ตอนที่ 130 เดินทางถึงเมืองหลวง

บทที่ 130 เดินทางถึงเมืองหลวง

ตอนแรกโจวชิงไป๋ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่ของเขาต้องการสื่อ แต่เมื่อเขานึกออกเขาก็นิ่งไป

“แม่ครับ ไม่ใช่ชิงเหอหรอกครับที่ต้องตรวจร่างกาย แต่เป็นผมเอง” โจวชิงไป๋ปัดว่าเป็นเรื่องของเขาเอง

“แกเนี่ยนะไปตรวจร่างกาย?” ท่านแม่โจวชะงักไปครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับแกงั้นเหรอ?”

“ผมกลัวว่าการบาดเจ็บสาหัสครั้งนั้นของผมมันจะส่งผลต่ออวัยวะภายในด้วยน่ะครับ ชิงเหอก็เลยไม่มีลูกจนกระทั่งถึงตอนนี้” โจวชิงไป๋บอก

จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้จะออกตัวรับผิดชอบแทนเสียหมดหรอก เขาเองก็มีความสงสัยตัวเองเหมือนกัน แม้อาการบาดเจ็บครั้งนั้นจะไม่ทำให้ร่างกายช่วงล่างของเขาเสียหาย แต่มันก็หนักเอาการอยู่

เหตุผลส่วนใหญ่จึงเทมาทางเขา ไม่อย่างนั้นแล้วภรรยาที่มีความสามารถในการมีลูกของเขาจะไม่ตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?

เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่โจวตาสว่าง นางเองก็บอกอยู่เนือง ๆ ว่าเจ้าสามตัวโตเท่านี้แล้ว แต่ทำไมสะใภ้สี่ยังไม่ท้อง หรือจะเป็นเพราะเหตุผลนี้กัน?

“แม่เจ้าใหญ่เป็นคนบอกให้แกไปหรือเปล่า?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้

“ไม่ใช่ครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า ก่อนจะพูดต่อ “แม่ครับ มีแค่แม่กับพ่อเป็นคนดูแลลูก ๆ ให้เราสองคนก็พอแล้วครับ”

“แล้วแกไปตรวจที่โรงพยาบาลในอำเภอไม่ได้เหรอ?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้

“ไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ น่าจะดีกว่าครับ ผมกลัวว่าถ้าตรวจที่นี่คงจะไม่รู้ผลอะไร” โจวชิงไป๋ตอบ

ท่านแม่โจวถอนหายใจ “งั้นแกก็ไปเถอะ ให้แม่เจ้าใหญ่ดูแลแกให้ดี ๆ ส่วนพ่อกับแม่จะดูแลบ้านให้เอง”

โจวชิงไป๋พยักหน้า

เรื่องนี้เองทำให้ท่านแม่โจวทานเกี๊ยวแสนอร่อยในตอนเย็นแบบไม่รู้รสชาติใด ๆ ในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวล

“ตอนที่ทำเกี๊ยวอยู่ คุณบอกคุณแม่เรื่องอะไรเหรอคะ คุณแม่ถึงได้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้?” หลินชิงเหอถามโจวชิงไป๋ขณะที่พวกเขาเข้านอนในคืนนั้น

โจวชิงไป๋จึงสรุปให้ฟัง หลินชิงเหอถึงกับอึ้งไป

คุณไม่ต้องสงสัยตัวคุณเองหรอก คุณน่ะบาดเจ็บแค่ร่างกายท่อนบน ฉันรับประกันเลยว่าร่างกายช่วงล่างของคุณ โดยเฉพาะน้องชายตัวโตของคุณน่ะแข็งแรงและไม่มีปัญหาอะไรเลย!

แต่โจวชิงไป๋รู้สึกแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นหลินชิงเหอที่อยากจะไปเมืองหลวงในครั้งนี้ แต่โจวชิงไป๋ก็อยากไปตรวจร่างกายเพื่อดูว่ามีผลข้างเคียงใด ๆ เหมือนกัน

หลินชิงเหอกระซิบ “ชิงไป๋ ถ้าเกิดว่าเป็นฉันเองที่มีปัญหาล่ะค่ะ?”

โจวชิงไป๋ส่ายหน้า “คุณไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

มันควรเป็นเขามากกว่าที่ไม่สามารถทำให้เธอตั้งครรภ์ได้ ร่างกายของเธอเป็นประเภทแตะนิดแตะหน่อยก็ท้องได้แล้ว

หลินชิงเหอคร่ำครวญให้ตัวเองอยู่ในใจ เธอวางแผนว่าจะรอจนกว่าพวกเขาไปถึงเมืองหลวง จากนั้นก็ค่อยสารภาพเขาไปตรง ๆ มีแค่สองคนมันคงคุยกันง่ายขึ้น

ตอนนี้ยังมีคนอยู่ในบ้านเยอะเกินไป ดังนั้นจึงต้องพับเรื่องนี้ไว้ก่อน

เจ็ดวันหลังจากนั้น หลินชิงเหอก็ถักเสื้อกั๊กให้เจ้ารองกับเจ้าใหญ่เสร็จ โจวชิงไป๋เองก็สะสมไม้ฟืนมาได้มากแล้วเหมือนกัน

และในปีนี้บ้านของพวกเขาก็ได้รับส่วนแบ่งฟางกับต้นฝ้ายเป็นจำนวนมาก จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโจวชิงไป๋เป็นคนไปหาฟืนแต่ฝ่ายเดียว เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการเยอะมาก

หลินชิงเหอต้มไข่ต้มไว้เต็มหม้อสำหรับให้ทั้งครอบครัวกิน ซึ่งคิดเป็นสี่หรือห้าชั่งเลยทีเดียว

ส่วนของอื่น ๆ ก็มีเยอะเหมือนกัน หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จึงนำทะเบียนสมรสและเอกสารการเดินทางติดตัวไปด้วย จากนั้นก็ออกเดินทาง

สามพี่น้องร้องอยากตามไปด้วย แต่เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเขาทั้งคู่เดินทางเพื่อทำธุระ ไม่ใช่เพื่อเที่ยวเล่น

นอกจากนี้สถานการณ์นอกหมู่บ้านยังนับว่าสาหัสกว่าในหมู่บ้านเยอะ หลินชิงเหอจึงไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องมาเสี่ยง

ในยุคนี้ยามคู่ชายหญิงจะไปไหนมาไหนด้วยกัน พวกเขาจะต้องนำใบทะเบียนสมรสติดตัวไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะถูกมองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะไม่ควรระหว่างชายหญิง

หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เองก็เจอกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบนรถไฟด้วย

อีกฝ่ายหนึ่งมีท่าทีขึงขัง แต่เมื่อเขารู้สึกได้ถึงรังสีนายทหารของโจวชิงไป๋กับคำพูดฟังดูมีการศึกษาของหลินชิงเหอที่แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานที่ดี เขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทางอวดดีมากนัก

หลังตรวจสอบแล้วพบว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและต้องการจะไปที่เมืองหลวงเพื่อทำธุระ พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ หลินชิงเหอก็ยังต้องย่นคิ้ว

“ตอนนี้สถานการณ์ภายนอกเป็นแบบนี้แหละ คุณอดทนหน่อยนะแล้วมันจะผ่านไป” โจวชิงไป๋เอ่ยพลางกุมมือของเธอไว้

หลินชิงเหอพยักหน้า

หนทางไปเมืองหลวงไม่ได้ใกล้เลย แค่การเดินทางขาไปขาเดียวก็กินเวลาไปห้าวัน

ต้องบอกว่าทันทีที่หลินชิงเหอได้ออกจากรถไฟ เธอก็รู้สึกเหมือนได้ชีวิตกลับมาอีกครั้ง เธอไม่คิดเลยว่าระบบขนส่งมันจะล้าหลังขนาดนี้

หลังนั่งรถไฟมาตลอดทาง หลินชิงเหอก็รู้สึกหมดพลัง เธอเริ่มมองหาบ้านพักรับรองแขกคุณภาพพอใช้กับโจวชิงไป๋โดยไม่ต้องเอ่ย แสดงเอกสาร จากนั้นก็เปิดห้องพัก

หลังพอใจกับสุขอนามัยในห้องพักแล้ว ในที่สุดหลินชิงเหอก็ล้มแปะลงบนเตียงในทันที “ฉันมาที่นี่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ ถ้าครั้งหน้าให้ฉันมา ฉันจะไม่มาอีกแล้ว!”

สวรรค์เถอะ เธอไม่รู้เลยว่าตลอดทางตัวเองทนมาได้อย่างไร

“คุณไปอาบน้ำก่อนนะ” โจวชิงไป๋กลั้วหัวเราะ

เขาเคยชินกับความยากลำบากแล้ว เขาเลยไม่รู้สึกว่ามันทนไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยแน่ ๆ

หลินชิงเหอเข้าไปอาบน้ำเป็นคนแรก โจวชิงไป๋เข้าไปอาบน้ำต่อจากนั้นด้วย ทั้งคู่รู้สึกสดชื่นขึ้นมากก่อนที่จะเข้านอน

ตลอดทางพวกเขานอนไม่หลับเลย อย่าว่าแต่หลินชิงเหอเถอะ โจวชิงไป๋เองก็รู้สึกเพลียเล็กน้อยด้วย

ทั้งคู่จึงไม่สนใจที่จะกินและเข้านอนในทันทีก่อนที่จะตัดสินใจอะไรต่าง ๆ

พวกเขานอนพักจนท้องฟ้าข้างนอกมืด โจวชิงไป๋ตื่นขึ้นหลังงีบไปได้สองชั่วโมง สุดท้ายแล้วพฤติกรรมร่างกายของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ก็ยังอยู่ หลังตื่นนอนแล้วเขาก็เห็นว่าภรรยายังคงหลับอยู่จึงไม่ได้กวนเธอ หลังออกไปข้างนอกและซื้ออาหารอร่อย ๆ กลับมาแล้ว เขาก็ปลุกภรรยาให้ลุกขึ้นมาทานอาหาร

หลินชิงเหอยังคงงัวเงีย เธอจึงกินไปแค่ไม่กี่คำจากนั้นก็นอนต่อ โจวชิงไป๋เห็นแล้วก็กินอาหารส่วนที่เหลือ

หลังกินอาหารเสร็จ โจวชิงไป๋ก็นอนต่อ

ทั้งคู่หลับไปตั้งแต่เย็นจนถึงเช้าตรู่

เมื่อถึงตอนเช้า หลินชิงเหอก็บอกไม่ได้ว่าทิศเหนือกับทิศใต้ต่างกันอย่างไร ทันทีที่เธอขยับตัว โจวชิงไป๋ก็ตื่นขึ้นด้วย

หลังหลับไปนานแสนนาน พลังของเธอก็ฟื้นคืนอย่างมาก

“ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?” หลินชิงเหอถาม

โจวชิงไป๋มองนาฬิกาข้อมือ “เจ็ดโมงครึ่งแล้ว”

“หลับไปนานขนาดนั้นเชียว!” หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนั้น

“รู้สึกดีขึ้นไหม?” โจวชิงไป๋ถาม

“ฉันสบายดีแล้วค่ะ แค่เหนื่อยเท่านั้น” หลินชิงเหอยืดเส้นยืดสายอย่างสบายตัว

หลังนอนหลับไปอย่างยาวนาน เธอก็รู้สึกสบายตัวขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นแบบผีดิบอย่างเมื่อตอนมาถึงเมืองหลวงใหม่ ๆ เมื่อวานนี้

ทั้งคู่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นล้างหน้าแต่งตัวและออกจากที่พัก

หลินชิงเหอไม่รีบร้อนหาสมบัตินัก อย่างแรกเธอเดินไปรอบ ๆ กับโจวชิงไป๋ แล้วก็เดินมาถึงโรงพยาบาลภายในวันนั้น

หญิงสาวคิดว่าเขาจะพาเธอไปซื้อของ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่

“เราเข้าไปกันเถอะ” โจวชิงไป๋เดินนำเธอไป

แม้แต่ในยุคนี้ที่คนทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถจับมือถือแขนยามเดินบนถนน และยังเดินใกล้กันไม่ได้อีกด้วย

“ชิงไป๋ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณน่ะค่ะ”

หลินชิงเหอมองโรงพยาบาลแล้วก็ถอนหายใจครู่หนึ่ง เธอยืนนิ่งและมองโจวชิงไป๋ด้วยท่าทียอมจำนน

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สมัยนั้นเคร่งมากเลยนะคะ ถึงแต่งงานกันแล้วก็จับมือกันไม่ได้ เดินใกล้กันไม่ได้ แถมจะไปไหนยังต้องแสดงทะเบียนสมรสอีก

แม่จะบอกความจริงกับพ่อแล้วค่ะ พ่อจะทำอย่างไรต่อไป ติดตามต่อตอนหน้านะคะ

ไหหม่า (海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset