ท้องของอาร์เทมิสปูดขึ้นอย่างมากมันมองเจสันก่อนที่วงเวทย์จะปรากฏขึ้ด้านล่างของตัวมันและมันก็หายตัวเข้าไปในโลกวิญญาณ
“เดียวก่อน เฮ้ย มันจะไม่ตายใช่ไหม ทำไมนายถึงให้มันทำอย่างนั้นกับแกนสัตว์วิเศษในตอนนี้ !!?? สัตว์ป่าระดับ 3 ดาวย่อยมานาระดับนี้ได้ยังไง ไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยนะ มันต้องการความช่วยเหลือก่อนที่จะสายเกินไป”
มาเลียเด้งขึ้นมายืนในขณะที่กาเบรียลลาเองก็ทำเช่นกัน
หลังจากนั้นเกร็กก็เด้งตามขึ้นมาแต่มาร์คค่อยๆ ลุกขึ้นขณะที่เจสันนั่งอยู่ที่โซฟา
“ไม่จำเป็นหรอก”
เจสันพูดอย่างใจเย้นและสงบนิ่ง ขระที่มองเข้าไปในโลกวิญญาณและได้มองเห็นรังไหมที่ปกคลุมอาร์เทมิส เขารู้ดีว่ามันสบายดีและมีเกล็ดหิมะรอบๆ รังไหมที่ปลุกคุม แต่ละก้าวที่เจสันก้าวเข้าใกล้อาร์เทมิส เขาจะรู้สึกถึงความหนาวเย็น เจสันจึงตัดสินใจออกจากโลวิญญาณ เจสันนั่งยิ้มที่โซฟาโดยมีดวงตา 4 คู่ กำลังมองมาที่เจสันด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ไม่จำเป็นหรอ ????”
เกร็กกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย
“ใช่ มันสามารถรับมานาระดับนี้ได้สบายๆ และฉันคิดว่ามันกำลังวิวัฒนาการ”
เจสันตอบโดยที่ยังยิ้ม
มีข้อเท็จจริงบางประการที่นำไปสู่ข้อสรุปของเจสัน
1. อาร์เทมิสถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว
→สัตว์ร้ายที่วิวัฒนาการทุกตัวทำเช่นนั้น
2 มันกลืนแกนมานาของสัตว์วิเศษที่มานามากมายมหาศาล ทำให้อาร์เทมิสต้องใช้เวลาในการย่อยและพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวมันเอง
→ต้องใช้มานาจำนวนหนึ่งเพื่อบังคับให้เกิดการวิวัฒนาการในยีนของสัตว์ร้ายในขณะที่มันจะไม่ลายอาร์เทมิส
→เจสันคิดว่าอาร์เทมิสสามารถย่อยมานาได้มากเท่าที่มันต้องการ
3.อาร์ทเมิสที่อยู่ในรังไหมได้ปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวในขณะที่ปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมาและมีเกล็ดหิมะอยู่บริเวณรอบๆ
→วิวัฒนาการบางอย่างทำให้เกิดการสร้างเมล็ดพันธุ์ของธาตุน้ำแข็ง
“ฮะ?”
ทุกคนอุทานด้วยความไม่เข้าใจ และสับสน
‘เช่นเดียวกับที่จิตวิญญาณของเจสันวิวัฒนาการ?
สัตว์พันะะของเจสัน สามารถต้านทานมานาที่รุนแรงและแข็งแกร่งเช่นนี้ได้หรือไม่ โดยไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์พันธะและเจ้าของ
“การกลายพันธ์ของสัตว์พันธะนายคืออะไร”
มาเลียเป็นคนแรกที่ได้ถามคำถามที่ชัดเจน ซึ่งไม่มีใครสามารถตอบได้ แม้แต่เจสันเอง
“ฉันเองก้ไม่รู้จริงๆ แต่ดุเหมือนว่าอาร์เทมิสจะสามารถย่อยมานาได้เท่าที่มันต้องการ และฉันเองก็ยังไม่เข้าใจในศักยภาพของมันมากเท่าไหร่ แม้แต่ภายในใจของฉันก็ยังบอกว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น นี้ไม่ใช่กรณีสัตว์ร้ายแต่ละตัวที่ฉันจับได้และไม่ใช่กรรีที่ฉันบอกเกร็กให้เลือกสัตว์พันธะตัวแรกของเขา”
เจสันเลือกที่จะบอกความจริงและจะไม่ปิดบังในเรื่องต่างๆ ของเขา ตามที่เขาได้คิดเอาไว้
เจสันยังไม่รู้ว่า พวกเฟลเลอร์นั้นรู้คร่าวๆ เกี่ยวกับดวงตาของเขาแล้ว ในขณะที่กาเบรียลลาและมาร์คได้พูดคุยกันเกี่ยวกับดวงตาของเจสัน
มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์มากมายเกี่ยวกับเจสันและตอนนี่อาร์เทมิสก็ได้ถึงเพิ่มเข้าไปในนั้น
ดวงตามานา โลกวิญญาณ พลังวิญญาณ และสัตว์พันธะ ทุกอย่างของเจสันนั้นแตกต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิง
เจสันได้กลายเป็นตัวละครลึกลับสำหรับพวกเฟลลเอรื แต่เจสันก็อ่อนโยนและเป็นมิตรคอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ และได้ช่วยเหลือมาเลียในขระที่ตัวเองนั้นยังบาดเจ็บสาหัสและยังเป็นเพื่อนของเกร็กและเห็นได้ชัดว่าแม้แต่มาเลียก็ยังยอมรับในตัวของเจสัน
พวกเฟลเลอร์เชื่อว่าเจสันจะไม่ทรยศพวกเขา และตัดสินใจรอให้เจสันเล่าเรื่องอดีตของตนเองและเรื่องราวเกี่ยวกับความพิเศษของดวงตาโดยละเอียด
หลังจากนั้นพวกเฟลเลอร์ก็ได้นั่งลง และพูดคุยหารือเกี่ยวกับกำหนดการในวันพรุ่งนี้
เมื่อแยกย้ายกัน เจสันได้เข้าไปในห้องของเขาเพื่อฝึกฝนเทคนิคนรกสวรรค์ต่อ ก่อนที่จะมองไปที่อาร์เทมิสสักครู่
หลังจากนั้นเมื่อฝึกเทคนิคสรกสวรรค์ภายในโลกวิญญาณเสร็จ เจสันก็ได้ดูวิดีโอเกี่ยวการการปรับเทคนิคศิลปะการต่อสู้อย่างเชี่ยวชาญอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปดูลักษณะข้อมูลของสัตว์ร้ายต่างๆ
เจสันเลือกเมืองไซโรเพื่อตรวจสอบดูรายละเอียดของสัตว์ร้ายในบริเวณนั้น
เขาสามารถเห็นข้อมูลขอสัตว์ร้ายทุกตัวในป่า โดยจะมีรายละเอียดของพวกมันยกเว้นสัตวืที่หายากเพียงไม่กี่ตัวที่ไม่มีข้อมูลมากมาย
สิ่งสำคัญสำหรับเจสัน คือการไม่มีพื้นที่ป่า 1 ดาว ซึ่งหมายความว่าสัตว์ร้ายที่อ่อนแอที่สุดที่เจสันจะสามารถใช้ในการฝึกฝนได้ จะเปลี่ยนไปเป็นสัตวืร้ายที่ตื่นขึ้น
สิ่งนี้ทำให้เจสันรู้สึกถึงความตึงเครียดอย่างหนัก และได้ตั้งคำถามกับตนเองว่า จะสามารถเอาชนะสัตว์ร้ายที่ตื่นขึ้นมาได้หรือไม่ โดยไม่มีอาร์เทมิสคอยช่วยเหลือ การจัดการกับสัตว์ร้ายที่ตื่นขึ้นดุเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้ เนื่องจากการรวมพลังของเจสันกับอาวุธ และความกล้านั้นยังไม่เพียงพอ
วันนี้เจสันจึงตัดสินใจที่จะเพิ่มความแข้งแกร่งของเขาให้มากที่สุด
เนื่องจากได้นอนไปมาพอแล้ว เจสันจึงนั่งดูดซับมานาตลอดทั้งคืนและความมุ่งมั่นของเจสันที่จะบุกไปสูงระดับต่อไปโดยเร็วก็ถูกจุดขึ้น
การเพิ่มานาเข้าไปในแกนมานานั้นประกอบด้วยขั้นตอนง่ายๆ โดยการตรวจจับมานาที่อยู่รอบๆ ตัว และดูดซับมันเข้าไปภายในร่างกาย ยิ่งการควยคุมมานาดีขึ้น ความไว ความหนาแน่นของมานาโดยรอบ ความมุ่งมั่นและการโฟกัสก็จะดีขึ้นเท่านั้น ตลอดทั้งคืนที่ผ่านไปเจสันหยุดดูดซับมานา และฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ สลับกันไปมา
ด้วยความเข้าใจของเจสัน อารืเทมิสจะพัฒนาเป็นสัตว์ร้าบที่ตื่นขึ้นในระดับต่ำ และพลังวิญญาณของมันจะเพิ่มมาเป็น 11 หน่วย
ตอนนี้พลังวิญญาณของเจสันอยู่ประมาณ 5.4 หน่วยโดยรวมกับที่ได้รับจากอาร์เทมิส 1.4 หน่วย
นั้นหมายความว่าพลังวิญญาณจริงๆ ของเขาอยู่ที่ 4 หน่วย หลังจากฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ติดต่อกันหลายสัปดาห์
จากสิ่งที่เจสันคิด อาร์เทมิสจะพัฒนากลายเป็นสัตว์ร้ายที่ตื่นขึ้นในระดับต่ำ โดยมีพลังวิญญาณ 11 หน่วย มันจพแบ่งพลังวิญญาณมาให้เจสัน 3.5 หน่วย
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งไม่รวมความจริงที่ว่าเจสัน ไม่รู้ว่าอาร์เทมิสนั้นจะวิวัฒนาการเสร็จในตอนไหน และภายในใจของเจสัน เขารู้สึกได้ว่า อาร์เทมิสนั้นจะไม่ได้มีพลังวิญญาณเพียงแค่ 11 หน่วย แต่อาจจะมากกว่านั้น
การทำสัญญากับสัตว์พันธที่มีพลังวิญญาณสูงเกินกว่าตัวเอง จะทำให้พวกมันสามารถหลุดพ้นจากพันธะและไม่รับคำสั่งจากเจ้าของได้
หากสัตว์พันะะไม่ทำตามคำสั่งของเจ้าของ นั้นคือความสิ้นสุดในพันธะ และสัตว์พันธะอาจจะทำร้ายเจ้าของของมันได้
อย่างไรก็ตามเจสันมั่นใจว่าอาร์เทมิสจะไม่ทำร้ายเขา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถโดยรวมของเจสัน เจสันก็ได้ฝึกฝนจนเช้าและลงไปกินอาหารเช้า