ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 53 อาการป่วยหนักพอดู

เมื่อเหยียนจิงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วจะมีหิมะตกบ่อย แต่หิมะไม่ได้ใหญ่ เป็นกองบางๆกองอยู่บนพื้น ได้ห่อหุ้มสิ่งปลูกสร้างทั่วทุกที่

อุณหภูมิลดลงไปเรื่อยๆ เวลาเดินอยู่ในหิมะ หนาวขึ้นกระดูกดำเลย

ในวันที่สามของการกลับมาของคุณปู่จี้ เหอเจิงถึงถูกเรียกกลับไป

ฟางลู่เป่ยกับคุณนายฟางต่างก็กดดันเธอ แม้แต่เหอหยุนซิ่งก็ขอร้องให้เธอไปคุยหน่อย คุยเสร็จแล้ว เรื่องการหย่าก็จะง่ายไปด้วย เป๋ยเจี่ยนนอกจากกินข้าวกับนอนแล้ว เวลาที่เหลือก็กวนใจเธอตลอดเวลา ใช้หลายๆวิธีในการกดดันเธอ เธอถึงรับปากว่าจะกลับไป

หิมะไม่ได้หนา ล้อรถกลับลื่นง่ายมาก

รถจำเป็นต้องขับช้าๆและนิ่งๆ เหอเจิงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง มีหมอกขาวๆลอยไปมาอยู่ข้างหน้าเธอ “ขับเร็วหน่อยได้ไหม ฟ้าจวนจะมืดอยู่แล้ว”

ฟางลู่เป่ยหลุดหัวเราะออกมา “ตอนไม่ได้เห็นหน้ากันร้องขอยังไงก็ไม่ยอมไป ตอนนี้เปิดเผยความรู้สึกออกมาแล้วหรอ”

“ฉันก็แค่กลัวว่าดึกเกินไป พวกเขาพักผ่อนกันหมดแล้ว”

“โอเค โอเค”ยังไงเขาก็ไม่เชื่อ “กลับไปก็พูดกับโจวโจวดีๆ คุณปู่จี้ก็อยู่ด้วย ครอบครัวเดียวกันยังไงก็ต้องใช้เหตุผลกันหน่อย”

“เอ่อ รู้แล้วน่ะ”

ก่อนกลับมาได้บอกกับเป๋ยเจี่ยนคนเดียว จี้ผิงโจวก็น่าจะรู้ แต่คนอื่นคงยังไม่ได้ข่าวคราว

ข้างนอกประตูใหญ่ของสวนซางไม่มีคนแม้แต่คนเดียว

รถจอดลง ฟางลู่เป่ยปลดล็อกประตูรถ เร่งอย่างไม่มีความอดทน “รีบเข้าไปเลย พูดไม่ดีก็ไม่ต้องกลับมาบ้าน จะทำให้ครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปด้วย”

เหอเจิงทำคิ้วโค้งงอ ทิ้งไว้คำหนึ่ง “รำคาญ”

ฟางลู่เป่ยไม่ชอบหาเรื่องใครง่ายๆ และยิ่งไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องจี้ผิงโจวเพื่อเธอ เธอทำแบบนี้บ่อยมาก เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยใจเหมือนกัน

อันนี้ยังไม่นับว่าดึก ในสวนซางยังคงมีคนใช้กำลังยุ่งอยู่ ทุกคนต่างจำเธอได้ เมื่อเห็นเธอ ก็รีบเข้ามาหา ท่ามกลางลมหิมะ การเปิดปากพูดเป็นเรื่องที่ยากมาก “คุณหนูฟาง ทำไมตอนนี้ถึงได้เพิ่งกลับมา และไม่พกร่มด้วย”

หิมะท่วมหัว แทบจะเป็นน้ำแล้ว ทั้งตัวเปียกเหมือนกับเศษน้ำแข็ง เหอเจิงหนาวจนปากสั่น ไม่มีสีของเลือดอยู่เลย “คุณปู่ยังอยู่ในบ้านไหม”

“ยังอยู่” คนใช้เก่าแก่คิดแล้วคิดอีก “เหมือนจะกำลังสนทนากับคุณชายจี้ที่ตึกเหนือ เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณ”

“ไม่จำเป็นหรอก”

เหอเจิงพันผ้าพันคอที่เหมือนจะเปียกชุ่ม “ฉันไปเองดีกว่า”

ตอนที่อยู่ในรถหิมะยังตกไม่หนักขนาดนี้

ลงจากรถเดินได้ไม่กี่ก้าวก็เริ่มหนักขึ้นทันที หิมะที่ลอยอยู่บนฟ้าเหมือนจะมีลมหนาวอยู่ด้วย รองเท้าก็เหยียบพื้นหิมะจนเปียกหมด ผิวหนังชาไปหมด ไม่รู้สึกว่ามีความอบอุ่นเลย

เห็นสีหน้าที่ไม่ดีอย่างนั้นของเธอ คนใช้ก็รีบตามไปด้วย “คุณระวังหน่อย ทางมันลื่น ข้างหน้ามีก้อนหินก้อนหนึ่งมีคนหกล้มที่นั่นหลายคนแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก”ลมหนาวได้ผ่าช่องคอของเหอเจิงออก เธอต้องพูดไปด้วยสูบอากาศเย็นไปด้วย “คุณกลับไปเถอะ ทางนี้ฉันคุ้นเคยดี”

การปฏิเสธของเธอนั้นหนักแน่น

คนใช้ไม่ได้ตามไปต่อ แต่กลับเดินไปอีกทางหนึ่ง ไปยังห้องครัวใหญ่บอกกับพี่เฉินที่กำลังยุ่งอยู่

พี่เฉินเดินทางลัด ระยะทางใกล้กว่าทางที่เหอเจิงเดิน ตอนเดินเข้าไปยังตึกเหนือนั้นหิมะข้างนอกตกหนักกว่าเดิม เธอเดินเข้าไปอย่างรีบร้อนเป็นไฟ จี้ผิงโจวกับคุณปู่จี้กำลังดื่มชาอยู่ คุยกันอย่างมีความสุข

เป๋ยเจี่ยนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ มองออกไปตามเสียง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ก่อนที่จี้ผิงโจวกับคุณปู่จี้จะรู้สึกตัว เป๋ยเจี่ยนเร่งฝีเท้าออกไปขวางเธอไว้ ถามเบาๆว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องอะไรหรอ”

พี่เฉินโผล่หัวออกมามองทีหนึ่ง “คุณหนูฟางกลับมาแล้ว ฉันจะมาบอกโจวโจวหน่อย”

“กลับมาแล้ว ตอนนี้เนี่ยนะ”

“ใช่แล้ว และก็มีคนมาบอกฉันว่าเห็นเธอในทางหลัก”

แม้จะรู้ว่าเหอเจิงรับปากว่าจะกลับมา และรู้ว่าอาจจะเป็นวันนี้ แต่ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว และยังมีหิมะตกหนักด้วย เลยคิดว่าเธอน่าจะไม่กลับมาวันนี้

ใครจะไปคิดว่าจะเป็นเวลานี้

เป๋ยเจี่ยนกำลังจะออกไปรับเหอเจิง ก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาส่งเข้ามาจากขั้นบันไดหน้าประตู เบามาก เป็นเสียงของผู้หญิงที่อ่อนแอเหมือนเสียงหายใจของแมวน้อยที่กำลังจะตาย

พวกเขามองไปพร้อมกัน

เหอเจิงมาถึงหน้าประตูแล้ว

บนไหล่ยังมีเกล็ดหิมะที่ยังไม่ละลาย ใบหน้าถูกแช่จนทั้งแดงและม่วง อาจเป็นเพราะสวมบางเกินไป ทั้งตัวก็เผยให้เห็นว่าผอมแห้งแรงน้อย เพิ่งออกมาจากลมหิมะ แทบจะทรงตัวไม่อยู่ คางกำลังกระตุก

ในตาเหมือนกับว่ามีบ่อน้ำใสๆที่กำลังละลาย

น่าสงสารมาก

เป๋ยเจี่ยนตกใจมาก แม้แต่พี่เฉินเองก็เหมือนจะตกใจด้วย “คุณหนูฟาง หนาวขนาดนี้ ทำไมไม่พกร่มด้วย รีบๆเข้ามาเถอะ”

เหอเจิงหนาวเข้ากระดูกดำเลย เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเดินมายังตึกเหนือจะใช้เวลานานอย่างนี้

พี่เฉินกุมมือของเธอไว้ให้ความอบอุ่น

เงาคนทอดไปยังหน้าประตูห้องรับแขก ฝีเท้าที่วุ่นวายได้เข้าไปพูดข้างๆหูของจี้ผิงโจว เขากวาดสายตาไปดู บทสนทนที่กำลังเฮฮาหยุดลง เงียบไปชั่วครู่

“ทำไมเปียกแบบนี้”

จี้ผิงโจวรีบยืนขึ้น จับเสื้อคุมตัวใหญ่มาจากโซฟา คลุมตัวของเหอเจิงที่ไม่มีไออุ่นเลยไว้ด้วยความเป็นห่วง หันหน้าไปสั่ง “พี่เฉินขอชาร้อนแก้วหนึ่ง”

วิธีนี้เหอเจิงไม่รับ เธอพยายามสะบัดไหล่ออก แต่จี้ผิงโจวคลุมไว้แน่นกว่าเดิม แล้วใช้มือประคองหน้าของเธอไว้ เช็ดเกล็ดหิมะบนใบหน้าของเธอออก ใบหน้าที่ขาวสะอาดเผยออกมา

คุณปู่จี้ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เห็นพวกเขารักกันขนาดนั้น ก็รู้สึกโล่งใจขึ้น “ในเมื่อกลับมาแล้วก็ไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ทานข้าวด้วยกัน”

เหอเจิงตอบไปด้วยความรู้สึกขอโทษว่า “กลับมาดึกดึก ต้องขอรบกวนคุณปู่ด้วย”

“กลับมาก็ดีแล้ว”

ส่งคุณปู่จี้กลับไปแล้ว พี่เฉินก็กลับไปด้วย เป๋ยเจี่ยนเดินตามหลังของจี้ผิงโจวอย่างกล้าๆเกรงๆ ฟังคำถามของเขา “ใครส่งเธอกลับมาหรอ”

“ไม่ได้เห็น พี่เฉินเป็นคนมาบอกฉันเอง”

จี้ผิงโจวมองไปตามหลังของเหอเจิง “โอเค นายกลับไปก่อน”

เป๋ยเจี่ยนเงียบไปแป๊ปหนึ่ง “ไม่ให้ผมอยู่ที่นี่ ถ้าหากคุณปู่ให้คนมาหา…”

“ฉันคิดไว้หมดแล้ว”

ในบ้านยังคงมีกลิ่นชาหอม แสงไฟที่แสบตา ยังดีที่มันอบอุ่น ไม่รู้ว่าดีกว่าข้างนอกที่เหน็บหนาวกับพื้นแช่แข็งเท่าไหร่กัน เหอเจิงบีบจมูกที่อุดตัน รู้สึกมึนหัว บนหน้าผากก็รู้สึกว่าร้อนนิดหนึ่ง

เห็นสิ่งของต่างๆที่วางไว้เหมือนทุกอย่างกำลังหมุนไปมา

เดินได้ไม่กี่ก้าวจี้ผิงโจวก็ตามมาด้วยความเป็นห่วง “หิมะตกหนักขนาดนั้นก็ไม่รู้จักพกร่ม ตั้งใจทำตัวน่าสงสารให้คุณปู่ดูหรือไง”

ยังคงเป็นคำพูดที่เสียดแทงเหมือนเดิม ทุกตัวอักษรทุกๆคำฝังไว้ในก้นบึ้งหัวใจของเหอเจิง เธอหมุนตัวกลับไป ด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก ในขณะที่จี้ผิงโจวก็ค่อยๆถอยไปทีละก้าว

“นายไปนอนเลย ฉันจะนอนห้องรับแขก จะได้ไม่ต้องแพร่หวัดให้นายด้วย”

จี้ผิงโจวคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกปฏิเสธอย่างเย็นชาอย่างนี้ หน้าแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว “ฉันว่าเธอก็ป่วยไม่ใช่น้อย คุณปู่ยังอยู่ ถ้าเขาส่งคนมาดู เห็นเธอกับฉันแยกห้องนอน เธอไม่อยากอยู่ดีๆก็ไม่ต้องดึงฉันเข้าไปด้วยแล้วกัน”

เหอเจิงไม่เคยรู้สึกว่าเขาไร้เดียงสาอย่างนี้มาก่อน “ฉันไม่อยากทะเลาะกับนาย”

เธอดูนัยต์ตาของเขาไม่เห็นมีความรักแม้แต่น้อย

คำพูดก็พยายามทำเป็นใสๆซื่อๆ

เข้าใจความจริงนี้แล้ว จี้ผิงโจวกลับรู้สึกว่าในใจเต็มไปด้วยความว่างเปล่า แต่ก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”

เหอเจิงทำตากระพริบๆ แล้วหันหน้าเดินจากไป

เปียกไปด้วยหิมะ รองเท้าก็เปียกชุ่ม ฝ่าเท้าเหมือนกับว่าจะเย็นจนแตกด้วย อาบน้ำอุ่นรอบหนึ่ง ไออุ่นของร่างกายเหมือนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

แต่ก็ป่วยแล้วแหละ เหอเจิงเดินออกมาจากห้องน้ำที่เต็มไปด้วยหมอกขาวหนา ยังไม่ทันได้ลืมตา ก็ได้ยินเสียงของจี้ผิงโจว เหมือนกับเสียงดีดสายเชลโลครั้งแรก

ขุ่นๆ เสียงทุ้มๆ ยาวๆอ่อนๆ ทุกๆคำลงท้ายลากยาว ดีดออกมาเป็นเสียงสะท้อน ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการหลงใหล

“มานี่ กินยาก่อนแล้วค่อยไปนอน”

หนังตาของเหอเจิงหนักมาก มึนหัวเหมือนกับว่าทั้งบ้านเต็มไปด้วยเสียงเรียกของจี้ผิงโจว เดินเข้าไปอย่างไม่ทันรู้ตัวเหมือนมียมทูตนำไป

ยาเม็ดส่งมาถึงมือ ในขณะเดียวกันก็มีชาร้อนส่งมาด้วย

เธออ้าปากจิบไปจิบหนึ่ง ลิ้นถูกลวกทันที ความร้อนนี้ทำให้อาการมึนหัวหายไปในพริบตาเดียว เธอเปิดตาอย่างกว้าง เห็นยาเม็ดอยู่ในฝ่ามือ

คายออกมาคำหนึ่ง สายตาเธอมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของจี้ผิงโจว “คุณชายใหญ่ นี่มันไม่ใช่ยาแก้หวัด”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset