ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 51 ทำชั่วแล้วยังอยากได้หน้าหรอ

ตอนที่จี้ผิงโจวได้รับสายจากเจิ้งหลางนั้นเขาอยู่ที่ตึกใต้น้อย เป็นเวลาดึกมากแล้ว ท้องฟ้าที่มืดมิด ไม่เห็นดวงดาวสักดวง เขามองออกไปทางหน้าต่าง ตาทั้งสองข้างว่างเปล่า

แม้แต่เสียงก็แผ่วเบาไปด้วย

“เหอเจิงหรอ ดื่มเหล้าหรอ”

น้ำเสียงที่กล้าๆเกรงๆของเจิ้งหลาง เหมือนกับกำลังฟ้องศาลอย่างนั้น “ดูแล้วน่าจะดื่มไปไม่น้อยด้วย เหล่าซุนเห็นเธอ เพิ่งจะทักทายเธอก็ทำท่าจะหนี เห็นพวกเราเหมือนกับเห็นหมาป่าอย่างนั้นเลย”

“อยู่ไหนหรอ”

“จินกง ร้านที่พวกเรามาบ่อย”

สถานที่นั่นช่างเป็นที่น่าไปสำมะเลเทเมามาก แต่เป็นที่ ที่คนอย่างพวกเขาไปบ่อย แต่เหอเจิงไม่เคยไปมาก่อน จี้ผิงโจวเคยชวนเธอหลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธกลับมาตลอด

เหตุผลของการปฏิเสธก็ดีมาก

ที่ที่พวกเขาไป สิ่งที่พกไปด้วยไม่ได้ดีเลย เธอไปจะได้อะไรล่ะ

จี้ผิงโจวเคยมีบทเรียนที่ต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่างของเธอแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำไงได้

“โจวโจว” เจิ้งหลางเรียกหลายรอบ เขาอยู่ในห้องส่วนตัว ส่งสายตาที่ผิดหวังไปยังซุนไจ่อวี่ที่ยืนเหม่ออยู่ในร้าน ฟ้องต่อไปว่า “ตอนแรกฉันก็ให้เหล่าซุนโทรหานาย ให้นายมารับ ใครจะไปรู้ว่าเขากลับโทรหาฟางลู่เป่ย ตอนนี้คงพาภรรยานายกลับไปแล้วมั้ง”

“ทำไมไม่โทรหาฉันก่อนล่ะ”

เมื่อคนกลับไปถึงบ้านตระกูลฟางแล้ว คิดจะพากลับมาต้องทำอะไรยุ่งยากไม่น้อยเลย

เจิ้งหลางถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงปกติแต่กลับแฝงด้วยความหมายใส่ร้าย “เรื่องนี้นายต้องไปถามเหล่าซุน บางที่เขาอาจจะกลัวนายพาภรรยากลับไปทะเลาะกันอีกก็ได้ เป็นห่วงคนอื่นน่ะ”

เสียงเบาลงเรื่อยๆ

สายทางโน้นเป็นเสียงตะโกนของเจิ้งหลาง เหมือนมีอะไรมาชนตัวเขา เขาหันกลับไปหาซุนไจ่อวี่แล้วด่า ด่าไม่กี่คำก็วางสาย

สถานที่ได้บอกไปแล้ว

เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เล่าแล้ว

ไม่จำเป็นต้องคุยต่อแล้วจริงๆ

ไม่ได้หยุด จี้ผิงโจวก็ไม่อยากคิดถึงคำพูดมั่วซั่วของเจิ้งหลาง คนอย่างพวกเขาต่างก็มีเรื่องที่ปิดบังไว้ ปิดบังไว้ก็ดีเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องล้วงออกมา ทำให้ต่างคนต่างอยู่ไม่เป็นสุข

โทรศัทพ์ได้โทรไปหาฟางลู่เป่ย

เขากำลังอยู่บนรถ ตอนรับสายเข้านั้นส่งสายตาให้ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง เป็นสัญญาณว่าให้พวกหล่อนหุบปาก

เหอเจิงรีบปิดปากของเฉียวเอ๋อทันที

รถที่กำลังขับอย่างช้าๆกลางถนนหลักในคืนที่มืด ตึกที่ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งสองข้างได้ดับไฟไปตั้งนานแล้ว มองจากคืนมืดที่เงียบสงัด เหมือนกับว่ามีสัตว์ประหลาดกำลังอ้าปากรอกินเหยื่ออยู่

เหอเจิงมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างไม่กลัว ฟังเสียงของจี้ผิงโจวที่ออกมากับลำโพงของรถอยู่อย่างสงบ รู้สึกเป็นเสียงที่แหบแห้งกับความรู้สึกที่อ่อนล้า ผ่านหูไป

“ฟางลู่เป่ย เหอเจิงล่ะ”

ก่อนที่จะจากกัน พวกเขาก็ตกลงทุกอย่างกันแล้ว ฟางลู่เป่ยมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเหอเจิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ถอนหายใจเบาๆ “เหอเจิงอะไร ฉันให้นายไปหาเองไม่ใช่หรอ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ไหน”

พวกเขาสองพี่น้อง เก่งในการพูดโกหก ความสามารถในโกหกเป็นพวกเดียวกันจริงๆ

แต่จี้ผิงโจวไม่ใช่ว่าจะถูกหลอกได้ง่ายๆเหมือนกัน “หลางหลางโทรมาบอกว่าเห็นเหอเจิงที่จินกง และถูกนายพากลับไปแล้ว”

“ใช่ “สีหน้าของฟางลู่เป่ยไม่เปลี่ยนไปเลย “เหล่าซุนเคยโทรหาฉันแล้ว แต่ฉันก็กำลังยุ่งอยู่ ใครจะไปมีเวลาดูแลหล่อน”

“เธอดื่มจนเมานะ”

คำพูดนี้ของจี้ผิวโจวทั้งหนักและทุ้ม ไม่ต้องคิดเลย ตอนนี้เขาต้องหน้าเครียด ขมวดคิ้ว เหมือนกับว่ามีใครมาเหยียบหางเขาอย่างนั้นเลย

ฟางลู่เป่ยลูบคิ้วไปมา ความอดทนหมดแล้ว “จะเมาก็ให้มันเมาไปสิ ทำอย่างกับว่าจะมีคนขายเธออย่างนั้น วางใจเถอะเธอเป็นคนเอาตัวรอดได้”

เงียบไปหลายวินาที

ข้างในรถเต็มไปด้วยเสียงที่หนักหน่วงของจี้ผิงโจว แฝงด้วยความอดทน

เวลาเดียวกัน

เฉียวเอ๋อกับฟางลู่เป่ยจ้องไปยังเหอเจิงด้วยกัน แววตาเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย

“ฟางลู่เป่ย อย่างน้อยนายก็เป็นพี่ชายเธอนะ”

หันสายตากลับมา เขาพูดอย่างเย็นชา “นายก็เป็นสามีเธอนี่ ตอนที่เธอยังไม่ได้แต่งงานออกไป ฉันก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะเป็นหรือตายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่แต่งออกไปแล้ว”

“นายไม่ได้ไปรับเธอจริงๆหรอ”

“ไม่ได้ไป”

เสียง ตุ้ด ตุ้ด ได้ตัดขาดทุกอย่าง

เฉียวเอ๋อจับมือของเหอเจิงไว้ เธอตัวสั่น เสียงพูดที่อบอุ่นผ่านเข้ามา “ไม่เป็นไรแล้วนะ”

เธอปลอบใจเธออย่างนุ่มนวล

ฟางลู่เป่ยหันหน้าไปพูดอย่างเย็นชาและไร้ความรู้สึก “เธอจะไม่โทรหาโจวโจวจริงๆหรอ เขาจะได้ไม่ต้องไปเสียเที่ยวเปล่าๆ”

เหอเจิงยังไม่รำคาญ เฉียวเอ๋อก็รู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว พูดพร้อมกับกวักมือไปยังหน้าของฟางลู่เป่ย “นายนี่เป็นพี่ชายได้ยังไง เห็นขี้ดีกว่าไส้หรอ ไม่ช่วยคนครอบครัวเดียวกัน กลับไปช่วยคนอื่น”

ยังดีที่ฟางลู่เป่ยรู้สึกตัวเร็ว จึงไม่ถูกข่วนหน้า เขามองเฉียวเอ๋อด้วยความสนใจ ไหล่หนีบระหว่างที่นั่งในรถ เหมือนจะติด้วยเหมือนจะชื่นชมด้วย “สาวน้อย เธอเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ร้อนแรงนะเนี่ย”

คำพูดนี้มันล้อเล่นกันชัดๆ

เฉียวเอ๋อสูบอากาศทีหนึ่ง ยังไม่ทันพูดออกไป เขาก็เสริมต่อไปว่า “ฉันทำกับเธอก็เป็นเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นอยู่แล้ว คนข้างนอกใครไม่รู้บ้างว่าฉันรังเกียจน้องสาวคนนี้แค่ไหน แทบอยากจะฆ่าเธอเสียด้วยซ้ำ”

“รังเกียจเธอแล้วยังไม่พอคิดจะขายเธอให้กับตระกูลจี้ด้วยหรอ” เฉียวเอ๋อเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เวลาร้อนขึ้นมาเหมือนจะเผาคนรอบข้างไปด้วย “นี่พวกคุณก็เท่ากับทำชั่วแล้วยังอยากได้หน้าไม่ใช่หรอ เลวทรามจริงๆ”

“เฮย—-”

กลัวว่าพวกเขาจะทะเลาะกันขึ้นมา

เหอเจิงสะกิดมือของเฉียวเอ๋อ บ่งบอกเธอว่าไม่ต้องพูดแล้วเธอถึงหยุดพูด มองไปนอกหน้าต่างด้วยความโมโหที่ดับไม่ลง

ฟางลู่เป่ยไม่โกรธแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกเป็นเรื่องที่สดใหม่และน่าสนใจ ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อปากต่อคำกับเขามาก่อนเลย “ครั้งก่อนฉันได้ยินว่าคนข้างกายเธอข่วนหน้าของเสียวเจี่ยนเป็นรอย คือเธอหรอ”

“ใช่ เป็นฉัน ทำไมหรอ”

“เอาความกล้ามาจากไหนเนี่ย เสียวเจี่ยนเป็นคนมีวิชาการต่อสู้ด้วยนะ ”

เฉียวเอ๋อยิ้ม “อย่างเขาหรอ ฉันต่อให้ฉันแขนหนึ่งข้างเขาก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”

ดูแล้วเธอก็ไม่ได้สูง ร่างกายก็ผอมบาง แต่เสียงกลับเหมือนแตร ความกล้าเหมือนหุ่นยนต์ต้อนรับที่ร้อนแรงและมีชีวิตชีวา เป็นสเปคที่ฟางลู่เป่ยไม่เคยเจอมาก่อน เขาหรี่ตา “ก็แค่เพลงมวยที่สวยแค่กระบวนท่าเท่านั้นแหละ”

พวกเขายังจะทะเลาะกันอีก

แต่เหอเจิงไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วย รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พูดออกมาคำหนึ่ง “รีบขับรถเถอะ ไฟเขียวแล้ว”

“ขับรถอะไรเล่า”ฟางลู่เป่ยร้อนตัว “เธอจะไม่โทรหาโจวโจวจริงๆหรอ ถ้าเขารู้ว่าฉันพาเธอกลับมา เราสองคนต้องแย่แน่ๆ ”

“อย่างนั้นเขาก็จะโทษแต่นาย”

ที่ที่ไปส่งยังคงเป็นอพาร์ทเม้นท์ของบ้านเฉียวเอ๋อ

ประมาณสี่ห้าโมง เป็นช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้ามืดเหมือนกลางคืนเลย ไม่มีวี่แววของแสงแม้แต่น้อย ไฟรถส่องทางให้ พวกเธอจึงพอมองเห็นทางบ้าง กลับมายังอพาร์ทเม้นท์เก่าอีกแล้ว เป็นที่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยยังมาไม่ถึง

ฟางลู่เป่ยอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “ตอนนี้เธออยู่ที่แบบนี้จริงๆหรอ”

เธอถูหน้าผากที่ถูกทุบจนบวมออกมา “พักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”

“ทำไมไม่พักสวนเหอเฟิงล่ะ”

มันเป็นบ้านของจี้ผิงโจว

แม้ว่าจะเป็นชื่อของเหอเจิงก็ตาม

ตอนช่วงที่พูดถึงการหย่า เธอเตรียมตัวพักที่นั่น แต่เรื่องกลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เธอคิด ที่นั่น ก็อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

คำพูดเกินจำเป็นเธอก็ไม่อยากพูดถึงมันอีก เธอผลักประตูออก ใบหน้าถูกลมเย็นสาดเข้าเต็มๆ เหมือนกับว่าถูกน้ำแข็งเกาะไว้ชั้นหนึ่ง น้ำเสียงก็สั่นไปด้วย “ไม่อยากพักบ้านของเขา”

พูดจบ เท้าสองข้างก็ก้าวออกไปตามกันอย่างติดๆ

เฉียวเอ๋อลงรถออกตามเธอไป กำลังจะเปิดประตูรถ ฟางลู่เป่ยหันหน้ามามองเธอ ระหว่างคิ้วเผยให้เห็นถึงความผ่อนคลายและเหมือนเป็นการจีบที่ได้ผลแน่นอนจากความคิดของเขา “สาวน้อย เมื่อกี้เธอเหยียบถูกขาของฉัน ถ้าฉันช้ำใน เธอต้องรับผิดชอบ”

เฉียวเอ๋อหย่อนคิ้ว “รับผิดชอบอะไร จ่ายค่างานศพนายหรอ”

แม้จะรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของเหอเจิง แต่กิริยาท่าทางของเธอก็ไม่ได้ดีกับเขาเท่าไหร่หรอก

ฟางลู่เป่ยถูกขัดคอ แต่เมื่อพวกเธอไปแล้ว กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าพอใจ

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset