ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 42 ความเสียสละของเธอ

ห้องในโรงแรมเป็นห้องขนาดใหญ่ นอกหน้าต่างมีหิมะตกโปรยๆ แสงรวมกันสาดเข้ามา แสงสะท้อนจากตึกกระจกที่ใหญ่มโหฬารอยู่ท่ามกลางเมืองเหมือนกับภาพวาดที่สวยงาม

จี้ผิงโจวเมาหนักมาก และนอนฟุบกับโซฟา ร่างกายอ่อนล้าจนไถลตกลงมาจากโซฟา

เนคไทรัดคอไว้แน่นมาก เขายกมือขึ้นคลายมันออก ในที่สุดก็โล่งอกซักที ใบหน้าซบเข้าไปในโซฟา ในความคิดเต็มไปด้วยใบหน้าที่ไม่แคร์ใครของเหอเจิง

เหมือนกับว่าการได้อยู่ด้วยกันกับเขา

เป็นเรื่องที่ทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ

แต่ไม่ว่าจะยังไง

ก็อดทนมาแล้วสามปีไม่ใช่หรอ

กำลังเครียดๆอยู่ ก็มีมือคู่หนึ่งมาพยุงเขาขึ้นมา ชาแก้วหนึ่งยื่นเข้าใกล้ริมฝีปาก แฝงด้วยความอ่อนช้อย จี้ผิงโจวเปิดริมฝีปากออก จิบได้นิดเดียวก็ปัดออกไป

ไม่ได้มองผู้หญิงข้างกายด้วยซ้ำ

“เธอออกไปเถอะ ให้เสียวเจี่ยนส่งเธอกลับไป”

เธอนั่งลงด้วยความเขินอาย แฝงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและเย้ายวน “คุณชายจี้ ให้ฉันเปลี่ยนเสื้อให้ แล้วค่อยไปไหม”

จี้ผิงโจวปวดหัวแทบระเบิด “ไม่จำเป็น”

“แต่ว่าสภาพคุณในตอนนี้มัน…”

“ฉันบอกว่าไม่จำเป็น” เขายกคิ้วสูง แต่ก็ไม่ได้ขึ้นเสียง “รีบออกไป ปิดประตูด้วย”

คำพูดนี้แม้แต่ผู้หญิงก็ตกใจไม่น้อย

ผู้ชายที่เย็นชาอย่างจี้ผิงโจวโกรธ เป็นอะไรที่ไม่ควรแหย่เลย เธอเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ เธอรีบลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะชา เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกเสียงผู้ชายเรียกรั้งไว้

“ถังชิว เธอเล่นเชลโลเป็นไหม”

นี่มันคำถามอะไร จ้าวถังชิวเกิดความมึนงง “เชลโลหรอ”

จี้ผิงโจวนั่งอยู่บนโซฟา คอเสื้อเปิดอ้าซ่า มีแสงอ่อนๆรอบๆข้างกาย ร่างกายที่ผอมสูง ใบหน้าที่หล่อเหลา ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธผู้ชายแบบนี้ได้ โดยเฉพาะคนที่ใช้เงินของเขาและเป็นคนรักของเขา

ไม่ว่าจะคิดคำนวณยังไงก็ไม่เสียเปรียบเลย

เขาพยายามเรียกสติกลับมา มือทาบระหว่างคิ้วแล้วลดคิ้วลง “ไม่มีไรแล้ว เธอไปเถอะ”

“ผู้หญิงอย่างเธอจะเป็นของพวกนั้นเล่นได้อย่างไร”

ก็ประมาณว่าดูถูกอย่างงั้นแหละ

จ้าวถังชิวเกิดความรู้สึกเหมือนว่าถูกดูถูก แต่เธอก็ไม่กล้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ใบหน้าเล็กๆของเธอก็เหมือนมีคำว่าน้อยใจเขียนอยู่ พูดหลุดออกมาคำนึง “ถ้าคุณชายจี้ชอบ ฉันไปฝึกได้นะ”

“ไม่จำเป็น”จี้ผิงโจวแค่ถามเฉยๆ “ออกไปเถอะ”

ในสายตาทั่วไปคุณชายจี้เป็นคนที่ทั้งถ่อมและเป็นคนติดดิน น้ำเสียงเบาและอ่อนหวาน ให้เกียรติผู้หญิง คำอะไรที่ดีๆล้วนแล้วสามารถนำมาอธิบายเขาได้ อะไรที่แสดงออกมาให้ได้ก็แสดงออกมาแล้ว

แต่ด้านนั้นกลับขาดไปหน่อย

จ้าวถังชิวตามเขาไม่ถึงเดือน ยังไม่เคยนอนกับเขาซักคืนเลย

แม้ว่าจะเมามากก็ไม่เคยให้เธออยู่ค้างคืนด้วย สิ่งนี้ทำให้เธอเข้าใจดีว่า เธอเป็นแค่คนกันธนู ไม่เกี่ยวกับความรักเลย และเขาก็ไม่เคยสนใจความสวยของเธอด้วย

ภรรยาของจี้ผิงโจวเป็นคนสวยที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย ทั้งสวยและใสซื่อ เธอเคยเห็นรูปภาพของฟางเหอเจิงจากโทรศัพท์ของเขาด้วยตาตัวเอง มีภาพที่แสดงละครพูด ภาพที่เล่นเชลโล และภาพที่แต่งชุดแต่งงาน

ทั้งหมดถูกจี้ผิงโจวเก็บไว้ในโฟเดอร์ที่ล็อกไว้

ครั้งเแรกที่ไปร่วมงานดื่มเหล้ากับจี้ผิงโจว ในคืนนั้นมีพายุเข้ากะทันหัน เขาปฏิเสธเหล้าที่ชงมาให้เขา เดินไปมุมหนึ่ง แล้วโทรหาผู้ช่วยผู้จัดการด้วยความรีบร้อน

ค่อยๆอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหอเจิงเป็นคนกลัวพายุ ให้คุณป้าไปอยู่กับเธอก่อน เดี่ยวฉันจะรีบกลับไป”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความอดทน ไม่มีในการปฏิบัติต่อผู้หญิงแบบพวกเธอ แต่เธอก็คิดไม่ตก ในเมื่อเขารักภรรยาของตัวเอง แล้วทำไมต้องออกมาหาผู้หญิงอื่นด้วย

นี่มันไม่ต่างกับการเอาพวกเธอมาเป็นของเล่นหรอ

เมื่อไม่มีใครแล้ว

ห้องกลับสู่ความเงียบ จี้ผิงโจวดื่มน้ำเปล่าไปหลายแก้ว ล้างความเผ็ดร้อนจากเหล้าออกไปหมด ช่วงอกสบายขึ้นเยอะ ถ้าไม่ใช่เพราะลุกไม่ขึ้นจริงๆ เขาจะไม่ค้างคืนอยู่ด้านนอก

ปอดของเขาไม่ดี สูบดมของประเภทเหมือนขนปุยๆไม่ได้ ในโรงแรมมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ในบ้านนั้นไม่เหมือนกัน

เหอเจิงจะทำความสะอาดเอี่ยม เพื่อให้เขารู้สึกสบาย

ตอนนี้เธอไปแล้ว เขาก็ไม่อยากกลับไปบ้านที่อ้างว้างแบบนั้น เมื่อก่อนเวลาเขาเมาก็จะหาเธอตลอด กอดเธอนอน ทุกอย่างก็ดีขึ้น เขาหลงใหลร่างกายที่อบอุ่นของเธอ นุ่มเหมือนน้ำบ่อหนึ่ง ถูกเอาใจใส่ตลอด ไม่ช้าก็เร็วต้องระเหยหมดแน่ๆ

ตั้งแต่ก่อนแต่งงานเขาก็ชอบที่จะนอนกับเธอแล้ว

แต่เห็นเธออายุน้อย ไม่อยากให้เสียของ จับมือกันจูบกันบ้างก็แทบจะเป็นจะตายอยู่แล้ว

เวลานั้นเขารักเธอแค่ไหน ถึงกับยอมอาบน้ำเย็นเพื่อไม่ให้เธอตกใจ รู้ว่าเธอเป็นคนชอบดนตรี รู้ว่าเธอชอบเครื่องดนตรี ตอนที่เตรียมห้องหลังแต่งก็ได้เปิดห้องสำหรับเก็บเครื่องดนตรีไว้ที่ตึกเหนือในสวนซางด้วย

แม้ว่าเธอจะไม่ยอมเล่นให้เขาฟังแม้แต่เพลงเดียวก็ตาม

ตอนที่สองตระกูลเจรจาการแต่งงานผู้ใหญ่ทางตระกูลจี้ไม่ยอมให้เหอเจิงเป็นนักแสดงละครพูด และไม่เห็นด้วยกับการที่เหอเจิงจะอยู่ในวงดนตรี

ยังจำได้ว่าหลังจากที่เจรจาเสร็จแล้ว เธออยู่ในรถ น้ำตาตกเหมือนกับสร้อยไข่มูกที่สายขาด ร้องไห้แบบเก็บเสียง จี้ผิงโจวเจ็บใจแทนเธอ รับปากว่าจะพูดแทนเธอ

ยิ่งตอนนั้นฟางเหอเจิงเป็นนักเชลโลที่มีชื่อเสียงด้วย คนที่ร่วมวงล้วนแล้วเคยแสดงบนเวทีของชาติ หนทางข้างหน้าเต็มด้วยแสงสว่าง และยังมีอนาคตที่สดใส

ไม่ให้เธอจับเชลโลอีก

เหมือนกับเอาชีวิตเธอไปครึ่งหนึ่งเลย

แต่เธอฐานะต่ำต้อย ความเป็นลูกนอกสมรสไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ล้างไม่หาย และการแต่งงานครั้งนี้เธอทำได้แค่ทำตามและถอยให้ เช็ดน้ำตาไปด้วยพูดไปด้วย”ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่จากนี้ไปฝึกเล่นอยู่ในบ้าน ขอแค่คุณปู่กับพี่สาวตกลงให้เราแต่งงานกันก็พอแล้ว”

จี้ผิงโจวเห็นการเสียสละของเธอ จูบลงไปบนใบหน้าที่มีน้ำตาด้วยเจ็บปวด และพูดไม่หยุดปากว่าวันหลังจะดีต่อเธอ จะไม่ให้เธอเสียใจเด็ดขาด

แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหมด

ตอนบ่ายของวันที่สองจี้ผิงโจวถึงขับรถมาถึงสวนซาง

เมื่อคืนเขากับฟางลู่เป่ยหยิบเสื้อผิดไป

เสื้อที่เต็มด้วยสีสันฉูดฉาดของฟางลู่เป่ย ที่ไหล่ยังมีอินธนูที่ทำจากผ้าประดับด้วย จี้ผิงโจวยอมให้อากาศหนาวห้อมล้อมก็ไม่ยอมสวมเสื้อของเขาเด็ดขาด

รถจอดลงข้างนอกของตึกเหนือ เขาดับเครื่อง แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันได

ประตูเปิดอ้าซ่าไว้

เวลานี้คุณป้าจะมาทำความสะอาด

ไม่ได้เห็นมีอะไรแปลกไป จี้ผิงโจวโยนเสื้อคลุมไปที่วางบนระเบียง คนยังไม่ได้เดินเข้าไป เสียงก็เข้าไปก่อนแล้ว “พี่เฉิน ช่วยฉันดูดขนปุ่ยๆในห้องนอนชั้นบนหน่อย ช่วงนี้จามบ่อยมาก”

กลางดึกเขาจามจนตื่น เหอเจิงไม่อยู่ เกิดเรื่องง่ายจริงๆ

พี่เฉินวางไม้กวาดขนไก่ลงแล้วหันหน้ามา “โจวโจว ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาล่ะ”

จี้ผิงโจวรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ “ทำไมหรอ”

เดินผ่านห้องรับแขก

ที่นั่นมีเสื้อสีดำตัวใหญ่วางอยู่ พับอย่างสวยงาม การพับสวยงามแบบนี้มีแต่เหอเจิงเท่านั้นที่ทำได้ เขาหยุดเดิน ในหัวเต็มไปด้วยความสับสน พี่เฉินเดินมาช้าๆ อธิบายว่า “นายกลับมาช้าไป เมื่อกี้เจิงเอ๋อมา เห็นนายไม่อยู่ เอาของวางไว้แล้วก็กลับไปแล้ว”

“เธอมาหรอ”

“ใช่ แล้วก็เพิ่งออกไปได้ไม่นาน”

เสื้อก็คือตัวที่สลับกับฟางลู่เป่ยเมื่อคืนนี้ ก็พอจะเดาออกแล้วว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าถ้าเธอไม่อยากมา ก็คงไม่มีใครบังคับเธอหรอก

จี้ผิงโจวขมวดคิ้ว “เดี๋ยวฉันไปดูเอง”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset