จี้ห้อยคอตกจากชั้นสอง แตกเป็นสามชิ้น เศษผงข้างๆก็มี เพราะไม่ได้ทำจากวัสดุที่มีราคา ทำให้เหลียงหมิงเชินหาวัสดุที่ใกล้เคียงยากมาก
การที่จะซ่อมยิ่งเป็นเรื่องยากไปใหญ่
เขายุ่งอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง เศษหลายชิ้นได้ประกอบเข้ากัน แต่ว่ารอยร้าวยังคงเห็นชัดอยู่
จี้ผิงโจวรอจนรู้สึกว่าง่วงแล้ว เสียงในคอก็จะใบ้แล้วล่ะ “ยังอีกนานไหม”
เหลียงหมิงเชินยิ้มหัวเราะ “คุณชาย ปัญหาที่ตัวเองก่อเองยังกลัวการรออีกหรอ”
“วันนี้ทำเสร็จไหม”
“ก็น่าจะเสร็จน่ะ”
คำพูดที่ออกมาพร้อมกับหยุดมือทำ
เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง เพียงพริบตาเดียวก็จับความอ่อนล้าและอาการง่วงจากใบ้หน้าของจี้ผิงโจวได้ สะลึมสะลือ ซ่อนอยู่ใต้คิ้ว เห็นก็รู้เลยว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน
จะไม่ใช่ได้ไง
การใช้ชีวิตกับเหอเจิงสองปีมานี้ เขาเหมือนกับจะกลายเป็นลูกบอลไปแล้วด้วยซ้ำ
เขาไม่ยอมเอ่ยปาก เหลียงหมิงเชินยิ่งรู้สึกแปลกใจ “อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนเพราะจี้เสียๆอันนี้ถึงกับทะเลาะกับนายเลย”
จี้ผิงโจวส่ายหัว คิดชั่วครู่ พูดอย่างเปิดใจว่า “หล่อนคิดจะหย่ากับฉันน่ะ”
รอบๆเงียบไปชั่วครู่
เหลียงหมิงเชินคิดว่าตัวเองไม่ควรถามมาก “เป็นเพราะว่า…อันนี้เนี่ยนะ”
“มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก”
เขาผ่อนลมหายใจเฮือกเหนึ่ง
ถ้าเป็นเพราะของชิ้นนี้จริงๆ เขาคงต้องรับความกดดันมากในการไปซ่อมมัน แต่เมื่อพูดออกมาแบบนี้แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายลง เขาพูดปลอบโยนจี้ผิงโจวว่า “ไม่เป็นไรหรอก ผู้หญิงง้อง่าย เดี๋ยวฉันให้ของดีอะไรบางอย่างกับนาย นายลองเอาไปง้อเธอดู บางทีพรุ่งนี้อาจจะกลับมามีความสุขเหมือนเดิมก็ได้ ”
จี้ผิงโจวตอบอย่างหมดหวังเบาๆ ไม่อยากพูดมาก แสงลำหนึ่งมองไปยังหินอาเกตก้อนนั้น “อย่าซ่อมมั่วล่ะ ไม่งั้นเธอเกลียดฉันตายแน่”
“ของนี่มันก็ไม่ได้ล้ำค่าอะไรนี่ นายก็ขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่า กับภรรยาก็ไม่คิดจะส่งของที่มันดีหน่อยหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ของสิ่งนี้เป็นของที่แม่ของหล่อนมอบให้หล่อน”
ความสำคัญของมันแตกต่างกับของอย่างอื่นขึ้นมาทันที
ครอบครัวของเหอเจิงซับซ้อนมาก ยังอยู่ในท้องของแม่ก็ถูกไล่ออกจากบ้านไป จำความได้นิดหน่อยถึงถูกรับกลับมายังบ้านตระกูลฟาง ตอนเด็กน่ารักมาก หน้าทั้งกลมทั้งนุมนวล ขาวดั่งหิมะ เหมือนดอกฟ้าย ดวงตาที่ดำแล้วก็ส่องแสงแวววาว
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลฟางครั้งแรก
ป้าหมิงเป็นคนรับเธอ พาเธอเข้าไปนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกเล็กๆ ให้เธอดื่มนมเปรี้ยว ตอนนั้นฟางลู่เป่ยโตแล้ว เพิ่งเล่นบาสเก็ตบอลกลับมาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เข้าประตูไปก็ได้ยินว่าน้องสาวที่เลี้ยงอยู่ข้างนอกกลับมาแล้ว ทั้งเรียกทั้งตะโกนว่าจะตีเธอให้ตายเลย
คนหลายคนก็ห้ามเขาไม่อยู่
พอวิ่งเข้าไปในห้องรับแขก พริบตาเดียวก็เห็นเหอเจิงที่นั่งด้วยท่านั่งขัดสมาธิกำลังดื่มนมอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง ดวงตาของเธอหมุนไปมา ในตายังเห็นแสงสะท้อนของน้ำ อ้าปากออกเสียงเรอคำหนึ่ง ริมฝีปากยังมีนมติดอยู่ ออกเสียงอย่างอ่อนหวานว่า “พี่ค่ะ”
ยังเป็นเด็กทารกที่ยังไม่หย่านมเลย
ต่อให้ฟางลู่เป่ยจะแย่แค่ไหน ก็ไม่ถึงกับตีเด็กทารกหรอก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คอของเหอเจิงก็ห้อยจี้หินอาเกตนี้แล้ว เธอไม่ได้เกิดมาดีพร้อมเหมือนกับพวกเขา เกิดมาก็มีสร้อยเงินทองห้อย สิ่งที่เธอมีติดตัวตลอดก็คือของที่ไม่มีค่าอันนี้แหละ
เธอมอบของที่เธอเก็บรักษาไว้ในส่วนลึกของหัวใจให้กับจี้ผิงโจว แต่เขากลับทำเหมือนกับขยะ ทิ้งไว้ในลิ้นชักกว่าสองสามปี
หลังจากแต่งงานเหอเจิงเคยถามหาครั้งหนึ่ง แต่จี้ผิงโจวกลับลืมไปเลยว่าเก็บไว้ที่ไหน บอกเธอว่าอย่าโมโหเลยด้วยความไม่แยแส มันก็แค่จี้ห้อยคออันหนึ่งเท่านั้น วันหลังจะหาคืนให้
แต่เขาเองก็ลืมไปแล้วว่า
มันเป็นสิ่งที่เหอเจิงให้เขาตอนที่ทำการผ่าตัดกระจกตา มันเป็นญาณปกป้องตัวที่แม่ให้ไว้กับเธอ มันจะช่วยปกป้องคุ้มภัย และสามารถช่วยให้การผ่าตัดของเขาผ่านไปได้ด้วยดี เธอทาบอยู่บนเตียง ตอนที่จับมือของเขาอธิษฐานและยังร้องไห้ด้วย
น้ำตาที่หยอดลงมา ตกลงไปบนมือของเขา ทุดหยดล้วนเต็มไปด้วยความจริงใจ
จี้ถูกค้นพบก็เป็นเพราะจี้ซูหาเจอจากลิ้นชักในห้องนอนของเขา เธอเห็นก็อยากได้ เมื่อก่อนไม่ว่าอะไรเหอเจิงก็ให้เธอหมด มีเพียงสิ่งนี้ ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ยอมให้ จนทั้งสองทะเลาะกันไปยกหนึ่ง
คืนนั้นจี้ผิงโจวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กลางคืนดึกๆดึงๆกลับได้ยินเหอเจิงร้องไห้ กอดหมอนไว้ตีไปตีมา ร้องไห้สะอึ้น เขากลับคิดว่าโรคดัดจริตของเธอกำเริบ เข้าไปนอนโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเธอเลย ต่อมาถามคนอื่นถึงได้รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง
วันต่อมา
เวลานอนเขาได้เข้าไปหอมแก้มของเธอเป็นการปลอบใจ เธอตัวสั่นทีหนึ่ง หันตัวกลับมา มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เงยหน้าขึ้นมา รวดจุบลงที่ริมฝีปากล่างของเขาทีหนึ่ง
ตอนที่ความรู้สึกกำลังวุ่นวายอยู่นั้น เธอพูดพร้อมกับร้องไห้ “นายอย่าทำกับฉันแบบนี้อีก ได้ไหม”
จี้ผิงโจวหอมเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาจะพูดว่า ได้ ได้ยังไง
เรื่องราวเหล่านั้นเขาก้าวข้ามไม่ได้ ทั้งชีวิตก็คงจะก้าวข้ามไม่ได้ด้วย
มันเป็นสิ่งที่ตั้งแต่เธอแต่งงานมา เปิดปากขอเขาเป็นครั้งแรก แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชา ไม่มีข้อยกเว้นเลย
ตอนซ่อมจี้ห้อยคอเสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว เหลียงหมิงเชินทำอย่างปราณีต และยังให้ของที่ใหม่เอี่ยมแก่จี้ผิงโจว แต่เขาดูๆแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกว่าจะเยี่ยมตรงไหนเลย
ของที่เคยแตกแล้ว แม้ว่าของจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเคยแตกแล้ว
เหยียงหมิงเชินเอากำไลข้อมือหยกออกมาอันหนึ่ง เป็นสีหยกเขียว มีเสียงเล็กๆ ไพเราะน่าฟัง มองแค่เปลือกนอกก็รู้ว่าต้องเป็นของดีแน่นอน
“เอากลับไปฝากเมียนาย ผู้หญิงน่ะ ยังไงก็ง้อง่ายที่สุดแล้ว”
เขาจิบชาคำหนึ่ง
ควันลอยอยู่ข้างหน้าของจี้ผิงโจว
จี้ผิงโจวไม่ได้เกรงใจ หยิบของพร้อมกันทั้งสองชิ้น หันตัวกลับไปกำลังจะจากไป พูดออกไปว่า “ขอบคุณล่ะ”
เหยียงหมิงเชินเรียกเขาไว้ “เอ๋ เงินล่ะ จ่ายค่าซ่อมด้วย”
เงาคนก้าวออกจากขอบประตู เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไปขอจากคุณปู่ของฉันเอา”
เขาโมโหดื่มชาไปจิบหนึ่ง “เป็นหลานที่ดีจริง… ”
–
สองวันหลังฝนตกหนัก ท้องฟ้าเพิ่งจะแจ่มใสขึ้น
ไปอยู่ค้างที่เหยียนจิงหลายวันเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปรับจี้ซู
จี้ซูเป็นคนปากหวานและพูดเก่ง เป็นที่ชื่นชอบของพวกป้ามาก บางครั้งก็เข้าไปเล่นไพ่นกกระจกกับพวกเธอด้วย ไม่กี่วันก็ปรับตัวได้แล้ว สนิทกับพวกเธอมากกว่าเหอเจิงด้วยซ้ำ
ก่อนที่จี้ผิงโจวจะไปรับก็โทรบอกฟางลู่เป่ยก่อนแล้ว
เขาตอบมาตามสายว่า ได้ได้ แต่พอตกเย็นมา คนก็ไม่ได้อยู่ในบ้านตระกูลฟาง ไปมั่วสุมที่ไหนก็ไม่รู้
จี้ผิงโจวนั่งอยู่ในรถ ไม่อยากเข้าไปเอง
เขาเพิ่งจะทะเลาะกับกับเหอเจิงมา วางตัวไม่ถูก ถ้าพุ่งเข้าไปตอนนี้ ยังจะต้องอธิบายให้พวกป้าที่ลิ้นยาวนั้นอีก เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น รอต่อไปอีกช่วงหนึ่งแล้วกัน
จี้ซูยังไม่ออกมา โทรไปก็ไม่รับสาย
ตอนแรกตั้งใจจะกลับรถกลับไปที่พัก ยังไม่ทันสตาร์ทรถ ก็เห็นรถขับเข้ามาจากปากทาง เป็นรถแท็กซี่ เหอเจิงออกมาจากรถ พันผ้าพันคอทีหนึ่งแล้วจ่ายค่ารถ แล้วเดินเข้าไปยังบริเวณบ้าน
แตรรถจากข้างหลังบีบเสียงดังออกมาทันที
เธอตกใจจนก้าวขาไม่ออก เหมือนกับว่าขาทั้งสองข้างจมเข้าไปในดิน เสียงโจมตีที่ดังขนาดนี้ แค่คิดก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นเสียงจากฝีมือใคร
เหอเจิงหยุดเดินแป๊ป ได้ยินแล้ว แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปดู
เธอไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา จี้ผิงโจวก็เหมือนกับเธอไม่ยอมออกจากรถ กดแตรต่อไปเลยๆ เหมือนกลัวว่าจะปลุกคนบ้านตระกูลฟางออกมาไม่ได้
เดินกลับมา
เหอเจิงสมใจยิมยอม รู้สึกอึดอัดกับวิธีการบังคับคนของจี้ผิงโจวมาก เธอยืนอยู่ข้างๆรถ เวลาจะพูดก็ต้องก้มหน้า แม้แต่อย่างนี้ก็ยังรู้สึกลำบากใจเลย
“เดี๋ยนฉันไปเรียกจี้ซูออกมา นายรอแป๊ป”
(สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน เนื่องจากเนื้อหานิยายบางส่วนมีข้อผิดพลาดเรื่องความละเอียดรอบขอบ ทางเราต้องขออภัยด้วย และจะดำเนินการแก้ไขอย่างแร่งด่วน โปรดกลับมาอ่านอีกครั้งในวันถัดไป ขอบคุณ)