สวนซางมาสามปี กลับมาที่นี่คงไม่ชินเท่าไหร่”
ฟางลุ่เป่ยกล่าว
เหอเจิงรีบตอบกลับว่า “นี่ก็ดีมากแล้ว”
“อีกสักพักตอนเจอแม่ ทำท่าทางให้ดีกว่านี้หน่อยล่ะ”
“อื้ม”
เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน
ก็ได้ยินเสียงมาจากในห้องรับแขก
คุณนายฟางกำลังนั่งเล่นกับแมวอยู่กับป้าแม่บ้านอยู่ “เสี่ยวซวนของเราน่ารักที่สุด ไม่ข่วนคนอื่นเลย ขนาดนั้นตอนอาบน้ำยังเชื่องเลย”
เมื่อเห็นเงา พวกเขาก็หันหลังไปมองแบบไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นตะลึง
เมื่อตั้งสติได้
คุณนายฟางก็หันหน้าไปลูบแมวต่อ จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงจิกกัดว่า “แต่งงานออกไปแล้ว แต่ก็กลับเข้ามาอีก นี่เตรียมจะทำอะไรหรือเปล่า?”
เหอเจิงโน้มตัวเล็กน้อย ทักทาย “คุณแม่คะ”
ไม่มีใครตอบใดๆ เธอจึงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับรูปปั้น
เมื่อป้าแม่บ้านเห็นดังนั้น ก็ยิ้มและเดินเข้ามาจับมือเธอ “คุณหนูรู้ว่าอีกสองวันจะวันเกิดของคุณนายแล้วเลยกลับมาฉลองวันเกิดด้วยกันใช่ไหมคะ”
พูดจบ ก็หันไปส่งสายตาให้ฟางลู่เป่ย
ฟางลู่เป่ยเห็นแบบนั้น ก็รีบไปหาแม่ของตนและช่วยพูดให้เหอเจิงว่า “แม่ครับ เหอเจิงก็ไม่ได้กลับมาตั้งนานแล้ว แม่อย่าทำให้เธอลำบากใจเลยนะครับ”
“ใครทำให้เธอลำบากใจ?” คุณนายสะบัดมือฟางลุ่เป่ยออก “ตั้งแต่แต่งงานออกไป ก็ไม่เคยโทรกลับมาบ้านสักสาย จะกลับมาฉลองวันเกิดเหรอ? หึ ฉันว่าโดนคนของตระกูลจี้ไล่ออกมามากกว่ามั้ง?”
เหอเจิงตอบกลับทันทีว่า “ฉันเตรียมจะหย่ากับจี้ผิงโจวค่ะ”
และทุกอย่างก็เงียบกริบ
เหอเจิงไม่ได้พูดอะไรต่อ และเตรียมใจจะถูกไล่ออกจากบ้าน
เพราะถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับจี้ผิงโจวแล้ว เธอก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาอีก
แต่เธอคิดผิด เพราะจู่ๆ คุณนายก็วางแมวลง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จนฟังไม่ออกว่าอารมณ์เธอเป็นแบบไหน “ป้าหมิง ไปจัดห้องของคุณหนูด้วยนะ”