เพิ่งเคยเจอแบบนี้ครั้งแรก
ทำเอาเป๋ยเจี่ยนถึงกับอึ้ง
ฟางเหอเจิงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ฉันขอเขาหย่าแล้วล่ะ”
ไม่ใช่แค่เป๋ยเจี่ยนไม่อยากจะเชื่อ แต่เฉียวเอ๋อเองก็อึ้งจนอ้าปากค้างเหมือนกัน เธอเป็นคนที่เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรแล้ว จะไม่มองย้อนกลับไปแน่นอน และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เธอก็พร้อมและยอมรับผลของมัน
เป๋ยเจี่ยนพยักหน้าเบาๆ และบอกเธอว่า “คุณรอสักครู่นะครับ”
พูดจบ เขาก็รีบเดินกลับไปที่รถ จากนั้นโค้งตัวลงเหมือนกำลังปรึกษาอะไรกับคนในรถอยู่
เฉียวเอ๋อกระแทกแขนฟางเหอเจิงเบาๆ จากนั้นชี้ไปทางรถ และถามว่า “จี้ผิงโจวอยู่ในรถนั้นใช่ปะ?”
“อืม”
“วางมาดอะไรขนาดนั้น ภรรยาตัวเองโดนตำรวจจับแบบนี้ยังไม่ลงจากรถอีก?”
“เขากล้าจอดรถ ก็ถือว่าเยี่ยมแล้วล่ะ”
นี่คือจี้ผิงโจว ผู้ชายที่แสนจะเลือดเย็น
ทนเขามาได้นานขนาดนี้ ถือว่าเป็นความสามารถของฟางเหอเจิงแล้วล่ะ
เฉียวเอ๋อมองไปที่รถนั้นและถามว่า “เธอว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน?”
เหอเจิงก้มมองเงาตัวเอง ก่อนจะตอบว่า “ไม่สำคัญหรอก”
ถ้าเป็นสองวันก่อน เธอคงอยากรู้ว่าจี้ผิงโจวพูดอะไร จะไม่สนใจเธอ หรือจะพาเธอกลับไป หรือจะช่วยจัดการให้เธอทุกอย่าง?
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันก็ไม่สำคัญกับเธอแล้ว
รอไม่นานนัก เป๋ยเจี่ยนก็เดินออกมาจากรถ และหยุดอยู่หน้าฟางเหอเจิง และพูดว่า “คุณจี้บอกว่าให้คุณไปทางนั้นครู่เดียวครับ คุณจี้มีอะไรจะพูดด้วย”
ฟางเหอเจิงทำท่าทางไม่ลังเล พร้อมกับรวบรวมความกล้าทั้งหมด และเดินไปหาเขา เมื่อเดินถึงข้างรถ กระจกก็ค่อยๆเลื่อนลง จึงทำให้มองเห็นจี้ผิงโจวชัดขึ้น
เขาไม่รออะไร พูดว่า “ขึ้นรถ”
“ที่บอกว่ามีอะไรจะพูดด้วย คือเรื่องนี้เหรอ?”
“ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ”
ถึงแม้ว่าเธอจะทำเรื่องที่เกินลิมิตความอดทนของเขาแล้ว แต่เธอก็ยังจะตอบกลับไปว่า “ฉันไม่อยากขึ้น”
จี้ผิงโจวหัวเราะเยือกเย็น จากนั้นหันมามองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกำลังพิสูจน์อะไรบางอย่างอยู่ “งั้นเธออยากทำอะไร? แข่งรถต่อ? หรือว่าจะหย่า?”
ฟางเหอเจิงไม่ชอบสายตาที่เอาแต่จ้องมาของเขา
“เมื่อวานคุยกันเคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เคลียร์อะไร?” จี้ผิงโจวถามกลับ “ตอนจะแต่งงานฉันว่าฉันพูดทุกอย่างชัดเจนหมดแล้วนะ เรื่องที่เธอควรทำหรือทำดี ฉันไม่เคยเอาเปรียบหรือไม่ยุติธรรมกับเธอ แล้วตอนนี้เธอต้องการทำอะไร? สร้างเรื่องอื้อฉาวเหรอ?”
พูดจบ ก็หันไปมองทางตำรวจ เห็นเป๋ยเจี่ยนกำลังจัดการเรื่องค่าปรับให้อยู่ “หรือเธอคิดว่าการยืนทะเลาะกับฉันตรงนี้แล้วทำเรื่องผิดๆเป็นเรื่องดี?”
เหอเจิงเม้มปาก และรู้สึกเย็นๆที่สันหลัง
จี้ผิงโจวไม่มองหน้าเธออีก และพูดต่อว่า “ขึ้นรถ อยากร้องไห้ กลับบ้านก่อนค่อยร้อง”
“คุณเซ็นหรือยัง?”
เธอยังยืนนิ่ง
“เซ็นแล้ว”
ทั้งๆที่รู้แล้วว่าเขายินยอมเห็นด้วย แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนสมองตื้อเหมือนโดนของหนักๆกระแทกอย่างแรง
จี้ผิงโจวพูดต่ออย่างเบื่อหน่ายว่า “เซ็นแล้ว เธอไม่กลับไปเอามันออกมา? อีกทั้งยังมีเงินที่เธอต้องการอีก?”
“ไม่ต้องแล้ว ตอนที่ไปรับใบหย่า คุณเอามันมาด้วยก็พอแล้ว”
จี้ผิงโจวไม่ชอบคำพูดเธอมาก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรักษาภาพพจน์ เขาคงจะจับเธอโยนใส่รถแล้วแน่ๆ
เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหาข้ออ้างอีกว่า “ยังมีขยะของเธออีก คืนนี้ไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่อยไสหัวไป”