ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 85 สหายเสียวฟาง

จนถึงตอนกลับไปที่ตึกใหญ่เหอเจิงก็ยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

สิ่งที่เจี่ยงเหยียนได้บอกเธอจี้ซูก็ได้ยินทั้งหมด

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกเธอพูดอะไรกัน

ในความเข้าใจมีตัวอักษรไม่กี่ประโยค อะไรคุณครูซ่ง ออกจากวงการ แล้วยังมีอะไรการแต่งงาน ประมาณนี้

เห็นท่าทางไม่สบายใจของเหอเจิง

จี้ซูก็ไม่กล้าถามมาก

สองคนต่อรถข้างทาง

จี้ซูเข้าไปก่อน เหอเจิงกำลังโค้งตัวลง โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาก่อน เธอกวาดตามองสายที่เข้ามาแล้วก็กวาดตามองจี้ซูเบาๆ ค่อยออกไปรับสายข้างๆรถ

เปิดประตูรถออก

เหอเจิงรีบร้อนจนพูดไม่เป็นประโยค “จี้ซู เธอกลับไปก่อนฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย เธอไปก่อนเลย”

“มีเรื่องไรหรอ”จี้ซูจับอยู่กับที่นั่ง

ตอนที่ถามนั้นเหอเจิงไม่ทันได้ตอบเธอ เธอรีบลงจากรถวิ่งตามไป แต่เหอเจิงได้ต่อรถอีกคันหนึ่ง บอกจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว จะพุงเข้าไปยังแทบไม่ทัน ติดไปกับรถอย่างไม่ทันรู้ตัว

แม้จะไม่มีฝนตกในเวลากลางคืน แต่ก็หนาวจับใจจริง

จี้ซูรู้สึกว่าต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่ารับเงินจากคนอื่นว่าจะทำงานให้เขา เธออยู่ที่ข้างทางโทรไปหาจี้ผิงโจว มือกอดอกไว้ หนาวจนฟันกระตุก

สายเพิ่งจะโทรออก

คอตั้งตรงแวปหนึ่ง “พี่ พี่รีบไปหาเหอเจิงเลย ไม่รู้ว่านางเป็นอะไร ทิ้งฉันไว้ข้างนอกแล้วตัวเองก็รีบหนีไป ดูท่าแล้วน่าจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่างแหละ”

ฉากที่เงียบสงัด

จี้ผิงโจวจ้องไปยังข้างหน้า “เธอเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ เกิดเรื่องอะไรหรอ”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นรับสายสายหนึ่งก็รีบไปแล้ว พี่รีบไปดูหน่อยเถิด”

“สถานที่”

“ที่จอดรถจุดชมทิวทัศน์หยางเหอ”

อันนี้เป็นสิ่งที่เธอแอบได้ยินตอนที่เหอเจิงต่อรถ

ที่ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เปลี่ยว ใกล้ๆก็มีแต่รีสอร์ทไม่กี่หลังกับบ้านร้างที่เก่าแก่ ยิ่งในช่วงฤดูหนาวแบบนี้จะไม่มีคนเลย

ทางเป็นทางที่คดเคี้ยว

ระหว่างทางรถติดอีก

จี้ผิงโจวเดินทางชั่วโมงกว่าถึงจะไปถึงที่นั่น

ที่นี่ไม่มีวิแววของคนเลย เขาโทรหาเหอเจิงยังไงก็ไม่มีคนรับสาย สถานที่อ้างว้างอย่างนี้ไม่มีแม้แต่กลิ่นของคน เขาไม่เคยมาที่ที่แย่อย่างนี้คนเดียวมาก่อน ทางที่มืดสนิทไม่มีแม้แต่เสาไฟข้างทาง

ถ้าเป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ก็มีแต่รถเสียจอดอยู่ไม่กี่คัน

หาสิบกว่านาทีแล้ว นิ้วมือที่ถือมือถืออยู่ก็จะถูกแช่แข็งแล้ว กระทั้งที่สงสัยว่าเป็นฝีมือของจี้ซูกับเหอเจิงที่ร่วมมือเแกล้งเขา กำลังจะออกไป ไฟหน้ารถเปิดออก ก็เห็นเงาของคนสองคนอยู่ข้างหน้า

เขาไม่รู้ว่าเหอเจิงลากอีกคนได้ไกลอย่างนี้ได้ยังไง บนตัวเธอมีแค่เสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ใบหน้าซีดขาว เหมือนกับผีสาวที่หนีออกมาจากนรกอย่างนั้น

แสงไฟหน้ารถส่องหน้าแต่ไกล

เหอเจิงมองไปตามแสงไฟนั่น ยังคิดว่าตัวเองตาฟาดหรือเปล่า ตัวสั่น พยายามยกเท้าอีกที เข่ากลับอ่อนแรงทันที คุกเข่าลงไปกับพื้น

จี้ผิงโจวรีบวิ่งออกไป การตอบสนองอย่างแรกไม่ใช่ไปพยุงเธอ แต่กลับเป็นคำพูดที่ดังลั่น “เกิดอะไรขึ้นหรอ”

ถามจบ

เขาถึงจะเหมือนกับว่าด้วยความเกรงกลัวพระยื่นมือออกไปอย่างลำบากใจ ก่อนอื่นต้องพยุงเฉียวเอ๋อที่อยู่บนตัวเหอเจิงขึ้นมาก่อน ให้เธอขยับตัวได้ เธออ่อนล้าไปทั้งตัว เหมือนกับว่าวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว

สภาพแบบนั้น

จี้ผิงโจวก็ไม่อยากถามอะไรอีก พาพวกเธอขึ้นรถ

เหอเจิงถอดเสื้อของตัวเองห่มให้กับเฉียวเอ๋อ ถามก็ไม่ถาม เอาน้ำออกมาขวดหนึ่งชุบกระดาษเช็ด เช็ดหน้าให้กับเฉียวเอ๋อ ปัดผมของเธอออกอย่างใส่ใจ ให้เธอหลับสบายหน่อย

ทักษะนี้เธอถนัดมาก เมื่อก่อนเคยดูแลคนที่เมาแล้วอย่างจี้ผิงโจวก็วิธีนี้แหละ

ทำเสร็จแล้ว

เหอเจิงเปิดดวงตาที่กรอกด้วยน้ำออก แฝงด้วยอาการร้องไห้ “จี้ผิงโจว ปรับอุณหภูมิแอร์สูงหน่อยไม่ได้หรอ”

เขายื่นมือออกไปปรับให้สูงที่สุด ทั้งลำรถร้อนเหมือนกับถูกเผาอย่างนั้น

รถมาถึงเมืองที่มีผู้คนแล้ว ก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาบ้าง เขามองไปยังข้างหลัง เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเหอเจิง “นางเป็นอะไรหรือเปล่า ต้องไปส่งโรงพยาบาลไหม”

อาจเป็นเพราะว่าคืนนี้เกิดเรื่อง หรืออาจเพราะว่าวันนี้เหอเจิงอ่อนโยนเป็นพิเศษ หรืออาจเป็นเพราะพวกเธอน่าสงสารมาก อะไรจี้ผิงโจวก็ตามใจเธอหมด เธอกลับส่ายหัว “กลับบ้านเถิด”

เธอบอกที่อยู่ของเฉียวเอ๋อให้เเขา

จี้ผิงโจวเปลี่ยนเส้นทาง

ภายในรถเพิ่งจะเงียบเหงาลง เขาก็อดไม่ไหวแล้ว “เหอเจิง”

เหอเจิงตอบ “อืม”ออกมาคำหนึ่ง

“เธอบาดเจ็บหรือเปล่า”

รถอยู่ใต้สะพาน หน้าครึ่งหนึ่งของจี้ผิงโจวอยู่ในความมืด เหลืออีกครึ่งหนึ่งโผล่ออกมา ทั้งขาวและผอม สะอาดเย็นชา ใบหน้าแแบบนั้นทำให้เหอเจิงอ่อนไหวได้ง่าย น้ำเสียงที่ร้องไห้สะอึ้งก็หนักกว่าเดิม ยังคงตอบกลับเหมือนเดิม “อืม”

จี้ผิงโจวไม่ได้พูดต่ออีก

ฝีมือการขับรถของเขาไม่เท่าไหร่ เป็นคนที่ขับรถได้ไม่ดีในกลุ่มผู้ชายที่ขับรถน้อย บางครั้งจะเอารถเข้าจอดยังเป็นเรื่องที่ยากเลย ได้ยินเสียงของเหอเจิงแล้วกลับเร่งความเร็วเพิ่ม แซงรถที่ติดแน่นอย่างไม่เกรงใจ

มาถึงบ้านของเฉียวเอ๋อ เขาก็ช่วยพาคนขึ้นไปด้วย

เหอเจิงแน่ใจว่าเฉียวเอ๋อไม่เป็นอะไรแล้วถึงลงไปกับเขา เพิ่งจะมาถึงที่รถก็ถูกผลักเข้าไปที่นั่งด้านหลัง ที่นั่นกว้างมาก สามารถนอนได้คนหนึ่ง เอนอยู่ในนั้นรู้สึกอบอุ่นด้วย เธอไม่ได้ขยับไปไหนอีก

ได้ยินเสียงเปิดกระโปรงหลังรถแล้วก็ปิด จี้ผิงโจวหยีบกล่องยาที่เขาพกติดตัวตลอดออกมา ความเป็นหมอของเขาเวลานี้แสดงออกมาจนสุดแล้ว

เขาสวมเสื้อคลุมที่หนา เป็นวัสุดุที่ใส่สบาย และกันหนาวได้ด้วย

มุดเข้าไปในรถ เขาดันเหอเจิงออกเล็กน้อย เอาเสื้อคลุมของตัวเองพาดไว้บนเก้าอี้รถ เวลาเธอพิงลงไปจะได้ไม่หนาวมาก “บาดเจ็บตรงไหน ขอฉันดูหน่อย”

ไฟในรถเปิดแสงจ้า

แสงเงาตกลงไปบนเปลือกตาของจี้ผิงโจว เห็นสายตาที่สดใสของเขากระพริบทีหนึ่ง ตกลงบนตัวของเหอเจิงอย่างใสสะอาด เหมือนจะเป็นแค่หมอดูอาการคนไข้ ไม่มีความหมายอื่นแฝงด้วย

ทันทีที่เปิดปากกลับเป็นว่า “สหายเสียวฟาง เธออยากจะเจ็บตายหรอ”

เหอเจิงได้ยินฉายาที่ห่างเหินไปนานนี้

แนวป้องกันก็พังทะลายหมด

จี้ผิงโจวถือสำลีแผ่นไว้ เวลาที่ในมือกำตัวหนีบเหล็กไว้นั้นเปร่งรัศมีความหล่อออกมา แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองนัยต์ตาของเธอ น้ำเสียงไม่รู้จะทำไงดี คลายมือลง “ถ้าเธออยากบาดเจ็บตายก็ให้บอก ฉันจะได้โยนเธอออกไปก่อน ไม่งั้นตายบนรถของฉัน คนอื่นจะหาว่าฉันที่เป็นสามีเก่า เนื่องจากรักแต่ไม่ได้ครองจึงฆาตกรรมเธอเอง”

เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ต่อให้ใจอ่อน ต่อให้อยากจะทำดีกับคนอื่น แต่ก็พูดให้มันน่าฟังหน่อยก็ไม่เป็น

เหอเจิงมือทั้งสองข้างจับที่นั่งรถไว้ ในใจเป็นความรู้สึกจากการสัมผัสกับเสื้อคลุมของเขา ยังคงร้อนระอุ รากฟันก็สั่นไปทีหนึ่ง “อยู่…ข้างหลัง”

สีหน้าของจี้ผิงโจวไม่เปลี่ยน “ถ้างั้นก็คว่ำลง”

แต่เธอไม่ขยับ

เขาจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “เรานอนเตียงเดียวกันหมอนเดียวกัน ที่ไหนยังไม่เคยเห็นหรอ”

พูดอย่างนี้

เหอเจิงถึงจะรู้สึกผ่อนคลาย หันหลังกลับไป ก็ไปถูกใส่รอยช้ำที่เกิดจากสายเชลโล เจ็บขึ้นจีดถึงหัวใจ หลังหันไปหาจี้ผิงโจวมือทั้งสองข้างจับตัวรถไว้แน่น

รู้สึกว่าชายเสื้อถูกเก็บขึ้นมา นิ้วมือของจี้ผิงโจวเย็นจัด สัมผัสถูกเอวของเหอเจิง เธอสะดุงอย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็กัดฟันทนไว้ได้

ไม่ได้เห็นยังดี

ดูอย่างนี้ต่อไปอีก ลูกตาของจี้ผิงโจวก็จะสั้นไปด้วยแล้ว

ท่ามกลางผิวที่ขาวใสมีรอยขีดข่วนที่ยาวแผลหนึ่ง ข่วนจนทะลุผิวไปชั้นหนึ่ง เผยให้เห็นถึงรอยแผลเนื้อที่เต็มด้วยเลือดสีแดง เลือดแห้งกลายเป็นก้อน อยู่ๆบนหลังอย่างนะเกลียด ก็ว่าเสื้อทำไมเปื้อนไปหมด

“เหอเจิงที่อายุ20กว่าแล้ว ยังจะเลียนแบบคนอื่นทะเลาะอีกหรอ”

แผลนี้ดูก็รู้ว่าเกิดจากการดึงไปมากับคนอื่นแล้วถูกผลักไปข่วนใส่อะไรสักอย่าง

เธอพยายามหันหน้ามา ในใจรู้สึกว่าถูกดูแคลน “ไม่ใช่ฉัน แต่ว่าพวกเขาต้องการทำร้ายเฉียวเอ๋อ ฉันจะไม่สนใจเธอได้ไง”

จี้ผิงโจวยิ้ม “นางเป็นทวดของเธอ เธอไม่สนใจไม่ได้หรอก”

ปากไหนทำร้ายใจคนก็เป็นความผิดของปากนั้น แต่เขาก็ยังต้องจัดการให้เธอ บาดแผลนี้จำเป็นต้องไปฉีดยาที่โรงพยาบาล ตอนนี้ทำได้แค่ประถมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อน ชายเสื้อที่พันไว้ดูแล้วไม่สะดวก เขาสั่งออกไปว่า “ต้องเอาออกไปเท่านั้น ไม่งั้นไม่สะดวก”

อะไรที่เกะกะถูกเอาออกไปหมด

เหอเจิงที่อาการหนาวจัด “ถ้างั้นไปโรงพยาบาลไหมล่ะ”

จี้ผิงโจวสีหน้าไม่เปลี่ยน “ในโรงพยาบาลไม่มีหมอที่ดีกว่าฉันแล้ว หรือว่าเธอคิดว่าไปให้คนแปลกหน้าในโรงพยาบาลตรวจ จะรู้สึกว่าสบายกว่าที่ฉันทำหรอ”

อาศัยความเป็นทางทำเรื่องของตัวเอง ยิ่งเป็นตัวของเขาเข้าไปใหญ่

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset