คำพูดเขาทำเอาเหอเจิงตกใจ
เธอก้มหน้า และพูดต่อว่า “คุณทำเสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ อีกสักพักฉันค่อยเรียกพยาบาลมาถอดเข็มออก และก็กลับเอง”
เธอกลัวว่าจี้ผิงโจวจะบังคับเธอกลับบ้านตระกูลจี้
จี้ผิงโจวเองก็พอเดาออกสิ่งที่เธอคิด จึงพูดว่า
“สบายใจได้ ยาหมด ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านตระกูลฟางเอง ในเมื่อเธออยากอยู่ที่นั่นก็อยู่เถอะ”
เขาเห็นเธอแอบจับมุมผ้าห่มแน่น
“โรคของพี่สาวเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และต้องการให้เลือดในปริมาณที่สม่ำเสมอ แต่ก่อนฉันคิดว่าเธอไหว แต่ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ไหวแล้ว ก็ไม่ต้องไปให้เลือดแล้ว”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหอเจิงเฝ้ารอคำนี้มาตลอด ในที่สุดเธอก็ไม่ติดค้างอะไรเขาแล้ว
เหอเจิงเตรียมจะพูดอะไรต่อ แต่อยู่ๆจี้ผิงโจวก็เอาแต่จ้องหน้าเธอ จากนั้นก็ยื่นมือเข้ามาเขี่ยขนตาที่ติดอยู่บนหน้าเธอออกให้
จากนั้นก็พึมพำว่า “ขนตาร่วงแล้ว ดูเหมือนร่างกายจะแย่จริงๆ”
เหอเจิงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ
จี้ผิงโจวจึงพูดว่า “พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักฉันมาถอดสายให้”
เขาในวันนี้ดูต่างออกไป
ดูอบอุ่น น้ำเสียงก็อ่อนโยน
แต่เหอเจิงรู้ดี ว่าท่าทางอ่อนโยนของเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากใจเขาเอง แต่ทำขึ้นเพราะเธอบริจาคเลือดให้พี่สาวของเขาต่างหาก
จากนั้นจี้ผิงโจวก็เดินออกจากห้องไป
เขาขึ้นลิฟต์และเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
เขานั่งลงและถอดเสื้อกาวน์ออก เหนื่อยล้าทั้งวันเพิ่งจะได้พัก เขาใช้มือทั้งสองนวดที่ขมับ จากนั้นก็โทรหาเป๋ยเจี่ยน
ไม่กี่อึดใจเป๋ยเปจี่ยนก็รับสาย “ลูกพี่โจว ผมถึงด้านล่างโรงพยาบาลแล้ว ลงมาได้เลยครับ”
จี้ผิงโจวตอบกลับว่า “นายเอากุญแจขึ้นมา แล้วก็โบกรถกลับเอง”
“หะ ทำไมล่ะครับ?”
“ไม่มีทำไม เอากุญแจขึ้นมา”
เป๋ยเจี่ยนไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่ขึ้นตึกมาและเอากุญแจให้เขา “ลูกพี่ กุญแจครับ”
จากนั้นเขาก็เตรียมจะไป
แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของจี้ผิงโจว เขาก็ถามขึ้นว่า “เป็นอะไรเหรอครับ? ไม่สบายเหรอ?”
จี้ผิงโจวเงยหน้าขึ้นมา และพูดเสียงเรียบว่า “เสียวเจี่ยน นายหาเวลาไปตามหาคนที่เลือดเข้ากับพี่สามให้ได้หน่อย หาให้เจอก่อนเดือนหน้า”
เป๋ยเจี่ยนอึ้งไปชั่วขณะ “เลือดเหรอครับ ไม่ใช่มีคุณฟางอยู่เหรอ?”
“ดูดเลือดเธอจนแห้งหมดแล้ว จะเอาเลือดจากไหนมาอีก?”
จี้ผิงโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทั้งหมดนี้ทำเพื่อจี้เหยียนเซียง ไม่ใช่เพื่อเหอเจิง “ครับ ผมจะหาให้เร็วที่สุด แต่แค่น่าจะต้องการเงินจำนวนมาก คุณก็รู้ว่าเลือดของคุณหนูสามหาที่เข้ากันได้ยาก”
และหนึ่งในนั้นก็คือเหอเจิง
“จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่เร็วที่สุด”
เป๋ยเจี่ยนไม่รู้ว่าทั้งสองเกิดปัญหาอะไรกัน
แต่รู้สึกว่าวิธีที่จัดการครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ
“รับทราบ สองวันนี้ผมจะไปจัดการครับ”
“ไปเถอะ”
“คุณก็รีบกลับนะครับ วันนั้นคุณไม่กลับ คุณหนูสามถามหาครับ”
“เธอถามอะไร?”
เป๋ยเจี่ยนอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “พูดว่าบ้านตระกูลตกอับแบบนั้น ต่อไปให้คุณชายไม่ต้องไปบ่อยๆครับ คุณหนูฟางอยากทำอะไรก็ให้เธอทำครับ ถึงจะหย่า ก็เป็นเธอเองนั่นแหละที่ขาดทุน”
จี้เหยียนเซียงไม่ชอบเหอเจิงมาตั้งนานแล้ว
และก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ไม่ว่าเหอเจิงจะพยายามแค่ไหน เธอก็เปลี่ยนความคิดและอคติของคนตระกูลจี้ที่มีต่อเธอได้
จี้ผิงโจวไม่ชอบตอนที่อยู่ตรงกลางเวลาที่พวกเขาทะเลาะกัน เขาจึงพยายามเลี่ยง “เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว นายออกไปได้”
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดสนิท เผยให้เห็นแสงไฟต่างๆยามค่ำคืน
จี้ผิงโจวปิดไฟห้องทำงาน และหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ไปหนึ่งตัว เหอเจิงใส่แค่นั้นต้องหนาวแน่
เมื่อเดินถึงข้างล่าง
ห้องคนไข้ต่างๆยังมีไฟสว่างอยู่ เขาจำได้ว่าก่อนที่เขาจะขึ้นไป เขาได้ปิดไฟห้องของเหอเจิงไว้ แต่ตอนนี้ไฟในห้องกำลังเปิดอยู่ และมีเสียงลอดประตูออกมา
น้ำเสียงดูสบายๆ ราวกับว่ากำลังคุยกับเพื่อนอยู่
จี้ผิงโจวหยุดที่หน้าประตู จากนั้นก็ตั้งใจฟังคำที่เหอเจิงพูด
“ที่บ้านเห็นด้วยหมดแล้ว ไม่นานน่าจะได้หย่า คิดไว้ตั้งนานแล้ว ยังไงก็ไม่เปลี่ยนแน่”
“ใจอ่อน?” เธอขำเล็กน้อย “ฉันจะไปใจอ่อนกับเขาได้อย่างไรร?”
จี้ผิงโจวตั้งใจฟังคำที่เหอเจิงพูดทุกๆคำ แต่เมื่อเอาทุกคำมารวมกันแล้ว เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ขณะนั้นเอง เขาก็เตรียมที่จะเคาะประตู แต่ก็ได้ยินเธอพูดขึ้นอีกว่า
“ตอนที่ฉันหายไปครั้งนั้น ฉันไปจาวเจ๋อ เพื่อกวาดหลุมศพให้กับครูซ่ง เป็นวันครบรอบวันตายของเขา ฉันไม่ไปไม่ได้”
ประโยคนี้จี้ผิงโจวเข้าใจดี
หายไปตอนนั้น…. เหมือนจะตอนที่ฟางลู่เป่ยพาตัวไป ที่หายไปเกือบครึ่งเดือน นับๆวันดูแล้ว น่าจะเป็นวันครบรอบวันตายของคนนั้นพอดี
วันนั้นเมื่อสามปีก่อน
จี้ผิงโจวกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่กลับกัน มีอีกคนหนึ่งที่เป็นคนรักของเหอเจิง กำลังจะตาย ก่อนตายเขาได้เขียนบริจาคอวัยวะไว้
เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องตอนนั้น จี้ผิงโจวก็เจ็บปวดหัวใจมาก และเขาทนฟังต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จึงเคาะประตูเสียงดังลั่น
คนที่อยู่ในห้องก็รีบวางสาย และมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม
เหอเจิงมองเห็นจี้ผิงโจวค่อยๆเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ลุกขึ้น”
จี้ผิงโจวกล่าวเสร็จก็ยื่นมือมาหาเธอ
แรงกดดันที่อยู่รอบๆ ทำให้เธอได้แต่ยื่นมือออกไป มือของเขาเย็นเฉียบ
ทันใดนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จากนั้นก็ใส่เสื้อคลุมให้เธอ
“ดูแลรักษาตัวเองดีๆ เธอยังต้องให้เลือดกับพี่ฉัน จะตายไม่ได้”
“ฉันหย่ากับคุณแล้ว ทำไมยังต้องให้เลือดกับพี่สาวคุณอีก อีกอย่างเมื่อกี้คุณบอกเองว่าไม่ต้องแล้ว”
เธอไม่เข้าใจ
“ฉันคิดอีกที จะหย่าก็ได้ แต่เลือดยังไงก็ต้องบริจาค เธอเองก็ใช้ประโยชน์กับฉันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”