ตอนที่ 109 ชุนปิ่ง

บทที่ 109 ชุนปิ่ง

มันเป็นเวลาสิบโมงเช้าเท่านั้นในตอนที่ทั้งแม่และลูกชายทั้งสองนำของกลับมาที่บ้าน

“แม่ ผมหิวแล้ว” เจ้าสามเอ่ยขณะกอดขาผู้เป็นแม่

“เจ้ารอง ไปชงนมมอลต์ให้น้องกินนะจ๊ะ” หลินชิงเหอสั่ง

“ผมอยากกินด้วย” เจ้ารองบอก

“งั้นก็ชงมาสองแก้วเลย” หลินชิงเหอพยักหน้า

เจ้ารองผละไปชงนมมอลต์ โดยมีเจ้าสามตามหลังไปอย่างร่าเริง

ส่วนหลินชิงเหอหันไปปรุงอาหารหมู

ในตอนนี้หมูสองตัวที่ถูกนำมาเลี้ยงเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วในสวนหลังบ้านกำลังหิวพอดี

หลังปรุงอาหารหมูเสร็จ หลินชิงเหอก็ตักใส่รางให้พวกมันกิน เธอยังตักอาหารที่ปรุงเสร็จบางส่วนให้ไก่กินอีกด้วย ในเล้าไก่มีไก่เกินมาสองตัว ซึ่งไก่สองตัวนี้เป็นอาหารของโจวชิงไป๋โดยเฉพาะ หากการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเขาไม่ได้กินอาหารดี ๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้

หลังเลี้ยงหมูกับไก่เสร็จ หลินชิงเหอก็เริ่มนวดแป้งอย่างรวดเร็ว เธอวางแผนจะทำชุนปิ่งเป็นอาหารกลางวันนี้

การกินชุนปิ่งช่างเข้ากับวันเวลาในฤดูใบไม้ผลิเสียจริง ๆ

หลังพักแป้งไว้แล้ว เธอก็ขัดหม้ออีกครั้งจากนั้นก็เดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อตัดต้นกระเทียมมามาหนึ่งกำมือ หญิงสาวปอกมันฝรั่งและสับหัวหอมเตรียมไว้

เธอหยิบเนื้อหมูบางส่วนออกมาจากมิติและสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นทอดไข่ห้าฟอง เมื่อเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเสร็จแล้ว แป้งที่นวดไว้ก็ขึ้นตัวได้ที่พอดี

หลินชิงเหอลงมือนวดแป้งและรีดแป้งอีกครั้ง

ทันทีที่เธอทำอาหารของทั้งครอบครัวเสร็จ เจ้าใหญ่ก็กลับมาที่บ้านพอดี

“แม่ แม่ซื้อลูกแก้วกับหนังสือเด็กให้น้อง ๆ ใช่ไหมครับ แล้วแม่ซื้ออะไรให้ผมล่ะ?” เจ้าใหญ่วางกระเป๋านักเรียนลงและเดินมาหา

“แม่ซื้ออุปกรณ์การเรียนให้ลูก อยู่บนเตียงเตาแน่ะ ลูกไม่เห็นเหรอ?” หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขา

“แม่ซื้ออะไรมาให้ผมอีกบ้างครับ?” แน่นอนว่าเจ้าใหญ่เห็นมัน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้

“อย่างอื่นเหรอ? แม่อยากซื้อมาให้ลูกอยู่ล่ะ แต่ครั้งนี้แม่เอาเงินไปไม่พอ” หลินชิงเหอตอบ

“อย่าปลอบผมเลยแม่” เจ้าใหญ่ไม่เชื่อ

“ลูกคิดซะว่าแม่ปลอบก็ได้นะ” หลินชิงเหอโบกมือ

“แม่” เจ้าใหญ่เริ่มออกอาการไม่พอใจ

หลินชิงเหอหัวเราะ “ลูกอยากได้ลูกฟุตบอลเหรอ?”

“ลูกฟุตบอล?” ดวงตาของเจ้าใหญ่เบิกกว้าง

“ใช่แล้วล่ะ แต่ว่ามันไม่ถูกเลยนะ ลูกฟุตบอลลูกหนึ่งก็ใช้เงินมากกว่า 20 หยวนแล้ว” หลินชิงเหอบอก

ในยุคนี้ลูกฟุตบอลมีราคามากกว่า 20 หยวน ซึ่งถือว่าแพงมากจริง ๆ

สิ่งที่หลินชิงเหอเห็นในห้างสรรพสินค้านั้นเป็นลูกฟุตบอลใหม่เอี่ยมที่ไม่เคยวางขายมาก่อน

แต่ด้วยความที่เธอนำเงินไปไม่พอจึงซื้อมันไม่ได้ เธอเก็บเงินและคูปองทั้งหมดไว้ในมิติ แต่เพียงต้องการประวิงเวลาไว้ให้เจ้าใหญ่อยากได้มากขึ้นอีกนิด

“มากกว่า 20 หยวนเหรอครับ?” แม้เจ้าใหญ่จะรู้สึกดีใจ แต่เขาก็ต้องอึ้งไปในทันที ในสายตาของเขา เงินมากกว่า 20 หยวนนับว่ามากทีเดียว

“เงินที่ลูกเก็บกับเจ้ารองมีเท่าไหร่ล่ะ? เอามันมาให้แม่สิ แม่จะได้รวมเงินแล้วดูว่ามันพอซื้อหรือเปล่า” หลินชิงเหอเอ่ยและเริ่มรีดไถ

“เราเก็บไว้แค่หยวนเดียวเองครับ” เจ้าใหญ่บอก

“หยวนเดียวก็ถือว่าเป็นเงินเหมือนกันนั่นแหละ” หลินชิงเหอยิ้ม “ลองไปถามเจ้ารองเรื่องลูกฟุตบอลลูกนั้นสิ เขาเองก็เห็นมันเหมือนกัน”

เจ้าใหญ่เดินมาถามเรื่องนี้กับเจ้ารอง ซึ่งเจ้ารองก็ตอบไป “พี่อยากได้ลูกบอลไปทำไมน่ะ? มันเอาไว้เตะได้อย่างเดียวนะ พี่ใหญ่มาอ่านหนังสือเด็กกับผมสิ มันน่าสนใจมากเลย”

“ฉันอยากได้มันน่ะ” เจ้าใหญ่ยังคงยืนกราน

“งั้นพี่ก็ตื้อแม่ให้แม่ซื้อให้สิ” เจ้ารองเอ่ยโดยไม่มองหน้า

“แม่บอกให้มาเอาเงินที่เราเก็บไว้” เจ้าใหญ่บอก “ไปเอาเงินมาเลย”

เจ้ารองเป็นคนเก็บเงินที่ได้จากการขายหลอดยาสีฟันไว้ ยาสีฟันของพวกเขาถูกใช้หมดอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาแปรงฟันกันทั้งเช้าและเย็น หลอดยาสีฟันจึงเป็นแหล่งรายได้ของสองพี่น้อง

ในเวลานี้เจ้าสามไม่รู้ว่าเงินคืออะไร เขาเลยไม่ได้มาร่วมเก็บเงินกับพวกเขา

หลอดยาสีฟันสามารถนำไปแลกกับน้ำตาลได้ แต่น้ำตาลไม่ใช่สิ่งของหายากสำหรับสองพี่น้อง เพราะว่าที่บ้านมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายขาว หรือนมอัดเม็ด แม้กระทั่งลูกอมมอลต์ มันจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อน

ดังนั้นสองพี่น้องจึงเอามันไปแลกกับเงินแทน

พวกเขาสะสมทีละน้อยจนกระทั่งเก็บเงินได้ 1 หยวนพอดี

แน่นอนว่ามันถูกใช้ซื้อของกินเป็นครั้งคราว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเก็บได้มากกว่านี้

“เงินของเราจะไปพออะไรล่ะ?” เจ้ารองนิ่งไปและเอ่ยขึ้น

“พูดมากน่า รีบเอาเงินออกมาเร็ว ๆ” เจ้าใหญ่เร่ง

เจ้ารองไปหยิบเงินออกมาจากกล่อง แล้วก็มาหาผู้เป็นแม่พร้อมกับพี่ใหญ่

“แม่ครับ แม่จะซื้อลูกฟุตบอลให้พวกเราหรือเปล่า?” เจ้ารองถามตรง ๆ

“ใช่จ้ะ เพราะอย่างนี้ไงล่ะลูกถึงต้องเอาเงินมารวมกัน” หลินชิงเหอพยักหน้า

“แต่นี่เป็นเงินที่เราเก็บมานานมากแล้วก็เก็บได้ไม่มากด้วย แม่ซื้อให้พวกเราเถอะครับ” เจ้ารองบอก

“เงินของแม่ก็ได้มาจากการที่พ่อทำงานหนักเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นแม่ซื้อของให้ลูกตลอดเลยนะ ครั้งนี้ก็ยังตัดชุดใหม่ให้ลูกด้วย” หลินชิงเหออธิบาย

เจ้ารองกอดกล่องเอาไว้และถอนหายใจอย่างชั่งใจก่อนจะยื่นส่งให้กับเธอ “แม่ครับ เอาไปเถอะครับ แม่ต้องซื้อของดีให้เราแน่ ๆ”

“ตกลงจ้ะ” หลินชิงเหอก้มหน้าลงและเอ่ยสัญญากับพวกเขาว่าจะซื้อให้ในคราวหน้า

“ครั้งหน้าผมขอไปกับแม่ด้วยนะครับ” เจ้าใหญ่รีบเอ่ย

“ลูกไม่ต้องไปโรงเรียนเหรอ? แล้วแม่ก็พาลูกสามคนไปหมดไม่ได้หรอกนะ” หลินชิงเหอปฏิเสธ

“ทีน้อง ๆ ยังไปได้เลยนี่ครับ” เจ้าใหญ่พูด

“น้อง ๆ ยังเล็กอยู่ ในขณะที่ลูกโตแล้ว นอกจากพ่อก็มีลูกนี่แหละที่เป็นผู้ชายตัวโตที่สุดในบ้าน” หลินชิงเหอกุมมือข้างหนึ่งของเด็กชายไว้

เจ้าใหญ่รู้สึกพอใจไม่น้อย เขาจึงไม่เถียงแม่อีก “กลางวันนี้มีอะไรทานครับแม่?”

“ชุนปิ่งน่ะ” หลินชิงเหอตอบ “ไปดูสิว่าพ่อกลับมาหรือยัง”

เจ้าใหญ่เดินออกไปดูทันที จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับพ่อของเขา

“ฉันตักน้ำไว้ให้แล้วนะคะ ไปล้างหน้าล้างมือแล้วเตรียมทานอาหารได้แล้วค่ะ” หลินชิงเหอสั่งชายหนุ่ม

เมื่อเห็นร่องรอยความอ่อนล้าฉายทางแววตาของเขาแล้ว หลินชิงเหอก็รู้สึกสลดลงหน่อย ๆ แต่ก็ไม่มีทางอื่น การทำของอร่อยให้เขาทานและหมั่นดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ถือว่าเป็นการให้กำลังใจอย่างหนึ่ง

ไม่ต้องบอกเลยว่าทักษะการทำอาหารของหลินชิงเหอเป็นอย่างไร เธอทำชุนปิ่งเสร็จเรียบร้อย รอเพียงให้เขาล้างมือและมาทานมัน

“แม่ ซอสนี่อร่อยมากเลยครับ” เจ้าใหญ่บอก

“ทั้งหวานทั้งเปรี้ยว” เจ้ารองเห็นด้วยเหมือนกัน

“อร่อย” คราวนี้เป็นเจ้าสามที่ประเมินรสชาติ

หลินชิงเหอรู้สึกพอใจขึ้นมาหน่อย ๆ มันคือซอสมะเขือเทศที่เธอทำเองจากมะเขือเทศในสวนหลังบ้าน ซอสนี้เธอทำเมื่อปีที่แล้ว และเก็บไว้ในมิติโดยที่มันไม่เน่าเสีย พอเอาออกมาในตอนนี้มันก็ยังมีรสชาติดีอยู่

“ไม่ถูกปากเหรอคะ?” หลินชิงเหอหันไปทางโจวชิงไป๋

“อร่อยมาก” โจวชิงไป๋เหลือบมองเธอ สำหรับเรื่องการทำอาหาร ภรรยาของเขาไม่จำเป็นต้องให้เขามาช่วยเลย

“ฉันจะทำซอสพริกให้คุณมากกว่านี้ในปีนี้นะคะ คุณอาจไม่คุ้นกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของซอสมะเขือเทศ ซอสพริกเหมาะกับคุณมากกว่าค่ะ” หลินชิงเหอบอก

“ตกลง” โจวชิงไป๋พยักหน้า

“หลังกินเสร็จก็ไปพักผ่อนนะคะ” หลินชิงเหอเร่ง

ช่วงการปลูกพืชในฤดูใบไม้ผลิตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก แม้โจวชิงไป๋จะมีร่างกายแข็งแรง แต่หลังจากทำงานมาตลอดทั้งเช้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่ามันไม่เหนื่อย

ดังนั้นหลังจากทานชุนปิ่งเสร็จแล้ว เขาก็ไปพักผ่อนเป็นคนแรก จากนั้นก็ออกไปทำงานต่อในช่วงบ่าย

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อืม…ของน่ากินอีกแล้ว…ปักหมุดไว้เป็นเป้าหมายต่อ ๆ ไป (ถ้าสถานที่กับอุปกรณ์เอื้ออำนวย)

เจ้าใหญ่จะได้ซื้อลูกบอลสมใจไหม รอดูตอนต่อ ๆ ไปค่ะ

ไหหม่า (海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset