เหอเจิงคิดไม่ถึงจริงๆว่าจี้ผิงโจวจะขับรถมายังสวนเหอเฟิง
ไม่ได้กลับไปยังบ้านตระกูลจี้และก็ไม่ได้กลับไปยังบ้านตระกูลฟาง
ที่นี่มีแต่เขาสองคน ไม่มีคนที่คอยป่วนและก็ไม่มีใครมารบกวน เมื่อเทียบดูแล้วก็สงบกว่าเยอะ
ผ่านเข้าไปทางประตู ยามรีบยกที่กั้นรถขึ้น ทำความเคารพทีหนึ่ง สายตากวาดไปข้างในรถรอบหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายจี้ คุณหญิงจี้ ”
จี้ผิงโจวไม่ได้หยุดนาน
ผยักหน้าแล้วก็ขับเข้าไป
เหอเจิงอยู่ข้างหลังหลับไม่สนิท เสียงคำว่าคุณหญิงจี้ยังคงก้องอยู่ข้างหู
คนของบ้านตระกูลจี้ไม่เรียกเธอแบบนี้ คนของบ้านตระกูลฟางยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย คนที่เรียกขันเธอแบบนี้กลับเป็นยามที่ไม่ได้คุ้นเคยคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ได้เป็นภรรยาของจี้ผิงโจวแล้ว
หลับตาลงทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
จี้ผิงโจวเปิดประตูรถออก “ออกมาเลย ถึงแล้ว”
เหอเจิงเพิ่งออกมา เขาก็เอาเสื้อคลุมของตัวเองคลุมที่ไหล่ของเธอ แผ่น ขาวๆเกาะเต็มบนกิ่งไม้ ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เธอก็ไม่ได้หันกลับไปดู เดินหน้าตรงอย่างเดียว ป้อนรหัสเข้าไปประตูก็เปิดออก เครื่องปรับความอุ่นก็เริ่มทำงานเองแล้ว
พวกเขาไม่ได้มาพักที่นี่นานมากแล้ว
หลังจากหมั่นก็ไม่ได้มาอีกเลย แต่ก็เคยค้างคืนที่นี่ไม่กี่ครั้ง ยังคงเป็นเพราะ จี้ผิงโจวเห็นว่าเหอเจิงทะเลาะกับคนในครอบครัวแล้วอยู่ไม่ไหว จึงพาเธอมาที่นี่ สองคนเวลานั้นถึงเป็นคู่สามีภรรยากันที่แท้จริง
เหอเจิงสวมรองเท้าแตะวิ่งไปมาในห้องครัว ยุ่งอยู่กว่าครึ่งวันถึงทำอาหารเย็นออกมาให้จี้ผิงโจวได้กิน
เธอกับเขาดูสารคดีด้วยกัน ทานอาหารเย็นด้วยกัน
ถ้ามีฝนตก ก็จะอยู่ที่หน้าต่างฟังเสียงฝนตก ทั้งเรียบง่ายและสะดวกสบาย เธอนอนบนตักของจี้ผิงโจว แต่ก็นอนไม่สนิท บางทีก็จะถามเขาว่า “ถ้าคนในบ้านไม่เห็นด้วยกับเราสองคนจะทำไงดี”
จี้ผิงโจวหอมเธอ พูดอย่างอ่อนโยน “ถ้างั้นเธอก็ต้องเป็นน้าของฉันตลอดไปแล้วล่ะ”
เหอเจิงผลักเขาออก “ถ้าอย่างนั้นสู้ฉันเอามีดบาดคอตัวเองไม่ดีกว่าหรอ”
ตอนนี้คิดๆดูแล้ว
ยังเทียบกับการที่ไม่แต่งงานตั้งแต่แรก แล้วก็แยกกันไปอย่างนั้น ยังดีกว่าการที่อยู่ด้วยกันแล้วต้องฟันฝ่างอนกันไปมาอยู่อย่างนี้
กลับมายังที่นี่ เหมือนกับได้ท่องเที่ยวไปยังอดีต แต่ก็หาความว้าวุ่นในตอนนั้นไม่ได้
“นั่งอยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปหาอะไรมาบีบเลือดช้ำในออกให้”
จี้ผิงโจวทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่งแล้วก็เดินลงบันไดไป ตอนที่เขาลงไปเหอเจิงกลับนั่งอยู่บนเสื่อ หัวพาดอยู่ข้างโซฟา นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
บนตัวเธอเป็นเสื้อของเขา ไม่มีที่ไปแล้ว จำเป็นต้องอยู่กับเขา เวลาที่คับขันอย่างนี้มีแต่เขาเท่านั้นที่ช่วยเธอได้
จี้ผิงโจวไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหนกับการที่จะบอกว่าหย่า
ในกระดูดแข็งข้อจะตาย เหมือนกับที่แม่ของเขาได้ประเมินเหอเจิงเลย ว่า ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องลำบากเพราะความมั่นใจนี้
มือถือเข็มของหมอ จี้ผิงโจวไม่ได้รบกวนเหอเจิง เขาทำอย่างนุ่มนวน กับตัวเธอ พับแขนเสื้อที่ข้อมือของเธอขึ้น เห็นรอยช้ำที่อยู่บนผิวหนังของเธอ ลังเลอยู่ไม่นานก็ทิ่มลงไป
เธอขมวดคิ้วทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ตื่น
จี้ผิงโจวเป็นหมอมาหลายปีแล้ว ชินกับการเห็นเกิดแก่เจ็บตายแล้ว การลงมือก็ไม่ได้กังวล เห็นเลือดเหล่านั้นที่ไหลออกมาจากตัวของ เหอเจิง ก็เป็นห่วงแป๊ปหนึ่ง แล้วกลับไปสู่หน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม
จัดการกับบาดแผลทั้งหมดเสร็จแล้ว เวลาก็ไปมากแล้ว เขาก็หน้ามืดตามัวขึ้นมาเหมือนกัน
พยายามฝีนร่างกายที่ไม่ไหวอุ้มเหอเจิงขึ้นไปข้างบน
เวลาเธอหลับลึกแล้วตื่นยากมาก
พัวพันอยู่ช่วงหนึ่ง จี้ผิงโจวถึงจะออกไปอย่างเบามือเบาเท้า ฝืนไปยังห้องรับแขก
กลางคืนเหนื่อยมากจริงๆ
แล้วก็ไม่มีคนมาปลุกตามเวลา
เขาตื่นมาเวลาเที่ยงแล้ว เหอเจิงได้หนีไปแต่เช้าแล้ว แม้คำหนึ่งก็ไม่ได้ทิ้งไว้ เธอทำใจดำแบบนี้ตลอดแหละ เขาเองชินกับมันแล้ว
ไม่ใช่ว่าเหอเจิงอยากไม่บอกไม่ลาก็ไป
แต่ว่าเธอยังเป็นห่วงทางด้านของเฉียวเอ๋ออยู่ ตื่นมาก็ต่อรถไปที่นั่น ที่นั่นเป็นคอนโดถูกๆที่หนึ่ง ไม่กี่ปีที่เฉียวเอ๋ออยู่ที่เหยียนจิงเธอใช้ชีวิตวันหนึ่งคิดวันหนึ่ง แต่ก็อยู่อย่างอิสระและเรียบง่ายไม่กังวลอะไร
เธอเพิ่งจะล้างหน้าเสร็จเหอเจิงก็มาถึงแล้ว
พิงอยู่ที่ขอบประตู เธอทำหน้าบึ้ง เริ่มจะทำเป็นน่าสงสาร “เมื่อวันเธอไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันเหมือนกับว่าได้ยินคนนั้นผลักเธอ”
เหอเจิงไม่สนใจไม้นี้ของเธอ ก้าวเข้าไปข้างใน “เมื่อวันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอไปยุ่งกับเขาอีกแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้วหรอ”
สนทนาถึงตรงจุดนี้เฉียวเอ๋อรู้สึกผิดเล็กน้อย
เธอไม่เคยบอกความจริงให้เหอเจิงเลย ครั้งนี้เกิดเรื่องถึงได้บอกอย่าง กล้าๆเกรงๆ “เขาขอเงินจากฉันมาตลอด ฉันไม่ได้บอกเธอ”
เหอเจิงอึ้งไปสักแป๊ป เอาของที่เธอต้องการวางบนโต๊ะ
เฉียวเอ๋อใช้น้ำเย็นแก้วหนึ่งก็กลืนมันเข้าไป ยังพูดอย่างไม่แยแสว่า “ขอบคุณ”
“เธอไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเขาแล้ว ไม่ช้าอาจเกิดเรื่องได้”
ตอนพวกเธอเป็นเด็กเติบโตในซอยเล็กๆ คุณภาพชีวิตก็ไม่ดี เฉียวเอ๋อยิ่งไปใหญ่ แม่ได้ทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอยังสามขวด เหมือนกับเด็กที่ไม่ถูกกับคนในครอบครัวอย่างนั้น เธอยังมีพ่อที่เป็นขี้เมาและสูบบุหรี่ ช่วงวัยเด็กที่มืดมน ต่อมาพ่อของเธอหลุดมือทำร้ายคนอื่น ทำให้ต้องเข้าคุก
เหอเจิงกับเธอเป็นพี่สาวน้องสาวที่ตกทุกข์ได้ยากที่สุดของซอยนั้น
เรื่องของนางเรื่องนั้น เธอก็ไม่เคยคิดจะถามมาก่อน
เฉียวเอ๋อหยิกลำคอทีหนึ่ง “เอ่อน่ะ ฉันรู้ตัวเองดีว่าควรทำอย่างไร”
เธอพูดพร้อมกับตบลงบนไหล่ของเหอเจิง ข้อมือของเธอยังเจ็บอยู่ ทำคิ้วขมวด
“ทำไมหรอ เขาตีเธอหรอ”
“ไม่ได้ตี”เหอเจิงเฉยๆ “เมื่อวานถูกสายเชลโลฟาดน่ะ”
ตอนเช้าเธอตื่นขึ้นมา
เลือดช้ำถูกเอาออกไปหมด คิดก็รู้เลยว่าเป็นฝีมือของจี้ผิงโจว เรื่องนี้เธอติดหนี้บุญคุณเขาอีกครั้งแล้ว
เฉียวเอ๋อโล่งใจ “ถ้าเขาตีเธอ ฉันจะให้เขาได้เจอดีแน่”
“เมื่อก่อนเขาไม่ได้โกรธง่ายแบบนี้ ช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นหรอ”
ปีที่ออกจากซอยนั้นพ่อของเฉียวเอ๋อถูกตำรวจจับไป ตอนนั้นเธอกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังต้องแบกรับหนี้ติดตัว พ่อเป็นหนี้ลูกต้องชดใช้ ช่วงไม่กี่ปีมานี้เธอมีชีวิตที่ไม่ราบเรียบเลย
เฉียวเอ๋อบีบกล่องบุหรี่อย่างช้าๆ “ยังจะเป็นอะไรได้อีก ทุกวันก็บอกว่าพ่อของเขานอนอยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้น ให้ฉันจ่ายค่ายาให้หน่อย เป็นเรื่องนะขำสินดี คิดว่าเป็นคนที่ฉันทำให้ป่วยมั้ง มีฝีมือก็ให้เขาไปหาเจ้าพ่อที่อยู่ในคุกโน้น”
นี้เป็นสิ่งที่เจ็บปวดของเธอ เมื่อไหร่ที่พูดถึงมันก็จะน้ำตาไหลตลอด
ตอนที่เหอเจิงเดินลงบันไดนั้นเป็นเวลาเที่ยง มีเสียงจอแจอยู่ใต้ตึก เธอก้มลงมองเดินได้สองก้าว ทันใดนั้นก็เห็นรถที่คุ้นเคยคันหนึ่ง
จี้ผิงโจวมารอตั้งแต่เช้าแล้ว
“ยังไม่ได้ฉีดยา เธอรีบร้อนเป็นไฟมาที่นี่ทำไม”
เขาพูดจาไม่ดี ความรู้สึกที่อ่อนโยนของเมื่อคืนนี้ก็สลายไปหมด เป็นเพราะว่าไม่พอใจกับการที่เธอหนีไปตั้งแต่เช้าอย่างกระทันหัน
สีหน้าของเหอเจิงก็ไม่ได้ดูดีนัก “ฉันยังจะกลับไปทักทายจี้ซูอยู่”
พูดง่ายๆเลยก็คือว่าไม่อยากอยู่กับเขา
จี้ผิงโจวฟังออก “มีอะไรจะพูดกับนางหรอ นางกำลังเล่นอย่างมีความสุข จำเธอไม่ได้ตั้งนานแล้ว ขึ้นรถ”
เขาจะไปโรงพยาบาลพอดี
เวลานี้คนไม่มาก เขาจับมือเหอเจิงมุ่งตรงไปยังห้องแลป ยังคงเป็นปากคำที่เป็นคำสั่ง “เอายาแก้อักเสบให้เธอหน่อย แล้วก็ตรวจสภาพร่างกายด้วย”
เหอเจิงดิ้นรนสบัดมือเขาออก จนเริ่มจะโมโหแล้ว
จี้ผิงโจวยังมีเรื่องอื่นต้องทำ รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้สนใจอารมณ์ของเธอเลย ทิ้งไว้คำหนึ่ง “ถ้าฉีดยาเสร็จแล้วขึ้นมาหาฉัน”
คนเพิ่งไป
ก็มีหมอตามหลังมาติดๆ เก็บความสงสัยไม่อยู่ “โจวโจว นี้เป็นใครอีกหรอ”
ถึงกับให้เขาพามาฉีดยาด้วยตัวเอง
จี้ผิงโจวเล่ตามอง ด้วยความคลุมเครือ “นายว่าเป็นใครล่ะ”
หมอกับเขาเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน คุ้นชินแล้ว เวลาพูดก็เป็นธรรมชาติ “ภรรยานายหรอ คงไม่ใช่ลูกสาวนายหรอกนะ”
เขาพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่มีลูกสาวที่ดื่อดึงแบบนี้”