บทที่ 108 เนรคุณ
หลินชิงเหอที่เย็บส้นรองเท้าอยู่เห็นว่ามันได้เวลาแล้ว เธอจึงมานวดแป้งและห่อไส้เกี๊ยว
แป้งเกี๊ยวของเธอบางเฉียบและอุดมไปด้วยไส้ ไส้เกี๊ยวเป็นเนื้อหมูสามชั้นสับกับขึ้นฉ่าย ทำให้มันเป็นเกี๊ยวหมูขึ้นฉ่ายที่เรียบง่าย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นทั้งครอบครัวก็ชอบทาน โดยเฉพาะขึ้นฉ่ายที่อุดมด้วยรสชาติ
แน่นอนว่าทันทีที่เธอทำเกี๊ยวอยู่ โจวชิงไป๋ก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“น้ำอุ่นพร้อมแล้วนะคะ คุณล้างหน้าล้างมือแล้วเตรียมมาทานเกี๊ยวได้เลย” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋รับทราบ
ตอนนี้เจ้าใหญ่กำลังทำการบ้าน ขณะที่เจ้ารองกับเจ้าสามกำลังคัดลายมือและวาดรูปอยู่บนโต๊ะ
“พ่อครับ มีหงโต้วถังอยู่บนโต๊ะนะครับ” เจ้ารองบอก
“อืม” โจวชิงไป๋ตอบลูกชาย
หลังล้างหน้าล้างมือเสร็จ เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาก แต่หลินชิงเหอขัดไว้ก่อน “หงโต้วถังนั่นค่อยดื่มตอนกลางคืนก็ได้ค่ะ คุณต้องทานมื้อหลักก่อน”
มันใช้เวลาไม่นานในการต้มเกี๊ยว ไม่นานนักหลินชิงเหอก็ทำเสร็จ แต่ละคนต่างได้เกี๊ยวน้ำกันคนละชาม โดยที่โจวชิงไป๋ได้ชามใหญ่สุด ขณะที่หลินชิงเหอกับลูกชายทั้งสามได้ชามเล็กกว่า เนื่องจากปริมาณการกินของโจวชิงไป๋นั้นพอ ๆ กับปริมาณที่แม่กับลูกชายทั้งสามกินเลยทีเดียว
แต่แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องชั่วคราว
หลังจากนั้นไม่กี่ปี ของกินทั้งบ้านก็ถูกบริโภคกันจนหมด
ในตอนแรกโจวชิงไป๋คิดว่าภรรยาของเขายอมให้เขาได้ทานมากกว่า แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความอยากอาหารของภรรยาไม่ได้มีมาก หากเธอกินมากกว่านี้สักเล็กน้อย เธอก็จะบ่นว่าอยากลดน้ำหนัก…
เรื่องนี้ทำให้โจวชิงไป๋รู้สึกจนปัญญา ตัวเธอดูผอมมากอย่างเห็นได้ชัด เขาชอบให้เธอมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ แต่เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนั้น และบอกว่าถ้าอ้วนแล้วจะหุ่นไม่ดี
ตอนนี้โจวชิงไป๋ก็เลยปล่อยให้เธอเป็นอย่างที่อยากเป็น
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หลินชิงเหอก็นั่งพักครู่หนึ่งก่อนจะไปอาบน้ำ
ส่วนหน้าที่ล้างจานนั้นเป็นของเจ้าใหญ่ งานทำความสะอาดลานบ้านเป็นของเจ้ารอง และงานในสวนหลังบ้านเป็นของโจวชิงไป๋ เธอกับเจ้าสามมีหน้าที่แค่พักผ่อนตามสบาย
หลังอาบน้ำเสร็จ เธอก็ซักเสื้อผ้าของเธอไปด้วย เธอไม่ต้องการให้โจวชิงไป๋ที่ไม่รู้จักควบคุมแรงซักมาซักเสื้อผ้าของเธอ การซักผ้าของเธอเป็นไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก็เสร็จ
หลังจากซักเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จ โจวชิงไป๋ก็ทำความสะอาดสวนหลังบ้านเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็อาบน้ำและซักเสื้อผ้าของตัวเองกับเด็ก ๆ
มันเป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าเท่านั้นหลังทำงานบ้านต่าง ๆ เสร็จแล้ว
“ในเล้ายังมีลูกเจี๊ยบอีก 2 ตัวเหรอ?” โจวชิงไป๋ถามภรรยา
“ตอนนี้เหมาะที่จะเลี้ยงมันจนกว่าจะถึงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนน่ะค่ะ จากนั้นก็ค่อยเชือดมาปรุงอาหารบำรุงร่างกายให้คุณ” หลินชิงเหอตอบขณะยังคงเย็บส้นรองเท้า
หญิงสาวรู้สึกว่าตอนนี้เธอช่างประดิษฐ์ประดอยมากขึ้นจริง ๆ ในอดีตเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ทำของพวกนี้ แต่ตอนนี้เธอทั้งตัดเสื้อผ้ากับเย็บรองเท้าเป็นแล้ว ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงช่างเอาใจใส่อย่างแท้จริง
โจวชิงไป๋มีท่าทีอ่อนลง
“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีกรรมอะไรกับทั้งพ่อทั้งลูกกันนะ ชาตินี้ถึงต้องมาชดใช้ด้วยการรับใช้พวกคุณเหมือนวัวเหมือนควายน่ะ”หลินชิงเหอบ่นอย่างขมขื่น จากนั้นก็ขอให้โจวชิงไป๋ยกเท้าขึ้นเพื่อจะได้เทียบขนาดกับรองเท้าที่เธอทำก่อนจะง่วนกับการเย็บรองเท้าต่อ
“ผมรู้น่ะว่าคุณทำงานหนัก” โจวชิงไป๋จ้องมองเธอ
หลินชิงเหอเลิกคิ้วมองดูเขา “คนนอกพูดกันว่าฉันเป็นคนฟุ้งเฟ้อ ไม่เพียงแต่ทำลายครอบครัวแล้วก็ยังเป็นพวกใช้ชีวิตไม่สนใจคนอื่นและทำลายชีวิตของคุณ คุณเป็นคนโชคร้ายที่แต่งงานกับฉัน ที่ฉันมาแต่งงานกับคุณได้ก็เพราะกรรมเก่าเมื่อชาติที่แล้ว”
ดวงตาของโจวชิงไป๋เป็นประกายขบขัน “คำพูดของคนนอกจะถือว่าเป็นความจริงได้อย่างไรกันครับ”
หลินชิงเหอถอนหายใจเบา ๆ “ฉันทำได้แค่ไม่ใส่ใจมันเท่านั้นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันควรจะเก็บมันใส่ใจงั้นเหรอคะ?”
เมื่อถึงเวลาเข้านอน โจวชิงไป๋ก็มอบความรักให้อย่างจริงจัง
หลินชิงเหออยู่ในอ้อมกอดของเขา และมีความสุขอยู่กับช่วงเวลานี้ เช่นเดียวกับโจวชิงไป๋
“ถ้าคุณอยู่บ้านแล้วรู้สึกเบื่อ ๆ ก็พาเจ้ารองกับเจ้าสามไปดูหนังสิ” โจวชิงไป๋แนะนำ
“ดูหนังน่ะมันไม่จำเป็นหรอกค่ะ เจ้าใหญ่รู้เข้าได้บ่นแน่ พรุ่งนี้ฉันจะพาเด็ก ๆ ไปซื้อของในอำเภอน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
“งั้นซื้ออะไรก็ได้ที่คุณอยากกินมาเถอะ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอส่งเสียงตอบกลับเป็นเชิงรับรู้
คู่รักทั้งสองนอนตระคองกอดกัน หลินชิงเหออยากจะอยู่ให้ห่างจากเขาเหลือเกินเพราะทนความร้อนไม่ไหว แต่เธอก็ถูกเขากอดไว้และไม่อาจนอนหลับอย่างที่หวังได้
วันต่อมาเจ้าใหญ่ก็ออกไปเรียนหนังสือ ขณะที่โจวชิงไป๋ไปทำงาน หลินชิงเหอจึงลงกลอนประตูและปล่อยให้เฟยอิงเฝ้าบ้าน ก่อนจะพาเจ้ารองกับเจ้าสามออกจากบ้าน
ส่วนหมูที่บ้านก็ได้ให้อาหารแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกลับมาให้อาหารพวกมันทีหลัง
เธอแต่งตัวสวยแล้วก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับลูกชายทั้งสอง ชนิดที่ว่าเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเธอกำลังเดินทางเข้าไปในตัวอำเภอ
“ดูหล่อนทำตัวสิ ทุกคนต่างทำงานกันหมด มีแค่หล่อนคนเดียวที่ขี่จักรยานเหมือนพวกคนเมือง ถ้าไม่รู้ว่าหล่อนมาจากชนบทล่ะก็ พวกเขาก็คงคิดว่าหล่อนเป็นคนเมืองที่กำลังจะไปทำงาน!” หวังหลิงผู้มีเรื่องบาดหมางกับหลินชิงเหอเมื่อคราวที่แล้วแค่นเสียงขึ้นมา
สะใภ้รองเองก็แค่นเสียงเอ่ยเช่นกัน “ที่บ้านหล่อนไม่มีเงินเหลืออยู่แล้ว แต่หล่อนยังกล้าใช้จ่ายมากขนาดนี้นี่นะ จะคอยดูแล้วกันว่าในอนาคตลูกชายทั้งสามของหล่อนจะแต่งภรรยาได้ไหม!”
ท้องของหล่อนค่อนข้างใหญ่แล้ว แต่หล่อนก็ยังต้องทำงาน ทว่าหลินชิงเหอไม่ต้องทำอะไรเลย เธอไม่ต้องทำอะไรแค่ทำตัวว่าง ๆ อยู่กับบ้านตลอดทั้งวัน!
“เธอรู้ได้ยังไงว่าหล่อนไม่มีเงินเลย? จากที่ฉันเห็นเหมือนหล่อนจะยังมีอีกเยอะเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นหล่อนจะกล้าทำตัวแบบนี้เหรอ?” หวังหลิงเอ่ย
“มีเยอะพอให้หล่อนใช้จ่ายแบบนี้ขนาดไหนกันเชียว? ฉันได้ยินมาว่าหล่อนตัดขาดจากครอบครัวทางแม่แล้ว เห็นชัดเลยว่าหล่อนกลับไปบ้านแม่เพื่อไปขอยืมเงิน แต่ทางบ้านนั้นก็ไม่ให้ยืม”
“ตัดขาด?” หวังหลิงเอ่ยอย่างตกใจ “ไม่ใช่ว่าพวกเขาแค่ทะเลาะกันหรอกเหรอ?”
“คนนอกก็เล่ามาแบบนี้ล่ะ พอหล่อนยืมเงินจากบ้านแม่ไม่ได้ก็เลยไม่กลับบ้านแม่มาสองปีแล้ว”
“ถ้าไม่มีเงินแล้วหล่อนยังกล้าใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ลูกชายทั้งสามของหล่อนจะมีโอกาสได้แต่งงานหรือเปล่าล่ะ? มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ที่ผู้หญิงต้องแต่งงานแล้วถึงจะมีกินน่ะ” หวังหลิงเอ่ย
“ใครจะกล้ายุ่งกับหล่อนกันล่ะ” สะใภ้รองแค่นเสียง
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามเองก็มาทำงาน ทั้งคู่ทำงานอยู่เบื้องหลังหญิงสองคนนี้ พวกหล่อนไม่รู้ว่าสองคนข้างหน้าคุยอะไรกันเพราะอยู่ไกล แต่รู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องของแม่เจ้าใหญ่แน่นอน
“เมื่อวานนี้ต้านีกลับมาบ้านและบอกว่าอาสะใภ้สี่ให้สาว ๆ ทั้งหมดกินหงโต้วถัง แล้วซานนีก็ได้กินด้วยนะ” สะใภ้ใหญ่พูด
ไม่ใช่แค่ต้านีที่พูดถึงเมื่อกลับมาบ้านแล้ว อู่นีก็พูดเรื่องนี้ให้สะใภ้สามฟังเหมือนกัน
“สะใภ้รองนี่ช่างเนรคุณจริง ๆ นะคะ” สะใภ้สามยกยิ้มมุมปาก
ลูกสาวของหล่อนกลับมาถึงก็บอกว่าซุปหวานนั่นมีทั้งพุทราจีน ถั่วแดง เก๋ากี้ ลำไยแห้ง และถั่วลิงสง ยิ่งกว่านั้นยังใส่น้ำตาลทรายแดงด้วย มันช่างหอมหวานมันอร่อยมีรสชาตินัก
แม่เจ้าใหญ่ไม่ถือสามากนักและให้ซานนีได้กินหนึ่งชาม ซานนีเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว ดังนั้นเธอต้องพูดถึงเรื่องนี้เมื่อกลับมาบ้าน
“พี่ไม่เข้าใจเลยว่าสะใภ้รองหวังจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้น
สะใภ้สามหัวเราะ “ใครจะรู้ล่ะคะ”
กลับมาที่ด้านของหลินชิงเหอ เธอมาที่อำเภอเพื่อขายเนื้อหมูซึ่งเก็บสะสมมาชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นมันจึงมีมากทีเดียว
หลังนำเนื้อหมูออกมาแล้ว หลินชิงเหอก็พาลูกชายทั้งสองเข้าห้างสรรพสินค้า เธอซื้ออุปกรณ์การเรียนบางส่วนให้เจ้าใหญ่ หนังสือเด็กบางเล่มให้เจ้ารอง และลูกแก้วบางลูกให้เจ้าสาม ซึ่งเด็ก ๆ ต่างดีใจมาก
เจ้ารองที่ได้หนังสือเด็กนั้นรู้สึกลิงโลดเสียจนยึดไว้คนเดียวในทันที
“ถ้าพี่ใหญ่ลูกอยากอ่านบ้าง ลูกต้องให้เขายืมอ่านนะ อย่ายึดไว้อ่านคนเดียว” หลินชิงเหอพูด
“ครับ” เจ้ารองเอ่ยตกลงอย่างมีความสุข
หลินชิงเหอพาเด็กทั้งสองเดินไปรอบ ๆ อีกครั้ง เมื่อเธอครุ่นคิดว่าต้องซื้ออะไรกลับไปที่บ้านอีกบ้าง เธอก็ไปซื้อก่อนจะกลับบ้าน
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หวังหลิง สะใภ้รอง รู้ว่าพวกหล่อนหวังดี แต่ช่วยเก็บความหวังดีนี้ไว้เถอะค่ะ แม่จัดการเองได้ กินข้าวกันบ้าง อย่ากินเผือกเยอะนัก
อืม…เกี๊ยวหมูขึ้นฉ่ายเหรอคะชิงเหอ…ได้…ได้…/mission completed/
ไหหม่า (海馬)