เมื่อข้างกายขาดคนไปหนึ่งคน จึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
เช่น เช้านี้ เขาไม่มีฟางเหอเจิงมาดูแลและเลือกเนคไทให้ เขายืนมองเนกไทอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะหยิบส่งๆมาเส้นหนึ่ง
ประชุมตอนเช้านี้คงไปสายแล้วแหละ
จากนั้นเขาก็เดินลงบันไดมา พร้อมกับผูกเนคไทไปด้วย
และก็มองเห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเธอคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้า ก้หันกลับมามอง จากนั้นพูดว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“ทานอาหารเช้าไงคะ”
“อาหารเช้าไม่ได้ทานที่นี่นิ”
เพราะที่ตึกเหนืออยู่ด้านในที่สุด และค่อนข้างเงียบสงบ พวกเขาจึงเอาตึกนี้เป็นเรือนหอ โดยปกติแล้วจะมีแค่แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น นอกนั้นก็จะมีแค่เหอเจิงกับเขาอยู่เท่านั้น
จี้ผิงโจวเองก็ไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่มย่ามในบ้าน
โดยเฉพาะยัยน้องสาวคนเล็กของเขา ผู้ที่เอาแต่ใจและชอบเอะโวยวายคนนี้
จี้ซูทำหน้าทำตาพูดว่า “พวกป้าๆทำอาหารไม่อร่อย ไม่เหมือนที่ฟางเหอเจิงทำ”
จี้ผิงโจวขมวดคิ้ว และถามว่า “แล้วอย่างไร?”
“เพราะฉะนั้นเรียกให้เธอมาทำกับข้าวให้ฉันทานไง”
เขารู้มาตลอดว่าคนในบ้านไม่ค่อยให้ความเคารพเหอเจิงเท่าไหร่ แต่ก็คิดไม่ถึงจะถึงขั้นว่ามองเหอเจิงเป็นแม่บ้านไปแล้ว
ห้องรับแขกเงียบมาก
จี้ซูไม่สนใจเอาแต่ร้องโหวกเหวกโวยวายไปทางชั้นบนว่า “ฟางเหอเจิง นี่มันกี่โมงแล้ว ยังไม่ตื่นอีกเหรอ? ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”
“จี้ซู!” จี้ผิงโจวตวาดลั่น “ปกติแล้วเธอไม่มีมารยาทแบบนี้เหรอ?”
“ทำไม ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด…”
จี้ซูก้มหน้าและพึมพำต่อ “แต่ก่อนพี่ก็ไม่เคยบอกว่าฉันไม่มีมารยาทนี่นา”
“เธอไม่อยู่”
“ห๊ะ?”
“เธอกลับไปบ้านตระกูลฟางแล้ว”
ประโยคนี้ยากที่คนจะเชื่อ
ตั้งแต่ที่เหอเจิงแต่งงานมา เธอก็อยู่แต่ที่สวนซางเพื่อรอจี้ผิงโจวกลับมาในทุกๆวัน และสามปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด น้อยครั้งมากที่เธอจะออกไปข้างนอก แทบจะนับครั้งเลยก็ว่าได้ และไม่เคยเลยที่อยู่ดีๆเธอจะกลับบ้านตระกูลฟางแบบนี้
อีกอย่างบ้านนั้นก็ดูเหมือนไม่ใช่บ้านที่แท้จริงของเธอ เพราะผู้คนที่นั่นมักจะชอบดูถูกและเยาะเย้ยเธอ และเมื่อเวลาที่คุณนายฟางเห็นเธอก็มักจะชอบพูดจิกกัดและเหน็บแนม แถมยังมีพี่ชายคนละแม่ที่ชอบพูดจากระทบกระทั่งเธออีก
เพราะฉะนั้นการอยู่ที่นั่นไม่ได้สบายมากกว่าอยู่ที่นี่แน่ๆ
จี้ซูทำสีหน้าแปลกประหลาดใจมาก และไม่เชื่อว่าเหอเจิงจะกลับไปบ้านตระกูลฟางจริงๆ “ผู้หญิงคนนี้ประสาทกลับไปแล้วหรือไง? ไม่ใช่ว่าเพราะเธอไม่อยากทำอาหารให้ฉันทาน เลยให้พี่มาโกหกฉันหรอกนะ?”
ไม่น่าๆ
เพราะจี้ผิงโจวไม่เคยเชื่อฟังเหอเจิงมาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดแทนเธอหรือโกหกแทนเธอ
“กลับไปทานอะไรของเธอที่นั่นซะ” จี้ผิงโจวพยายามข่มน้ำเสียง “อีกอย่าง เมื่อเธอกลับมาแล้ว เธอต้องทำตัวดีๆกับเธอหน่อย อย่าเอาแต่ดึงบึ้งตึงใส่คนอื่น”
เพราะทั้งสองยืนห่างกัน
ทำให้ไม่รู้เลยว่าคำไหนที่เขาพูดจริง คำไหนที่เขาพูดลอยๆ
จี้ซูคิดว่าตัวเองหูฝาดด้วยซ้ำที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น เธอเบ้ปากและเดินผ่านเขา ก่อนจะพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเราดีกับเธอไหม เธอสนใจแต่พี่ต่างหาก”
จี้ผิงโจวขมวดคิ้ว และเตรียมจะตำหนิเธอ
แต่จู่ๆจี้ซูก็เดินมาจับเนกไทเขา และพูดว่า “อีกอย่าง วันนี้เนคไทพี่เส้นนี้ดูแย่มาก”
จี้ผิงโจวมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้คนที่เห็นหนาวแน่ๆ “ออกไป”
“ไปก็ได้!” จากนั้นจี้ซูก็เดินกอดอกฮึดฮัดออกไป ก่อนจะออกไปได้พูดขึ้นว่า “พี่คิดว่าใครจะอยากอยู่กับก้อนหินไร้หัวใจแบบพี่บ้าง ก็คงจะมีแค่ฟางเหอเจิงนั่นแหละที่มองหินเป็นของล้ำค่าไปได้”