บริเวณด้านนอกของสวนเหอเฟิง มีสายลมพัดปลิวไสว
ไม่นานเฉียวเอ๋อก็ขับมอเตอร์ไซค์มาหาเหอเจิง
เมื่อรถหยุดสนิท เธอก็ต้องตกใจที่เห็นหน้าตาที่ซูบผอมและดูโรยราของเหอเจิง “คนอย่างจี้ผิงโจวคงมองว่าเราไม่ใช่คนละมั้ง เห้อ เธอก็อย่าเสียใจไปเลย”
เหอเจิงไม่ได้ตอบอะไร เธอทัดผมไปไว้หลังหู ใส่หมวกกันน็อค และหันไปพูดว่า “เธอนั่งข้างหลัง วันนี้ฉันขับเอง”
“ฟางเหอเจิง ชีวิตแต่งงานเธอไม่เวิร์ค เธอก็อย่าเอาชีวิตฉันไปล้อเล่นซิ”
เฉียวเอ๋อกรอกตาไปมาเล็กน้อย ก่อนจะยอมถอยไปนั่งข้างหลัง จากนั้นก็กอดเอวของฟางเหอเจิงแน่น และพูดต่อว่า “เหอเจิง รถฉันไม่ได้ซ่อมบำรุงนานแล้ว เวลาเธอขับต้องระวังหน่อยล่ะ อ้ายยยยย”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ฟางเหอเจิงก็ออกตัวอย่างเร็ว
เธอบ่นแข่งกับเสียงลม จนลมพัดเข้าปากเข้าคอไม่หยุด
บรรยากาศยามค่ำคืนที่มืดสลัว
แสงไฟนีออนจากตึก ต่างก็พากันปิดหมดแล้ว
ตอนนี้เวลาประมาณสี่ทุ่ม
รถบนถนนค่อนข้างน้อย จึงทำให้เหอเจิงมีพื้นที่ในการขี่รถมากขึ้น เธอเพิ่มความเร็วขึ้นอีก จนทำให้รู้สึกเหมือนกับกำลังบินยังไงยังงั้น
เฉียวเอ๋อที่นั่งกอดเอวเหอเจิงแน่นอยู่นั้น ก็ได้ร้องตะโกนไปว่า “เหอเจิง เธออย่าขี่เร็วขนาดนี้ซิ ถึงแม้การแต่งงานของเธอจะล้มเหลว แต่เธอก็มีโอกาสเริ่มใหม่ได้นะ เธอ เธอยังอายุไม่มาก อย่าคิดสั้นนะ!”
มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย
เหอเจิงขี่รถต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจคำของเฉียวเอ๋อเลยแม้แต่นิด เธอขี่ผ่านแยกหลายแยก จนมาถึงแยกหนึ่ง ขณะนั้นไฟจราจรสีเหลืองกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
เฉียวเอ๋อรีบตะโกนบอกว่า “ไฟแดงๆๆ!”
เอี๊ยดด รถจอดสนิทพอดี
อีกฝากหนึ่ง รถสีดำคันหนึ่งเห็นว่าเมื่อครู่เหมือนมีอะไรบินอย่างเร็วอยู่นอกหน้าต่าง
เป๋ยเจี่ยนตกใจจนทำให้รถส่ายเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางแยกข้างหน้าที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นติดไฟแดงอยู่ และก่นด่าว่า “นี่มันสมัยไหนแล้วยังจะมีแข่งรถกันอีกเหรอเนี่ย”
จี้ผิงโจวที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ด้านหลังรถ ก็ได้ยินเสียงรบกวนนี้เหมือนกัน
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น และมองออกไปนอกหน้าต่าง
บนรถมอเตอร์ไซค์มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ และเพราะเธอใส่หมวกอยู่ ทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เขากลับรู้สึกรู้ว่าผู้หญิงหนึ่งในนั้นมีส่วนเหมือนเหอเจิงอยู่
ขณะที่กำลังครุ่นคิดและคาดเดาอยู่นั้น
ไฟเขียวก็สว่างขึ้น
มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ออกตัวด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง แค่พริบตา ก็มองไม่เห็นรถคันนั้นแล้ว ทั้งที่ถนนสายนี้มีการจำกัดความเร็วอยู่ แต่รถคนนั้นกลับไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เจอมอเตอร์ไซค์คันนั้นอีกแล้ว แต่ที่ไหนได้ เมื่อถึงแยกต่อมา กลับเห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่
พวกเธอไม่ได้จอดติดไฟแดง แต่เพราะโดนตำรวจเรียกต่างหาก
และเมื่อพวกเธอลงมาจากรถ ทั้งเป๋ยเจียนและจี้ผิงโจวต่างก็ได้เห็น
ค่ำคืนที่มีแสงไฟสลัว สอดส่องลงบนใบหน้าเธอ
เธอค่อยๆถอดหมวกออก จากนั้นสางผมเบาๆ และแม้เส้นผมจะบดบังใบหน้าเธอไปถึงครึ่ง แต่แค่ได้มองเห็นดวงตาของเธอ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคือฟางเหอเจิง สาวงามที่สุดคนหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิง