ตอนที่ 219 เนื้อร้อยชั่ง

บทที่ 219 เนื้อร้อยชั่ง

หลังกินอาหารกลางวันที่บ้านของซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเม่ยแล้ว หลินชิงเหอก็พาเด็ก ๆ ไปดูหนัง

เมื่อเห็นว่าซูเฉิงกับซูสวิ่นน้อยเอ่ยลาอย่างมีความสุขโดยไม่มีท่าทางลังเลใด ๆ ซูต้าหลินจึงเอ่ยความเห็นขึ้นมา “พวกเขา….สนิทกับคุณป้….า….สี่ของพวก….เขาจริง ๆ นะ”

“แน่อยู่แล้วล่ะค่ะ พี่สะใภ้สี่ดูแลพวกเขาดีจะตาย” โจวเสี่ยวเม่ยตอบ

“พี่สะใภ้สี่….ใจดีจริง ๆ นะ…ครับ ผะ…ผมเห็นว่าหล่อน….ดูแลเด็ก ๆ ได้ไม่ต่างจากเจ้าใหญ่…ละ…และน้อง ๆ เลย” ซูต้าหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“พี่สะใภ้สี่เป็นคนแบบนี้ล่ะค่ะ ต่อให้เธอไม่ได้ช่วยดูแลหรือเห็นด้วยที่จะดูแลพวกเขา เธอก็ไม่เลือกปฏิบัติหรอกค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยบอก

ซูต้าหลินยิ้มกริ่ม เขารับรู้อยู่ในใจแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเต็มใจให้เจ้าใหญ่ผู้เป็นหลานของเขามาอยู่อาศัยที่บ้านของพวกเขาเหรอ?

เขาย่อมรู้สึกอยากตอบแทนบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

การเป็นญาติกันเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ร้องขอหรือยกให้แบบพร่ำเพรื่อ เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันอยู่แล้ว

หลินชิงเหอไม่สนใจเรื่องนี้ เธอพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขหนึ่งวันเต็ม พวกเขาทั้งดูหนัง กินถังหูลู่ จากนั้นก็ซื้อแตงโมกลับไปที่บ้าน

พอท่านแม่โจวรู้ว่าวันนี้เธอพาเด็ก ๆ ไปเยี่ยมลูกสาวคนเล็กของนาง นางก็ถามขึ้นมา “เสี่ยวเม่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อยู่ดีมีสุขมากค่ะ หล่อนเหมือนจะถูกน้องเขยตามใจแบบสาวน้อยคนหนึ่งเลย ครั้งนี้ฉันไปหา หล่อนก็บอกฉันแบบอาย ๆ ว่าคนนี้เป็นคนสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้หล่อนจะไม่คลอดลูกอีกแล้วค่ะ” หลินชิงเหอบอก

ท่านแม่โจวเอ็ดด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กตัวเหม็นคนนี้นี่ ไม่รู้ว่าหล่อนไปมีความคิดแบบนี้มาจากไหน ตอนยังสาวก็คลอดลูกให้เยอะ ๆ เข้าไว้สิ แก่ตัวไปในอนาคตก็ไม่มีโอกาสได้คลอดลูกแล้ว ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่ว่าหล่อนรับมือไม่ไหวสักหน่อย”

ตอนนี้เงินเดือนของซูต้าหลินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว จาก 30 หยวนต่อเดือนเป็นเกือบ 40 หยวนต่อเดือน

เงินเดือนของโจวเสี่ยวเม่ยก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เป็นเกือบ 20 หยวนต่อเดือน

แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็เป็นพนักงานธรรมดา ไม่ได้มีตำแหน่งดีเหมือนกับซูต้าหลิน

ทว่าเมื่อรวมเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นของคนทั้งคู่แล้ว มันก็เป็น 60 หยวน

ในยุคนี้หากครอบครัวหนึ่งมีรายได้จำนวนเท่านี้ในทุกเดือน ก็จัดว่าเป็นคุณภาพชีวิตที่หรูหราเลยทีเดียว

ขนาดผู้คนในชนบทยังสามารถเลี้ยงดูลูกจำนวนมากมายได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีรายได้สูงขนาดนั้นเลย

“หลังคลอดลูกแล้วก็จะเท่ากับมีลูก 3 คน หากเสี่ยวเม่ยไม่อยากจะมีลูกอีก คุณแม่ก็อย่าตำหนิหล่อนเลยค่ะ”หลินชิงเหอบอก

“สามคนถือว่าไม่น้อย แต่ก็ไม่เยอะเหมือนกัน ต้าหลินได้สืบทอดกิจการแบบนี้แล้ว มีลูกเยอะขึ้นก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” ท่านแม่โจวตอบ

“ตอนนี้พวกเขามีลูกชาย 2 คนแล้ว และถ้าคนนี้เป็นผู้หญิง ก็จะมีทั้งลูกชายลูกสาวครบพอดี หากเป็นผู้ชาย ก็เท่ากับพวกเขาจะมีลูกชาย 3 คน คุณแม่ปล่อยให้พวกเขาสองคนคุยกันเองเถอะค่ะ” หลินชิงเหอชี้แจง

“อืม” ท่านแม่โจวพยักหน้า นางไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซง “ฉันทุบแล้วก็ผ่าไส้พุงปลาไหลนาพวกนั้นแล้วนะ”

“งั้นฉันเอาไปตุ๋นกับผักดองนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

เธอลงมือทำอาหาร มีปลาไหลนาตุ๋นกับผักดอง ซุปมะเขือเทศกับไข่คน กะหล่ำปลีผัด และหมูสามชั้นผัดถั่วพุ่ม

เมื่อโจวชิงไป๋กับคนอื่น ๆ กลับมาถึง ทั้งครอบครัวก็เริ่มกินอาหารเย็น

วันต่อมาหลินชิงเหอมาเยี่ยมเม่ยเจี่ย หลังเม่ยเจี่ยพาเธอเข้ามาในบ้านแล้วหล่อนก็กระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงร้อนรน “น้องสาว บรรยากาศในเมืองช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“ตอนนี้ปกติดีค่ะ ความวุ่นวายในปีนี้เมื่อก่อนหน้านี้ถือว่ารุนแรงอยู่ แต่ตอนนี้มันสงบมากแล้วค่ะ” หลินชิงเหอตอบ เห็นเม่ยเจี่ยมีท่าทางแบบนี้ เธอก็ลดเสียงลง “เม่ยเจี่ย เกิดอะไรขึ้นในโรงเชือดหรือเปล่าคะ?”

“มีอยู่ล่ะ แต่ไม่รู้ว่าน้องสาวจะรับไหวหรือเปล่านะ” เม่ยเจี่ยกระซิบ

“เยอะขนาดไหนเหรอคะ?” หลินชิงเหอถามขณะมองดูหล่อน

“40 ชั่ง เป็นเนื้อชั้นยอดกับเนื้อชั้นรองทั้งนั้นเลย” เม่ยเจี่ยจ้องมองเธอแล้วเอ่ยตอบ

“มากขนาดนั้นเชียว?” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างประหลาดใจ “อย่าบอกนะคะว่าเป็นเนื้อจากหมูที่ตายเอง”

แม้มันจะเป็นเนื้อจากหมูที่ตายเอง แต่ผู้คนในยุคนี้ก็ไม่สนใจ ทุกคนล้วนอยากซื้อลูกหมูที่ตายแล้วกันทั้งนั้น

แต่หลินชิงเหอรับไม่ได้ เธอไม่อยากทำธุรกิจไร้ยางอายแบบนั้น ในฐานะคนที่มาจากอนาคต เรื่องนี้ถือว่าเป็นขีดต่ำสุดของเธอแล้ว

“ไม่ใช่อะไรหรอก มันเป็นเนื้อจากหมูที่เลี้ยงเกินจำนวนต่างหาก” เม่ยเจี่ยกระซิบ

จากนั้นหล่อนก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเชือดภายใน 2-3 ประโยค

ในโรงเชือดเลี้ยงหมูไว้เหมือนกัน แต่เลี้ยงแบบจำกัดจำนวน หากว่าใครเกิดอยากจะเลี้ยงมากขึ้นก็ไม่มีใครรู้

พวกเขามีหมูจำนวนมากอยู่ที่นั่น ยิ่งกว่านั้นคนที่มาและไปจากที่นั่นยังเป็นกลุ่มเดิม ดังนั้นเรื่องจึงไม่รั่วไหลออกไป

แน่นอนว่าพวกเขาเพิ่งพยายามทำแบบนี้ในปีนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าทำหรอก

พวกเขาไม่คิดว่าปีนี้จะเข้มงวดกวดขันขนาดนี้ ทำให้ผู้คนถึงกับหวาดกลัวกันไปครู่หนึ่ง แต่โชคดีที่โรงเชือดไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ

หลังหลินชิงเหอรู้เรื่องนี้ เธอก็จัดตารางเวลากับเม่ยเจี่ย และตกลงว่าคราวหน้าจะมาหาหล่อนพร้อมกับโจวชิงไป๋ราว ๆ ตีหนึ่ง

ในตอนนี้เป็นประโยชน์มากที่จะบอกความลับของเธอให้โจวชิงไป๋รู้

ไม่อย่างนั้นเธอคงพลาดเนื้อหมูจำนวนมากขนาดนั้น ในเมื่อเธอมีมิติเก็บของส่วนตัวแล้ว เธอก็สามารถขอเนื้อเพิ่มจากเม่ยเจี่ยเป็นจำนวนมากได้

เป็นเนื้อหมูจำนวนเกือบร้อยชั่งเลยทีเดียว

จำนวนนี้นับว่าอยู่ในขีดจำกัดของหลินชิงเหอ ที่เม่ยเจี่ยตัดสินใจให้เธอนั้นเป็นเพราะหล่อนรู้จักเธอมานานหลายปี

หลังกลับไปถึงบ้านแล้ว หลินชิงเหอก็บอกโจวชิงไป๋เกี่ยวกับเรื่องนี้

โจวชิงไป๋มีสีหน้าจนใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร พอถึงตีหนึ่งในคืนนั้น ทั้งคู่ก็ออกจากบ้าน

เนื้อ 100 ชั่งนับว่าไม่น้อยเลย เม่ยเจี่ยเก็บมันไว้ในถุงกระสอบพลาสติก 2 ใบและเขียนบอกน้ำหนักของเนื้อแต่ละส่วนไว้ เมื่อรับสินค้าแล้วหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็จากไปในทันที

“ระวังตัวด้วยนะ” เม่ยเจี่ยกระซิบ

“พรุ่งนี้ฉันจะไปหาพี่ที่บ้านและนั่งรอนะคะ” หลินชิงเหอตอบ จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับโจวชิงไป๋ เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้วก็รีบเก็บเนื้อเข้ามิติทันที

“เป็นเนื้อชั้นดีทั้งนั้นเลยนะคะ ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องขายมันในทุกที่แล้ว เก็บมันไว้กินเองดีกว่าค่ะ” หลินชิงเหอเพ่งจิตเปิดถุงในมิติเพื่อตรวจสอบดู แล้วก็เอ่ยขึ้นมา

มีทั้งเนื้อติดมัน เนื้อสามชั้น เนื้อสะโพก และแน่นอนว่ามีเนื้อซี่โครงกับเนื้อติดกระดูกด้วย

“งั้นเราเก็บไว้กินเองเถอะ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม งั้นเธอจะไม่ทนแล้ว เนื้อทั้งหมดที่เธอซื้อมาถูกกินหมดแล้ว คงไม่เป็นไรหรอกหากจะเก็บเนื้อพวกนี้ในมิติไว้ให้พวกเขากินเอง

เนื้อ 100 ชั่ง เธอซื้อมาจากเม่ยเจี่ยด้วยราคาต่ำกว่า 100 หยวน ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะเก็บมันไว้ให้พวกเขากินเอง

ส่วนที่เธอจะขายนั้น เธอมักจะนำเนื้อหมูส่วนที่เหลือไปขาย ซึ่งมันยังเป็นของยอดนิยมในตลาดมืด ยิ่งกว่านั้นยังทำกำไรได้มหาศาลด้วย

เมื่อวานซืนนี้เธอนับเงินเก็บในครอบครัวดูแล้ว พบว่ามันมีมากกว่า 5,000 หยวน ซึ่งในยุคนี้มันเท่ากับเงินครึ่งแสนในอนาคตเลยทีเดียว ต้องบอกว่าหลินชิงเหอประสบความสำเร็จมากจริง ๆ

เมื่อคนทั้งคู่กลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็อาบน้ำเข้านอนโดยไม่รบกวนเด็ก ๆ ในห้องข้าง ๆ

หลังทำอาหารเช้าในวันต่อมาเสร็จ หลินชิงเหอจึงได้มาหาเม่ยเจี่ยที่บ้านของหล่อนเพื่อตกลงเรื่องเงินกัน เนื้อหมูทั้งหมดมีมูลค่าเกือบ 90 หยวน เธอจึงให้อีกฝ่ายไป 90 หยวน

เม่ยเจี่ยรู้สึกยินดีมาก หล่อนถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ลูกค้าคนต่อไปจะไม่มีปัญหาเหรอ?”

“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ พี่อย่ากังวลไปเลย” หลินชิงเหอที่ไม่มีลูกค้ารายต่อไปพยักหน้ายืนยัน

“นั่นก็ดีแล้ว” เม่ยเจี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลินชิงเหอไม่ได้อยู่นาน หลังเอ่ยอำลาเม่ยเจี่ยแล้ว เธอก็กลับบ้านและเริ่มตุ๋นกระดูกหมูเตรียมไว้สำหรับทำบะหมี่ในมื้อกลางวัน

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่เก่งจังเลยค่ะ เก็บเงินได้ถึงครึ่งแสนหยวนแล้ว อยากเก็บเงินได้เยอะ ๆ เหมือนแม่จังเลย

ไหหม่า (海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset